เปิดสนามทดลองขับรถยนต์ซีรีส์ใหม่ ในสนามแข่งรถออฟโรดมาตรฐานสุดโหด

13 มิ.ย. 67

OMODA & JAECOO เปิดสนามทดลองขับรถยนต์ซีรีส์ใหม่อย่าง JAECOO 6 JAECOO 7 JAECOO 7 PHEV JAECOO 8 และ JAECOO 8 PHEV พร้อมกับ SUV ครอสโอเวอร์อย่าง OMODA C5 ณ เมืองอู๋หู ประเทศจีน

มีเหล่าตัวแทนดีลเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ และสื่อจากทั่วมุมโลก มาร่วมทดสอบเทคโนโลยีขุมพลังงานใหม่กว่า 3,000 คน ในการขับขี่ออฟโรดของ JAECOO และเทคโนโลยี SUV ไฟฟ้า 100% กับ OMODA C5 EV พร้อมทัวร์ฐานผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเมืองอู๋หู

OMODA & JAECOO

ประสิทธิภาพการขับขี่ JAECOO

รถยนต์พรีเมียมออฟโรด JAECOO 7 ถูกทดสอบสมรรถนะในสนามแข่งรถออฟโรดมาตรฐานสุดโหดอย่าง Fangte และ Tuju โดยสนามทดสอบ Fangte นั้น JAECOO 7 ได้ผ่านการทดสอบอัตราเร่งเครื่องยนต์ในแนวตรง (Straight-line Acceleration) การขับแบบสลาลม (Slalom) การยูเทิร์น (U-turns) และการขับแบบสลาลมแบบเลข 8 (Figure-eight Slaloms) ที่สะท้อนประสิทธิภาพของระบบการควบคุมพวงมาลัยและสเถียรภาพการทรงตัวของรถยนต์

นอกจากนี้ JAECOO 7 ยังผ่านการทดสอบในสนาม Tuju โดยมีสถานีการทดสอบการขับขี่บนทางโค้งหลากหลายประเภท เช่น ทางโค้งบนไฮเวย์ ทางโค้งรัศมีน้อย ทางโค้งสลับตัวเอส (S-bends) และทางโค้งผสมที่มีรัศมีต่างกัน ที่สะท้อนตั้งแต่ความสามารถในการขับขี่บนพื้นถนนทุกรูปแบบ ไปจนถึงระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) ระบบโช้คอัพที่มีประสิทธิภาพสูง และช่วงล่างที่ช่วยยืดเกาะบนถนนอย่างปลอดภัย นอกจากประสิทธิภาพที่ถูกโชว์ผ่านสนามจำลองสุดโหดแล้ว JAECOO 7 ยังมาพร้อมกับระบบ ARDIS (All Roads Drive Intelligent System) เทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ 7 โหมด

โดยสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของผู้ขับที่และปัญหาที่ผู้ขับขี่พบเจอได้อย่างชาญฉลาดและตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที พร้อมด้วยระบบเบรกไฟฟ้าอัจฉริยะ Bosch Integrated Power Brake ที่มีความเร็วตอบสนองที่ใช้เวลาน้อยกว่า 0.1 วินาที โดยกระจายแรงบิดหมุนไปยังทั้ง 4 ล้อทำให้ขับขี่ได้สบายด้วยระยะเบรกที่สั้นลง และระบบ LSD รองรับการเลี้ยวโค้งแก้ปัญหารถขณะติดหล่ม เหมาะกับการขับขี่โลดโผน โดยสามารถขับขี่ในพื้นผิวต่างระดับที่สูงถึง 200 มิลลิเมตร มีมุมเงย (Approach angles) 21 องศา มุมจาก (Departure angles) 29 องศา และลุยน้ำได้ถึง 600 มิลลิเมตร

ทางด้าน JAECOO 8 ยังมีระบบควบคุมการขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อ (FWD) แบบเวกเตอร์พิเศษที่สามารถปรับการกระจายแรงบิดล้อหลังได้แบบไดนามิกจาก 0% ถึง 100% ขึ้นอยู่กับสภาพของถนน โดยสามารถสร้างแรงบิดได้ถึง 1800 นิวตันเมตร ทำให้การกู้คืนล้อเดี่ยวได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการปรับแรงบิดแบบเรียลไทม์ของล้อหลังที่ไม่เพียงเพิ่มความเสถียรในการโค้งที่มีความเร็วสูงแต่ยังลดรัศมีวงหมุนได้ และระบบ CDC ที่ช่วยตรวจจับการขับเคลื่อนที่ปรับเปลี่ยนตอบสนองรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาที เพื่อทำให้ประสบการณ์การขับขี่ราบรื่นและสะดวกสบายแม้จะโลดโผดในสถานการณ์ที่หลากหลายพื้นผิว

OMODA & JAECOO

JAECOO รถยนต์ไฮบริดเทคโนโลยี PHEV เจนสาม

จากเทคโนโลยี PHEV เจนสาม เป็นนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาก้าวไปอีกขั้นของ OMODA & JAECOO ทำให้เหล่าผู้ทดลองขับขี่ JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 8 PHEV ต่างเห็นพร้อมและประทับใจในด้านการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันของรถ JAECOO โดย JAECOO 7 PHEV ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการขับขี่เฉพาะไฟฟ้าที่ระยะขับขี่สูงสุดถึง 88 กิโลเมตร และขับขี่ที่ใช้เชื้อเพลิงเพียง 4.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรในโหมด HEV ที่รวมแล้วมีระยะทางรวมมากกว่า 1200 กิโลเมตร

ในขณะที่ JAECOO 8 PHEV ที่มากด้วยกำลังสูงสุดถึง 445 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 915 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลา 5.4 วินาที พร้อมทั้งได้ฟันฝ่าอุปสรรคสุดหินในด้านทดสอบที่สนาม Tuju ที่มาครบทุกรูปแบบ เช่น พื้นถนนโคลนแน่นหรือพื้นถนนลื่นไถล แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขับขี่ในสภาวะออฟโรดที่แข็งแกร่ง

ระยะเวลากว่า 18 ปีในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของบริษัทแม่อย่าง Chery Automobile ทำให้ OMODA & JAECOO เกิดการพัฒนาต่อยอดไปอีกขั้นสู่เทคโนโลยี PHEV เจนสามที่นับว่าเป็นการพัฒนาที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีออฟโรดในรูปแบบพลังใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เทคโนโลยี PHEV เจนสามนี้ประกอบด้วยเครื่องยนต์พิเศษสำหรับไฮบริด (Hybrid-specific Engines) ระบบส่งกำลังพิเศษสำหรับไฮบริด (Hybrid-specific Transmissions) และระบบการจัดการแบตเตอรี่พิเศษสำหรับไฮบริด (Hybrid-specific Battery Management Systems) ในส่วนเครื่องยนต์พิเศษสำหรับไฮบริดได้พัฒนาไปสู่นวัตกรรมอีกขั้นใน 6 จุดหลักสำคัญ เช่น จังหวะเผาไหม้ การเพิ่มแรงบิด และระบบการระบายความร้อนที่ขึ้นแท่นผู้นำด้านประสิทธิภาพการระบายความร้อน ในด้านการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ยังมาพร้อมระบบสปีดไฮบริด 3 ระดับ (Three-speed Super Hybrid Solution) อันทรงพลังรองรับการเปลี่ยนเกียร์พร้อมบาลานซ์การใช้เชื้อเพลิงในโหมดความเร็วต่ำและโหมดความเร็วกลางได้อย่างความราบรื่น นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยอันแข็งแกร่งครบวงจรหลากหลายรูปแบบที่สร้างความอุ่นใจให้ผู้ขับขี่ เช่น ระบบกันน้ำ ฉนวนกันความร้อน ระบบป้องกันอัคคีภัย เป็นต้น

OMODA & JAECOO

ในขณะเดียวกันรุ่นยอดนิยมอย่าง OMODA C5 EV ก็ได้รับเสียงชื่นชมถึงประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมจากการทดสอบบนสนาม Fantawild ด้วยความจุแบตเตอรี่ที่สูงถึง 61 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ไกลสุด 430 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลา 7.8 วินาที ระยะเวลาในการชาร์จกระแสตรง DC จาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 28 นาที แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่โดดเด่นด้วยความจุของแบตเตอรี่ ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ดีไซน์ล้ำสมัยสะท้อนตัวตนผู้ขับขี่รุ่นใหม่ที่มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร พร้อมด้วยออปชันความปลอดภัยครบครันด้วยฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่และตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ ตอบสนองการใช้งานในการเดินทางประจำวันรวมถึงการเดินทางระยะไกล ที่มอบประสบการณ์ในการขับขี่ปลอดภัย ล้ำสมัย และสะดวกสบาย

หลังจากการได้ทดลองขับรถยนต์ของแบรนด์ OMODA & JAECOO เหล่าผู้ขับขี่ต่างยกให้รถยนต์ JAECOO เป็นรถ SUV ออฟโรด ที่ผสมผสานระหว่างความสามารถเต็มขั้น ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ ทางด้านของ OMODA C5 EVต่างได้รับคำชื่นชมว่าเป็นรถที่เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ด้วยฟังก์ชันการปรับเปลี่ยนโหมดที่ซัพพอร์ทการขับขี่ ทำให้การขับขี่ราบรื่นและสนุกมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ผู้ร่วมทดสอบ ยังได้เข้าเยี่ยมชมฐานการผลิตในเมืองอู๋หู ประเทศจีน ที่ทำให้เห็นได้ชัดถึงกระบวนการผลิตขั้นสูงและระบบการจัดการที่มีคุณภาพและยั่งยืน เพื่อช่วยเน้นย้ำถึงคุณภาพและความคงทนของรถยนต์ที่ผู้ขับขี่จะได้รับจากแบรนด์ OMODA & JAECOO พร้อมทั้งได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม “GREEN OJ” ในงานปักกิ่งมอเตอร์โชว์

OMODA & JAECOOOMODA & JAECOOOMODA & JAECOOOMODA & JAECOOOMODA & JAECOO

advertisement

ยานยนต์ คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม