สำนักข่าว Irrawaddy รายงานว่า ภายใต้แรงกดดันจากจีนที่ต้องการให้เมียนมาดำเนินการปราบปรามปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ หรือแก๊งหลอกหลวงออนไลน์ตามแนวชายแดน รัฐบาลทหารเมียนมาได้กล่าวโทษว่าเป็นเพราะเพื่อนบ้านและกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เสียที
รัฐบาลทหารเมียนมาออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาระบุว่า ศูนย์ปฏิบัติการหลอกลวงออนไลน์ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน ได้รับไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตจากประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมกล่าวว่า มีองค์กรอาชญากรรมที่ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งยังได้รับอาวุธ กระสุน และวัสดุก่อสร้างจากประเทศที่อยู่ติดชายแดน ซึ่งถึงแม้จะไม่มีการระบุชื่ออย่างชัดเจนว่า เพื่อนบ้านที่ว่าคือประเทศอะไร แต่รายงานระบุว่า เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่าคือประเทศไทย
ในแถลงการณ์ รัฐบาลทหารเมียนมาอ้างว่า แก๊งต้มตุ๋นตามแนวชายแดนดำเนินการโดยชาวต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะต้องมีการร่วมมือกันเพื่อปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์ โดยรัฐบาลทหารเมียนมาระบุว่า ได้จับกุมชาวต่างชาติ 55,711 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ฐานเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงออนไลน์ และส่งตัวกลับประเทศต้นทางแล้ว
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทหารยอมรับว่า ไม่สามารถควบคุมพื้นที่ที่แก๊งเหล่านั้นอยู่ได้ เนื่องจากสถานการณ์ไม่มั่นคง และกล่าวหาว่ากลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธต่างๆ พัวพันกับปฏิบัติการของแก๊งเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีการกล่าวถึง นายซอ ชิต ทู หัวหน้ากองกำลังพิทักษ์ชายแดนรัฐกะเหรี่ยง (BGF) ที่สนับสนุนรัฐบาลทหาร ซึ่งเขามีชื่อเสียงกว้างขวางในฐานะผู้ดูแลบ่อนพนันและแก๊งฉ้อโกงออนไลน์ในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยรัฐบาลหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ สหรัฐฯและสหภาพยุโรป ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อนายซอ ซึ่งได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลทหารเมียนมา
ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา (NUG) สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) และกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยแห่งสหพันธรัฐ ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันระบุว่า กองกำลัง BGF ที่สนับสนุนรัฐบาลทหาร รวมถึงกองกำลังติดอาวุธและกลุ่มพันธมิตร เป็นคนรักษาความปลอดภัยให้แก่บรรดาแก๊งต้มตุ๋นบริเวณชายแดน
กลุ่มดังกล่าวยังให้คำมั่นว่าจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้เมียนมากลายเป็นศูนย์กลางของการฉ้อโกงออนไลน์ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก พร้อมเรียกร้องความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน อินเดีย บังกลาเทศ ลาว และไทย เพื่อสร้างช่องทางการสื่อสารและการแบ่งปันข้อมูลในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมย้ำว่า กลุ่มปฏิวัติพร้อมที่จะร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศในการต่อสู้กับการฉ้อโกงออนไลน์
ปัจจุบัน เมืองเมียวดี ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนสำคัญระหว่างเมียนมาและไทย ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งรวมของแก๊งต้มตุ๋นที่ดำเนินการโดยกลุ่มอาชญากรรมชาวจีนสีเทา โดยมีเมืองชเวก๊กโก่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือและมี KK Park ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ซึ่งทั้งสองจุดทราบกันดีว่าเป็นศูนย์รวมของอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งการหลอกหลวงออนไลน์ และการค้ามนุษย์ อีกทั้งยังมีรายงานจำนวนมากเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานและการทรมาน
ศูนย์หลอกลวงออนไลน์ตามแนวชายแดนผุดขึ้นราวกับเห็ด นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2021 โดยหลายกลุ่มได้ย้ายฐานมาที่เมียวดีแทน หลังเมื่อปีที่ผ่านมา มีรัฐบาลจีนและรัฐบาลทหารเมียนมาบุกเข้าไปปราบปรามแก๊งอาชญากรเหล่านั้น ซึ่งแต่เดิมเคยตั้งอยู่ในรัฐฉานตอนเหนือ
เมียวดีตกเป็นประเด็นอีกครั้งในเดือนที่ผ่านมา หลังจากมีรายงานว่า ดาราจีนถูกล่อลวงมายังประเทศไทย ก่อนถูกแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชายแดน หลอกไปบังคับใช้แรงงานในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การยกเลิกการจองทัวร์ของนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากมายังประเทศไทย ขณะที่สถานทูตจีนได้ออกประกาศเตือนการเดินทาง ในขณะเดียวกัน หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้เรียกร้องความร่วมมือจากประเทศสมาชิกอาเซียนในการปราบปรามการฉ้อโกงข้ามชายแดน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา นายซอ ชิต ทู ได้ประกาศ “ปราบปราม” การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามพรมแดน และการฉ้อโกง ในการประชุมฉุกเฉินกับผู้นำกองทัพประชาธิปไตยกะเหรี่ยงผู้ปรานี (DKBA) และนักธุรกิจชาวจีนในพื้นที่เมียวดี
วันถัดมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและการสื่อสารของรัฐบาลทหารเมียนมา นายเมีย ทุน อู ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีดิจิทัลอาเซียนในกรุงเทพฯ โดยให้คำมั่นที่จะร่วมมือกับสมาชิกอาเซียนในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ