Mitsubishi เผยโฉมรถยนต์ Mitsubishi XRT Concept ซึ่งเป็นรถต้นแบบของรถกระบะ Triton รุ่นใหม่ ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 (Motor Show 2023) ในระหว่างวันที่ 21 มีนาคม ถึง 2 เมษายนนี้ โดยมีแผนเปิดตัวรถอย่างเป็นทางการ ภายในปีงบประมาณ 2566 (คาดเดือนกรกฎาคม 2566)
Mitsubishi Triton เป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดของ Mitsubishi ซึ่งผลิตจากโรงงานแหลมฉบังในประเทศไทย เพื่อส่งออกไปยังกว่า 150 ประเทศทั่วโลก จึงนับเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของบริษัทฯ โดย Mitsubishi Triton รุ่นใหม่ จะเป็นรถกระบะขนาดกลางเจนเนอเรชั่นที่ 6 ของ Mitsubishi Motors ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี โดยหลังจากที่เปิดตัวในประเทศไทยภายในปีงบประมาณ 2566 แล้ว จะมีการเปิดตัวรถรุ่นนี้ในภูมิภาคอาเซียน โอเชียเนีย และตลาดอื่น ๆ ทั่วโลกเป็นลำดับ
Mitsubishi XRT Concept เป็นรถต้นแบบของรถกระบะ Triton โมเดลใหม่ ดีไซน์ดุดันสะดุดตาตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้าย อารมณ์แกร่งด้วยเส้นนำสายตาจากกระโปรงหน้าสู่ด้านข้างตัวถังในสไตล์แนวราบ พร้อมการตกแต่งเหนือซุ้มล้อหน้า-หลัง และติดตั้งยางลุยโคลน (mud-terrain) พร้อมลุยในทุกเส้นทางสุดหฤโหดของการแข่งขันแรลลี่ ตัวถังห่อหุ้มด้วยลายพราง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “ลาวา” หินภูเขาไฟ กราฟฟิกเส้นขนานแนวเฉียง 10 เส้น ในแบบฉบับของโลโก้ Ralliart
ในปีนี้ ทีม Mitsubishi Ralliart ได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิคจาก Mitsubishi Motors ได้วางแผนที่จะลงแข่งขันในรายการเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 20234 ด้วยรถโปรโตไทพ์ครอสคันทรี ซึ่งเป็น Triton รุ่นใหม่ (Group T1) โดยมีเป้าหมายมุ่งคว้าแชมป์ 2 สมัยติดต่อกัน โดยจะยังมี มร. ฮิโรชิ มาซูโอกะ เจ้าของตำแหน่งแชมป์ดาการ์ แรลลี่ 2 สมัยในปี 2002 และ 2003 ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการทีม ขณะที่วิศวกรของ Mitsubishi Motors จะทำการทดสอบสมรรถนะก่อนแข่งขันและให้การสนับสนุนตลอดการแข่งขันแรลลี่ในครั้งนี้
พร้อมกันนี้ ทาง Mitsubishi Motors จะถ่ายทอดความเชี่ยวชาญที่สั่งสมจากการแข่งขันแรลลี่ เพื่อนำมาใช้พัฒนาการผลิตรถยนต์ที่จำหน่ายในท้องตลาด ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างรถยนต์ภายใต้แนวคิด Mitsubishi Motors-ness เพื่อมอบการขับขี่ที่ปลอดภัย สะดวกสบาย และให้ความรื่นรมย์ในทุกสภาพอากาศและทุกสภาพถนน
มร. ทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ปีงบประมาณ 2566 เป็นปีที่มีความสำคัญสำหรับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในการเร่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจของเราในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการเปิดตัวไทรทัน รุ่นใหม่ และรถคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่ โดยรถไทรทัน รุ่นใหม่ อยู่ระหว่างการทดสอบในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดตัว ซึ่งเราได้ดำเนินการทดสอบอย่างเข้มข้นทั่วโลก พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ที่สั่งสมมาจากการแข่งขันแรลลี่ไว้ในรถรุ่นนี้ และด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ตามแผนที่วางไว้ จะทำให้เราเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ผมขอให้ทุกท่านโปรดติดตามความเคลื่อนไหวของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในอนาคต อย่างใกล้ชิด”
Mitsubishi Motors ได้ประกาศแผนธุรกิจระยะกลาง รอบ 3 ปี (ปีงบประมาณ 2566 – 2568) ภายใต้ชื่อแผน “ชาเลนจ์ 2025” (Challenge 2025) เดินหน้าเต็มสูบผลักดันธุรกิจให้เติบโต เร่งเครื่องเตรียมพร้อมสำหรับตลาดคนรุ่นใหม่
ในด้านการผลิตรถยนต์ Mitsubishi Motors จะสานต่อการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนยานยนต์ด้วยไฟฟ้า (Electrification) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นโซลูชั่นรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งยังคงเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก พร้อมขับเคลื่อนสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยมีกลยุทธ์ระดับภูมิภาคในการผลักดันแผนงานและจัดสรรทรัพยากร ในเชิงธุรกิจและการขยายห่วงโซ่คุณค่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มุ่งเติบโตด้วยการเจาะธุรกิจใหม่เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ในอนาคต
• มุ่งสู่เป้าหมายยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ 1.1 ล้านคัน และผลกำไรจากการปฏิบัติงาน 2.2 แสนล้านเยน หรือประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาท (อัตราส่วนกำไรจากการปฏิบัติงานร้อยละ 7)
• ให้ความสำคัญต่อการจัดการทรัพยากรเพื่อการดำเนินงานในภูมิภาคอาเซียน / โอเชียเนีย ควบคู่ไปกับการเพิ่มยอดขาย ส่วนแบ่งตลาด และรายได้
• เปิดตัวรถยนต์ 16 รุ่น ภายใน 5 ปีข้างหน้า [รวมถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (xEV) 9 รุ่น]
• ขยายการลงทุนเพิ่มประมาณร้อยละ 30 ภายใน 6 ปีข้างหน้า จนถึงปี 2571 ด้านการวิจัยและพัฒนา และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (คาดว่าการจัดสรรการลงทุนด้านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ไอที และธุรกิจใหม่จะมีอัตราส่วนประมาณร้อยละ 70 ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2569 เป็นต้นไป)
• ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยขับเคลื่อนสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
• ลงทุนมูลค่า 2.1 แสนล้านเยน หรือประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2573 เพื่อจัดหาแบตเตอรี่รวมทั้งหมด 15 กิกะวัตต์ชั่วโมง
• กระชับความสัมพันธ์กับบริษัทพันธมิตร (การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริมกัน และอื่น ๆ)
• สร้างความท้าทายในธุรกิจใหม่ ด้วยการใช้สินทรัพย์ที่มีความพิเศษเฉพาะสำหรับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ (การจัดการพลังงาน การนำแบตเตอรี่กลับมาใช้ใหม่ การจำหน่ายข้อมูล และอื่น ๆ)