Honda 0 Series เสมือนกลับไปที่จุดเริ่มต้น สร้างใหม่หมดสำหรับรถ EV

Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์) ซีรีส์ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ จากค่ายญี่ปุ่นอย่าง Honda เตรียมเปิดตัวทั่วโลกในปี พ.ศ. 2569 นำโดย “Saloon” และ “Space-Hub” Concept model ของยนตรกรรมไฟฟ้า 2 รุ่นในซีรีส์ฯ พร้อมเปิดตัวโลโก้ H Mark ใหม่ ที่จะนำไปใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่ของ Honda ในอนาคต เป็นครั้งแรกในโลก ในงาน CES 2024 ณ ลาสเวกัส รัฐเนวาดาสหรัฐอเมริกา

เป้าหมายของ Honda สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า

Honda มีเป้าหมายในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านทุกผลิตภัณฑ์และกิจกรรมที่บริษัทฯ ดำเนินการภายในปี พ.ศ. 2593 และเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านยานยนต์ไฟฟ้า ในการ “เพิ่มสัดส่วนการขายยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และยานยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) ทั่วโลกให้เป็น 100% ภายในปี พ.ศ. 2583”

Honda 0 Series หมายถึงอะไร

Honda 0 Series เป็นซีรีส์ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ถือเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Honda โดยชื่อของซีรีส์แสดงถึงการรับมือกับความท้าทายในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าซีรีส์ใหม่ ๆ เสมือนการย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของฮอนด้าในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ และสรรค์สร้างยานยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาใหม่ทั้งหมดจาก “ศูนย์” ซึ่งซีรีส์ยานยนต์ไฟฟ้าใหม่นี้ Honda ได้พัฒนาแนวคิด “M/M concept*1” (Man Maximum, Machine Minimum) เพิ่มประสิทธิภาพภายในของตัวรถให้มีพื้นที่สำหรับผู้ใช้งานได้มากที่สุด และลดพื้นที่สำหรับเครื่องจักรให้เหลือน้อยที่สุด และ “การขับขี่ที่สนุกสนาน เพลิดเพลิน”

โดย Honda จะเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นแรกภายใต้ “Honda 0 Series” ทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2569 เริ่มจากอเมริกาเหนือ ต่อด้วยญี่ปุ่น ทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา ทวีปตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ ตามลำดับ

Concept Model Saloon และ Space-Hub

ซาลูน (Saloon) Flagship concept model ของ Honda 0 Series ซึ่งเป็นการผสมผสานแนวคิด “บาง เบา และชาญฉลาด” โครงสร้างสำหรับรถ EV ทำให้มีอิสระในการออกแบบ และแนวคิด M/M ในยุคของยนตรกรรมไฟฟ้า การออกแบบตัวถังต่ำสไตล์สปอร์ต ทําให้ ซาลูน แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปตั้งแต่แรกเห็น ด้วยการออกแบบและพื้นที่ภายในที่กว้างขวางมากกว่าที่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอก แผงหน้าปัดยังมี Interface การเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร (HMI) ที่ใช้งานง่ายและสะดวก

ระบบควบคุมตามความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกสถานการณ์ของการขับขี่ ผ่านเทคโนโลยี steer-by-wire และการพัฒนาระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System) รวมถึงระบบควบคุมท่าทางของผู้ขับขี่ ซาลูน ในนอกจากนี้ ยังมีการนำวัสดุที่มีความยั่งยืนมาใช้ทั้งภายในและภายนอก ทำให้ซาลูน เป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เชื่อมโยงกับผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม

สเปซ-ฮับ (Space-Hub) ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด "เพิ่มพูน (augment) ชีวิตประจำวันของผู้คน" ด้วยแนวทางการพัฒนา "บาง เบา และชาญฉลาด" ทำให้ สเปซ-ฮับ มีห้องโดยสารที่กว้างขวาง ทัศนวิสัยที่ดีเ พื้นที่ใช้งานมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ กลายเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงผู้คน

โลโก้ H Mark ใหม่

โลโก้ "H Mark" ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ที่มีการเปลี่ยนโฉมของโลโก้ในครั้งก่อน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการพัฒนาของยนตรกรรมไฟฟ้าเจเนอเรชันถัดไปจึงตัดสินใจออกแบบโลโก้ H Mark ใหม่ ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลง รวมถึงเจตนารมณ์ขององค์กรในการก้าวข้ามรากฐานเดิมของ Honda และแสวงหาความท้าทายและความก้าวหน้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยโลโก้ใหม่นี้ เปรียบเสมือนมือสองข้างที่ยื่นออกไป แสดงถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการขยายขอบเขตความเป็นไปได้ในการเดินทาง และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าฮอนด้าด้วยความจริงใจ โดยโลโก้ H Mark ดีไซน์ใหม่นี้ จะถูกนำไปใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชันต่อไปของฮอนด้า รวมถึงยนตรกรรมใน Honda 0 Series ด้วย

แนวคิดเบื้องหลังของ “0” (Zero)

ประวัติศาสตร์ของฮอนด้า: จุดเริ่มต้นและก้าวที่ “ศูนย์” ด้วยการสร้างจุดเริ่มต้นของเจเนอเรชันใหม่ โดยการย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของ Honda ที่รวมถึงการเฟ้นหาแนวคิด M/M การขับขี่ที่สนุกสนานเพลิดเพลิน และความสุขและอิสระในการขับเคลื่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญมาโดยตลอด

การนำ Global Brand Slogan มาใช้: ขับเคลื่อนหัวใจของผู้คนด้วยคุณค่าที่สร้างขึ้นจาก "ศูนย์" Global Brand Slogan "The Power of Dreams - How we move you" Honda จะสร้างคุณค่าใหม่ที่ริเริ่มจากความคิดสร้างสรรค์เหล่านั้น เพื่อที่จะมอบประสบการณ์ที่จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ซึ่งเป็นวิธีที่ฮอนด้าขับเคลื่อนผู้คนรวมถึงหัวใจของพวกเขา

ความคิดริเริ่มในการตอบแทนสังคม: ความมุ่งมั่นที่จะบรรลุความเป็น "ศูนย์" มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย “การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นศูนย์” ให้สำเร็จ ตลอดอายุการใช้งานของยานพาหนะ รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ และ “การสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุและลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกให้เป็นศูนย์”

แนวคิด Thin, Light, and Wise ในการพัฒนา

การพัฒนา Honda 0 Series เปรียบเหมือนย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของฮอนด้า คิดทบทวนพิจารณาอีกครั้งว่ายนตรกรรมไฟฟ้าแบบไหนที่ต้องการพัฒนาสำหรับยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง ด้วยการก้าวข้ามข้อจำกัดของการเป็นรถที่ “หนาและหนัก” เนื่องจากต้องรองรับแบตเตอรี่ที่มาพร้อมความจุเพื่อให้ได้ระยะทางในการขับขี่มากพอ เช่นเดียวกับการที่ตัวถังและแพลตฟอร์มต้องสามารถรองรับกับความจุของแบตเตอรี่ได้

บาง (Thin): เพิ่มศักยภาพ ออกแบบตัวรถให้ต่ำ และการคำนึงถึงสมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยการทำให้แพลตฟอร์ม EV “บาง” เพื่อทำให้ตัวรถต่ำลง

เบา (Light): คำนึงถึงการขับขี่แบบสปอร์ตและสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ที่จะส่งผลต่อความเชื่อของผู้คนที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้า

ชาญฉลาด (Wise): คำนึงถึงการขับเคลื่อนโดยซอฟต์แวร์ดั้งเดิมของ Honda โดยการผสานองค์ความรู้ที่สั่งสมมาจนถึงปัจจุบัน และการพัฒนายนตรกรรมให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ผ่านการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้า Honda จะสร้างขึ้นตามแนวคิดการพัฒนาข้างต้น และมาพร้อมโครงสร้างสำหรับรถ EV โดยเฉพาะ ที่จะมีจุดโดดเด่นหลัก 5 ประการ คือ

1. การออกแบบที่งดงาม สะท้อนภาพลักษณ์อันโดดเด่น แนวคิดในการออกแบบ คือ “The Art of Resonance” ภายใต้ธีม “Resonance with the environment, society and users” หรือความสอดคล้องระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้ใช้งาน
2. ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (AD/ADAS) Honda 0 Series จะมาพร้อมระบบการขับขี่อัตโนมัติ AD (Automated Driving) ในราคาที่เข้าถึงได้
3. “พื้นที่” ที่เป็นไปได้สำหรับผู้คนด้วยเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย รถยนต์จะมาพร้อมคุณสมบัติในการเข้าใจความรู้สึกของผู้ขับขี่ ยิ่งใช้รถมากเท่าใด ผู้ขับขี่ก็จะใกล้ชิดกับรถมากขึ้นเท่านั้น
4. ความสนุกสนานในการขับขี่ ที่ทำให้ผู้ขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกับยานพาหนะ สมรรถนะการขับเคลื่อน สมรรถนะทางอากาศพลศาสตร์ และการออกแบบ จะผสมกลมกลืนกันได้อย่างลงตัว
5. สมรรถนะของพลังงานไฟฟ้าที่โดดเด่นและมีประสิทธิภาพ e-Axles ประกอบด้วยมอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ และกระปุกเกียร์ ที่แปลงพลังงานไฟฟ้าให้เป็นแรงขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ 15% ไปถึง 80% ด้วยเวลาประมาณเพียง 10-15 นาที จำกัดการเสื่อมสภาพความจุของแบตเตอรี่ (ช่วงระยะ) ให้น้อยกว่า 10% หลังจากใช้งานไปแล้ว 10 ปี