ใบขับขี่ คือเอกสารทางราชการที่ออกโดยหน่วยงานรัฐ เพื่อรับรองว่าบุคคลนั้นมีความสามารถและได้รับอนุญาตให้ขับขี่ยานพาหนะตามประเภทที่ระบุไว้ในใบขับขี่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย การจะได้รับใบขับขี่ต้องผ่านการสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งรวมถึงความรู้เกี่ยวกับกฎจราจร มารยาทในการขับขี่ และทักษะในการควบคุมยานพาหนะอย่างปลอดภัย ใบขับขี่มีหลายประเภท เช่น สำหรับรถจักรยานยนต์ รถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถเพื่อการพาณิชย์ โดยจะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย
ใบขับขี่ไม่เพียงแค่เป็นเอกสารแสดงตัวว่าผู้ถือสามารถขับขี่รถได้ แต่ยังเป็นหลักฐานแสดงความรับผิดชอบและความตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้ถนนร่วมกับผู้อื่นอีกด้วย
ในกรณีที่ “ขับรถไม่มีใบขับขี่” และ “ใบขับขี่หมดอายุ” ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวคนใช้รถใช้ถนนอย่างเราทุกคนต้องรับทราบ โดยกฎหมายที่เกี่ยวข้องและบทลงโทษ ข้อแตกต่างของแต่ละกรณีเป็นอย่างไร
หลายคนอาจคิดว่า “ไม่มีใบขับขี่” กับ “ใบขับขี่หมดอายุ” ก็แค่ขับไม่ได้เหมือนกัน แต่ในทางกฎหมายไทย ทั้งสองกรณีมีรายละเอียดและบทลงโทษที่ต่างกันชัดเจน เพราะเข้าข่ายความผิดคนละมาตราในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
ความผิดตามกฎหมาย อ้างอิงจาก พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
ความผิดแบ่งได้เป็น 2 กรณี
บทลงโทษ
อ้างอิงตาม มาตรา 64 วรรคสอง
ความผิดตามกฎหมาย
ใบขับขี่ที่หมดอายุ ยังถือว่าเคยมีใบขับขี่ แต่ไม่อยู่ในสถานะที่สามารถใช้งานได้ตามกฎหมาย
บทลงโทษ
ขับรถโดยไม่แสดงใบขับขี่ (ลืมพก/หาย)
หากคุณมีใบขับขี่ถูกต้อง แต่ ลืมพกติดตัว หรือ ทำหายชั่วคราว
บทลงโทษ
ความแตกต่างของแต่ละกรณีในภาพรวม
ประเภทความผิด | บทลงโทษสูงสุด |
ไม่เคยมีใบขับขี่ | จำคุก 1 เดือน หรือปรับ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
ใบขับขี่หมดอายุ | ปรับไม่เกิน 2,000 บาท |
ลืมพกใบขับขี่ | ปรับไม่เกิน 1,000 บาท |
สิ่งที่ควรทำเมื่อรู้ว่าใบขับขี่ใกล้หมดอายุ เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย
การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่หรือใช้ใบขับขี่หมดอายุ ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ ที่ตำรวจเรียกแล้วจ่ายค่าปรับจบ แต่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกรณี ไม่เคยมีใบขับขี่ จะรุนแรงที่สุดถึงขั้นจำคุก และกระทบต่อประวัติการขับขี่ในระยะยาว
ปัจจุบัน ในประเทศไทยสามารถพกใบขับขี่ในรูปแบบดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชันได้แล้วอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยกรมการขนส่งทางบกได้เปิดให้ประชาชนสามารถใช้ ใบขับขี่ดิจิทัล (Digital Driving License) ผ่านแอป DLT QR Licence ซึ่งสามารถใช้แทนใบขับขี่ตัวจริงในการแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ในกรณีที่ถูกเรียกตรวจ