จากกรณี น.ส.สุดารัตน์ จุลพล อายุ 26 ปี พนักงานกวาดถนนเทศบาลนครตาคลี ถูกนายสาธิต ปิ่นแก้ว แฟนหนุ่มมาง้อขอคืนดีหลังกลับมาจากที่ทำงาน บริเวณหน้าห้องพักของเพื่อนผู้ตาย สุดท้ายถูกอาวุธมีดแทง 14 แผล เสียชีวิต
วันที่ 8 เม.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่เทศบาลเมืองตาคลี จ.นครสวรรค์ นางชุติมันต์ แสงทอง เพื่อนร่วมงานผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองค่อนข้างสนิทกับผู้ตาย
โดยวันที่ 6 เม.ย. ผู้ตายเดินทางมาทำงานกวาดถนนที่เทศบาลตามปกติ มานอนเล่นที่ทำงานระหว่างว่าง ไม่ได้มีท่าทีเครียด ที่ผ่านมาทราบว่าผู้ตายมีปัญหากับแฟนหนุ่ม
ผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่า ผู้ก่อเหตุมักมีพฤติกรรมหึงหวงรุนแรง มีครั้งหนึ่งมีปากเสียงทะเลาะกัน ผู้ก่อเหตุได้ใช้มีบีบคอผู้ตาย แต่ครั้งนั้นไม่เป็นอะไรมาก แต่ก่อนเกิดเหตุไม่มีลางใด ๆ ผู้ก่อเหตุก็ไม่เคยมาทะเลาะหรือตามผู้ตายที่ทำงาน ตนเองเคยเห็นหน้าแต่ไม่เคยทักทาย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายไม่ได้โพสต์เฟซบุ๊กเป็นลาง มีแต่โพสต์ในไทม์ไลน์ของแอปพลิเคชันไลน์ คืนวันที่ 6 เม.ย. ก่อนเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง
โพสต์เวลา 22.20 น. "กุก้อจะเอาให้สุดเหมือนกัน"
โพสต์เวลา 22.25 น. "มึงแค้นกุก้อแค้นเหมือนกัน"
โพสต์เวลา 23.01 น. "ทำบุญทามทานงัยๆๆคิดรัยมากๆๆๆ"
โพสต์เวลา 23.36 น. "บล็อกให้หมด"
ทีมข่าวเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ เป็นช่วงที่ครอบครัวคนตายได้เชิญดวงวิญญาณจากบ้านเกิดเหตุ มีการจุดธูป 1 ดอก และใช้ผ้าดิบขาวบางหอดอกไม้ ใช้แทนผู้ตาย เพื่อเชิญดวงวิญญาณมาที่งานศพ จัดอยู่ที่บ้านญาติของนายสาธิต ผู้ก่อเหตุ
นางเกตุศรา อินทร์ชู ผู้เห็นเหตุการณ์ นับถือเป็นพี่สาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนเองกับผู้ตายออกไปทำงานกวาดถนนอยู่ด้วยกันช่วง 03.30 น. ซึ่งตอนนั้นก็ทำงานปกติ จนกระทั่งช่วงตี 4 เศษ ตนเองเดินทางกลับมาที่บ้าน โดยผู้ตายขับรถมาส่ง ตอนนั้นก่อนจะถึงบ้านตน สังเกตเห็นผู้ก่อเหตุจอดรถรออยู่ที่หน้าบ้านตนคาดว่ามาดักรอ ผู้ตายจึงจอดรถส่งตนก่อนจะถึงบ้าน และวกรถกลับออกไป คาดว่าคงจะหนีผู้ก่อเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุเห็นผู้ตายจึงขังรถตามไป ส่วนตัวก็เข้าบ้านเพื่อเตรียมตัวนอน
ผ่านไปราว 10 นาที ผู้ตายเข้ามาที่บ้านตน พร้อมกับเคาะประตูเรียกตนให้ตนออกมา เมื่อตนออกมาก็สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าคนก่อเหตุก็ตามเข้ามาและล็อกคอคนตาย ก่อนจะฉุดกระชากกันอยู่ครู่หนึ่ง ล้มไปตรงโซฟาหน้าบ้าน คนตายพูดว่า "โบว์เจ็บ ๆ" ตนเองก็พยายามเข้าไปช่วย โดยไปล็อกคอคนร้ายที่ด้านหลัง คนร้ายหันมาหาตนบอก "อย่ายุ่ง" พร้อมกับตอนนั้นตนเองเห็นเลือดไหลออกมาจากคนตาย เพราะมีอาวุธมีดในมือคนร้าย แต่คนร้ายยังไม่ยอมปล่อยผู้ตาย
ตนจึงวิ่งออกไปตามญาติ ซึ่งบ้านอยู่ไม่ไกลกัน จังหวะที่ตนถึงหน้าบ้านญาติ คนร้ายขับรถตามลงมา และพูดกับตนว่า "มันตายแล้ว กูจะไปมอบตัว" ตนเองจึงกลับมาดูผู้ตาย พบว่านอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมหึงหวงรุนแรง จนฝ่ายหญิงอยากเลิก แต่ไม่สามารถเลิกได้ เพราะผู้ก่อเหตุมาตามอยู่บ่อยครั้ง ก่อนหน้าจะตาย ผู้ก่อเหตุก็เพิ่งตามไปบีบคอผู้ตายถึงหน้าบ้าน แต่โชคดีน้องชายของคนตายห้ามไว้ทัน จึงไล่คนก่อเหตุออกจากบ้านไป ตนยอมรับว่าตกใจ การกระทำโหดเกินไป ตนเองนอนไม่หลับ แทบจะไม่อยากอยู่บ้านเพราะกลัว ตนขอให้ผู้ตายไปสบาย
นางอรุณี ที่พึ่ง แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปกติตนเองทำงานอยู่ต่างจังหวัด แต่ได้คุยกับลูกสาวตลอด ได้โทรศัพท์คุยกับลูกสาวช่วง 23.00 น. ก่อนจะเกิดลูกสาวบอกตนว่า นายสาธิตมาตามหาเรื่องอีกแล้ว เพื่อที่จะง้อและมีการมาบีบคอ แต่โชคดีน้องชายมาเห็นและไล่คนก่อเหตุไป ซึ่งตนบอกลูกสาวว่าเดี๋ยวช่วงเช้าตนเองจะเดินทางมาเคลียร์ปัญหาให้ ก่อนจะวางสายไป นอกจากนี้คนก่อเหตุยังทำร้ายลูกสาวตนหลายครั้ง แต่ไม่ถึงขั้นจะฆ่าแบบนี้
รุ่งเช้าตนเองมาทราบข่าวว่าลูกสาวถูกฆ่าตาย ตนเองก็ตกใจ ตนไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ อีกทั้งคนก่อเหตุเคนขู่ฆ่าลูกสาวตนเมื่อราว 2 เดือนก่อน ตอนนั้นมีการเอาปืนมาขู่ลูกสาว ตนเองเป็นคนแจ้งความจับคนก่อเหตุ
"ตนเองรู้สึกแย่มาก รับไม่ได้ ลูกสาวมีลูกยังเล็กต้องเลี้ยง 7ขวบ ลูกสาวเป็นคนดีมาก ไม่เคยสร้างความเดือนร้อน ตนเคยเตือนลูกสาวหลายครั้ง" เหตุการณ์ครั้งนี้คนก่อเหตุเลือดเย็นมาก ตนเองไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบเทียบ แต่อยากให้คนตายตามตามลูกสาวไป
ทีมข่าวยังได้ข้อมูลกับญาติผู้ตายว่าหลังก่อเหตุ คนร้ายโพสต์ข้อความว่า "จบซะที" ก่อนจะโพสต์รูปคู่กับผู้ตาย
สำหรับคนร้ายเคยติดคุกคดีฆ่าคนตายมาแล้ว คดีพยายามฆ่า ก่อเหตุใช้มีดแทงอดีตภรรยาที่ราวนม บาดเจ็บ, คดีฆ่าผู้อื่น ใช้อาวุธปืนยิงลูกพี่ลูกน้องตาย ติดคุกหลายปี เพิ่งพ้นโทษปี 2562, คดีครอบครัวอาวุธปืน เอามาขู่ น.ส.สุดารัตน์ ผู้ตาย และฆ่าคนตายคดีล่าสุด
ด้าน พ.ต.ต.เสกสรรค์ สุขเกษม สารวัตร สอบสวน สภ.ตาคล ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้นายสาธิตรับสารภาพเกี่ยวกับปมเหตุเรื่องการง้อขอคืนดีไม่สำเร็จ จึงมีการลงมือก่อเหตุ ถูกแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ส่งตัวไปฝากขังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้ว
นางเสมอ พงษ์เผือก อายุ 65 ปี แม่เลี้ยงคนก่อเหตุ ซึ่งอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตนเองมาคบหากับพ่อคนร้ายช่วงที่คนร้ายโตแล้ว ทำให้ตนเองไม่ได้เลี้ยงดูมา เมื่อก่อนนายสาธิตก็เป็นคนดี แต่ไม่รู้ว่าเขาไปเป็นคนมีพฤติกรรมแบบนี้ได้อย่างไร นายสาธิตเป็นคนไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ไม่สูบบุหรี่ แต่เคยติดคุกมาหลายครั้ง รวมถึงคดีฆ่าลูกพี่ลูกน้องตาย เหตุการณ์ตอนนั้นตนเองเข้าใจว่าคนก่อเหตุมีปากเลี้ยงกับลูกพี่ลูกน้อง ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงคู่กรณีตาย ทำให้ต้องโทษหลายปี ก่อนที่ช่วง 1 ปีเศษ เพิ่งพ้นโทษ และมาคบหากับ น.ส.สุดารัตน์
นอกจากนี้ นายสาธิตยังเคยแทงอดีตภรรยา ไม่แน่ใจว่าปมเหตุจากอะไร ตอนนั้นก็ติดคุกคดีพยายามฆ่า และตอนนี้ก็อยู่ช่วงประกันตัว คดีอาวุธปืน ตอนเกิดเหตุวานนี้ตนเองนอนอยู่ในบ้าน ตนเป็นอัมพฤกษ์ไม่สามารถลุกเองได้ ได้ยินเสียงคนโวยวายทะเลาะกัน ก่อนได้ยินเสียง "ปุ๊ก ๆ" ยอมรับว่ากลัว แต่คนร้ายไม่เคยทำร้ายอะไรตน ก่อนจะหลบหนีไปเลย
Advertisement