รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งเนรเทศสมาชิกแก๊งอาชญากรชาวเวเนซุเอลามากกว่า 200 คน ออกจากประเทศไปยังเรือนจำซูเปอร์แม็กซ์ในเอลซัลวาดอร์ เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ อ้างว่า แก๊งเตรน เด อรากัว มีเจตนาที่จะรุกรานดินแดนสหรัฐฯ โดยการล่าเหยื่อชาวอเมริกัน สมาชิกแก๊งจะถูกเนรเทศเนื่องจากพวกเขาพยายามทำกำลังทำสงครามนอกกฎหมายกับสหรัฐฯ
สอดคล้องกับประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล แห่งเอลซัลวาดอร์ ที่แถลงบนโซเชียลมีเดียระบุว่า สมาชิกแก๊ง เตรน เดอ อลากัว ของเวเนซุเอลาจำนวน 238 คน เดินทางถึงประเทศอเมริกากลางแห่งนี้แล้ว พร้อมด้วยหัวหน้าแก๊ง MS-13 ทั้งหมด 2 คนและสมาชิกแก๊งชาวเอลซาวาดอร์อีก 21 คน โดยไม่ได้เปิดเผยตัวตนของผู้ถูกคุมขัง หรือให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาชญากรรมที่พวกเขาก่อ
ทั้งนี้ ชาวต่างชาติที่ถูกสหรัฐฯ เนรเทศกลุ่มนี้ ถูกส่งตัวไปยังประเทศเอลซัลวาดอร์ ตามข้อตกลงที่ทำเอาไว้ร่วมกันก่อนหน้านี้ ชาวเวเนซุเอลาที่ถูกส่งตัวมาจะถูกย้ายไปยังศูนย์กักกันผู้ก่อการร้ายเซโคต์ (Cecot) เป็นเวลา 1 ปี และอาจมีการขยายเวลาได้ในภายหลัง เรือนจำแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นคุกจองจำผู้ก่อการร้ายโดยเฉพาะ รองรับผู้ต้องขังได้ถึง 40,000 คน และมีความแน่นหนาอย่างมาก แต่ลุ่มสิทธิมนุษยชนเคยออกมาโจมตีว่า เป็นคุกที่ละเมิดผู้ต้องขังอย่างร้ายแรง
การเนรเทศเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากนายเจมส์ โบสเบิร์ก ผู้พิพากษาศาลแขวงของสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ระงับการเนรเทศที่เกิดขึ้นภายใต้ประกาศของโดนัลด์ ทรัมป์ เขาระบุว่า คำสั่งห้ามชั่วคราวจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 14 วัน หรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเพิ่มเติม หลายฝ่ายจึงมองว่า คณะของทรัมป์ฝ่าคำสั่งของศาล
ขณะที่นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า การเนรเทศนี้เกิดขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติศัตรูต่างด้าวปี ค.ศ. 1789 ซึ่งกฎหมายนี้ถูกบังคับใช้ครั้งสุดท้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อควบคุมตัวพลเรือนชาวญี่ปุ่น-อเมริกัน ด้านโฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ ปฏิเสธว่าฝ่ายบริหารได้ละเมิดคำตัดสินดังกล่าว อ้างว่าคำสั่งนี้ นอกจากจะไม่เป็นไปตามกฎหมายแล้ว ยังออกหลังจากที่ผู้ก่อการร้ายเตรน เด อรากัว ถูกอพยพออกจากดินแดนสหรัฐฯ ไปแล้ว เธอกล่าวเสริมว่า ผู้พิพากษาคนเดียวไม่มีสิทธิ์จะมาสั่งห้ามการนำตัวผู้ก่อการร้ายออกจากสหรัฐฯ ได้
หลังจากทราบข่าวว่าเครื่องบินส่งตัวเดินทางถึงเอลซัลวาดอร์แล้ว ผู้พิพากษาโบสเบิร์กก็ออกคำสั่งด้วยวาจาให้พาตัวชาวเวเนซุเอลากลุ่มนี้กลับมาสหรัฐฯ ทันที ด้านประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ โพสต์บนโซเซียลมีเดีย ล้อเลียนคำตัดสินของผู้พิพากษาว่า “"อุ๊ย...สายไปแล้ว”
CNN รายงานว่า ดีลส่งตัวชาวเวเนซุเอลาไปยังเอลซาวาดอร์ เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์จะชนะเลือกตั้งด้วยซ้ำ โดยเอริค พรินซ์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของทรัมป์ ได้ติดต่อกับประธานาธบดีบูเคเลแห่งเอลซาวาดอร์ตั้งแต่ปีที่แล้วเกี่ยวกับการยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐฯ หากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง สหรัฐจะจ่ายเงิน 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่เอลซัลวาดอร์เพื่อใช้เป็นที่พักพิงแก่ผู้ถูกเนรเทศ เงินจำนวนดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนระบบเรือนจำซึ่งปัจจุบันมีค่าใช้จ่าย 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีบูเคเลยังกล่าวอีกว่า การรับตัวอาชญากรจะช่วยให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสามารถรวบรวมข้อมูลข่าวกรองและจับกุมสมาชิกกลุ่ม MS-13 ได้มากขึ้น ทั้งนี้ MS ย่อมาจาก"มารา ซัลวาทรูชา" (Mara Salvatrucha) สมาชิกแก๊งส่วนใหญ่เป็นชาวเอลซัลวาดอร์ ที่หนีภัยสงครามกลางเมือง เดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ แก๊ง MS-13 นั้น ก่อความรุนแรงและการก่ออาชญากรรมมากมาย ทั้งลักพาตัว ข่มขืน ปล้น และฆ่า เปลี่ยนชุมชนที่สงบสุข ให้กลายเป็นพื้นที่อาชญกรรมชุกชุม
ภาพเจ้าหน้าที่หลายร้อยนายจับกุมชาวเวเนซุเอลาใส่กุญแจมือ พร้อมโซ่ตรวนที่ผู้กับขาทั้งสองข้าง กดหัวพวกเขาลงต่ำขณะพาเดินเรียงแถว ทำให้หลายฝ่ายออกมาประณามการกระทำของฝ่ายบริหารสหรัฐฯ ที่ใช้พระราชบัญญัติอายุกว่า 227 ปีในการหลบเลี่ยงกระบวนการทางกฎหมาย ด้าน Amnesty International USA เขียนใน X ว่าการเนรเทศดังกล่าวเป็น "อีกตัวอย่างหนึ่งของการกำหนดเป้าหมายชาวเวเนซุเอลาด้วยทัศนคติเหยียดเชื้อชาติของรัฐบาลทรัมป์ โดยอิงจากอคติว่าชาวเวเนซุเอลามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งนี้
ทั้งนี้ แก๊งเตรน เด อรากวา เป็นแก๊งอันธพาลท้องถิ่นทรงอำนาจที่สุดในเวเนซุเอลา ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทั่วประเทศและขยายวงกว้างไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โคลอมเบีย เปรู ชิลี โดยก่อเหตุลักพาตัว ปล้น ค้ายาเสพติด ค้าประเวณี ขู่กรรโชก และลักลอบขุดทองผิดกฎหมาย
รัฐบาลเวเนซุเอลาออกมาวิจารณ์ทรัมป์รุนแรง โจมตีว่าสหรัฐฯ ทำให้การอพยพของชาวเวเนซุเอลาเป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างไม่ยุติธรรม และทำให้มวลมนุษยชาติรำลึกถึงเหตุการณ์ที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ตั้งแต่การเป็นทาสไปจนถึงความสยองขวัญของค่ายกักกันนาซี