Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
หัวจะปวด! ประเภทของ "เพื่อน" ร่วมทาง ที่ไม่ควรชวนขึ้นรถมาด้วยเลยสักนิด

หัวจะปวด! ประเภทของ "เพื่อน" ร่วมทาง ที่ไม่ควรชวนขึ้นรถมาด้วยเลยสักนิด

20 เม.ย. 68
16:00 น.
แชร์

คำว่า “เพื่อน” สำหรับหลายคนอาจแปลว่า คนที่คุยสนุก คนที่กินข้าวด้วยกัน คนที่แชร์เรื่องราวในชีวิตให้ฟัง แต่สำหรับบางคน... เพื่อน คือ “คนร่วมเดินทาง” ในความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น

เพื่อนที่แท้จริง ไม่ใช่แค่คนที่เดินเข้ามาในชีวิตช่วงที่เรามีความสุขหรือประสบความสำเร็จ แต่คือคนที่กล้าเดินข้างๆ เราในวันที่เส้นทางขรุขระ ไม่มีวิวสวย ไม่มีเพลงเพราะ ไม่มีแอร์เย็นๆ ให้พอใจ และไม่มีจุดหมายชัดเจนให้มั่นใจว่าจะไปถึงเมื่อไหร่ คนเหล่านั้นคือเพื่อนร่วมเดินทาง ที่ไม่สนว่าทริปนี้จะสั้นหรือยาว ขอแค่ได้ร่วมทางกัน เขาก็ยินดี

และเพื่อนที่เป็นคนร่วมเดินทาง ยังหมายถึงคนที่กล้าขึ้นรถกับเรา ในวันที่รถเรายังเก่า เครื่องยังสะดุด เส้นทางยังไม่ชัด วางแผนอะไรไว้ก็ยังคลุมเครือ เขาไม่ได้มองว่าเรามีอะไร แต่เขามองว่าเรา “เป็นใคร” และเขาเชื่อว่าแค่ได้นั่งไปด้วยกัน เดี๋ยวเราก็หาทางไปต่อกันได้เอง

เขาคือคนที่แชร์ความเงียบได้แบบไม่อึดอัด แชร์เสียงหัวเราะได้โดยไม่ต้องพยายามฝืน เขาอาจไม่ใช่คนที่ตอบแชทเร็ว หรือโทรหาบ่อยๆ แต่เวลาเจอกัน หรืออยู่ด้วยกัน มันรู้สึกเหมือน “กลับบ้าน” ทั้งๆ ที่เราอาจนั่งอยู่แค่ในรถกลางถนน

การมีเพื่อนร่วมเดินทาง คือการมีคนที่ทำให้เราไม่กลัวแม้จะต้องหลงทาง เพราะรู้ว่า “ไม่ว่าจะไปไม่ถึง หรือถึงช้ากว่าคนอื่น แค่มีเขานั่งมาด้วย เราก็โอเคแล้ว”

แต่จะมี เพื่อนอยู่หลายประเภท ที่ไม่ควรให้ “ขึ้นรถมาด้วย” หมายถึง “คนบางประเภท” ที่ให้เขามานั่งข้างๆ เรา อาจทำให้เส้นทางที่เคยราบรื่น กลายเป็นทางลูกรังที่ทั้งฝุ่น ทั้งขรุขระ เพียงแต่สนใจแค่ว่า เขาได้อะไรจากการนั่งมาด้วย

นักวิจารณ์

ขึ้นรถปุ๊บ คอมเมนต์ปั๊บ ตั้งแต่เสียงเครื่อง ยันฟิลลิ่งพวงมาลัย “เฮ้ย ทำไมรถเธอเสียงดังจังวะ” หรือ “รถเธอเบรกไม่คมเลยอะ” บางทีก็ถึงขั้นถามว่า “นี่รถปีอะไรอ่ะ ไม่เก่าไปหน่อยเหรอ” แบบ…คุณครับ เราขับรถ ไม่ได้ขอรีวิวรถจากยูทูบเบอร์ ขับไปฟังบ่นไปนี่ไม่ใช่บรรยากาศที่ใครเขาอยากได้เลยนะ การจะขึ้นมานั่งในรถของใครสักคน มันก็เหมือนได้เข้าไปในโลกส่วนตัวของเขา การวิจารณ์แบบไม่มีเซ้นส์นี่มันเทียบได้กับการวิจารณ์บ้านคนอื่นตอนเข้าไปเยี่ยมหนแรกนั่นแหละ แทนที่จะได้ขับแบบชิลๆ กลายเป็นต้องขับพร้อมกำหมัดแน่นอยู่ตลอดทาง

คนกินเลอะเทอะ

เพื่อนประเภทนี้คือฝันร้ายของคนรักรถตัวจริง เพราะพวกเขาจะเปิดซองขนมแบบไม่ระวัง หกทุกเม็ด น้ำหวานล้นฝา ซดชานมไข่มุกแล้วทำหล่น แถมเวลาจะวางแก้วก็ไม่สนว่าเบาะหรือพื้นรถจะรอดไหม "ไม่เป็นไรหรอก รถเธอไม่ได้ใหม่ขนาดนั้นนี่นา" ประโยคเด็ดทำใจแตกสลาย ขอบอกเลยว่าไม่ว่าจะใหม่หรือเก่า เจ้าของรถก็ไม่ต้องการคราบน้ำมัน ขนมฝอย หรือคราบไข่เค็มอยู่บนเบาะ การจะกินอะไรในรถต้องมีมารยาท เหมือนเวลาไปปิกนิกบ้านคนอื่นแล้วต้องรู้จักเก็บให้เรียบร้อย

คอนโทรลเส้นทาง

เพื่อนประเภทนี้จะไม่ยอมให้เราขับทางที่เราคุ้นเคย แต่จะพยายามเปลี่ยนเส้นทางตลอดเวลา “เฮ้ย เลี้ยวตรงนี้ดิ มันลัดกว่า” หรือ “ขับแบบนี้ช้าไปป่ะ ทางนี้เร็วกว่านะเว้ย” ทั้งที่บางครั้งเส้นที่เขาแนะนำนั้นคือซอยมืดๆ เต็มไปด้วยหลุมหรือรถติดหนักๆ คนขับก็เริ่มลังเล ขับไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะต้องเจอกูเกิลแมพเวอร์ชันเสียงคนข้างๆ ตลอดเวลา การขับรถควรเป็นช่วงเวลาที่สบาย ใครนั่งมาก็ช่วยนั่งเฉยๆ ก็พอ ถ้าไม่ใช่ GPS ที่อัปเดตเส้นทางจริงจัง ก็ปล่อยให้คนขับได้มีสมาธิ อย่าทำตัวเป็นหัวหน้าเวรจราจรกลางรถเลย

คนสายมโนเรื่องอุบัติเหตุ

อีกหนึ่งประเภทที่ทำให้บรรยากาศการเดินทางกลายเป็นดราม่าไปเลยก็คือคนที่ชอบมโนเหตุการณ์ร้ายๆ ตลอดทาง “โอ๊ย เบรกกว่านี้สิ เดี๋ยวชน!” “เธอๆ รถคันนั้นมันเบนมาทางเรารึเปล่า” “ข้างหน้าน่ากลัวอะ เหมือนจะมีอะไรพุ่งออกมาเลย” พูดจบยังไม่ทันถึงที่หมาย คนขับหัวใจเต้นรัวเหมือนเล่นรถไฟเหาะ การเดินทางมันควรผ่อนคลาย แต่พอเจอคนนั่งข้างแบบนี้มันเหมือนขับอยู่ในหนัง Final Destination ภาคล่าสุด คนขับรถไม่ได้ต้องการผู้ร่วมทางที่เอาแต่สร้างความเครียด ถ้าจะช่วยจริงๆ ก็ช่วยเงียบแล้วจับราวไว้ให้มั่นก็พอ

คนไม่ให้เกียรติรถ

นี่คือที่สุดของที่สุด เพื่อนประเภทนี้จะไม่เข้าใจว่ารถคือของส่วนตัว คือของรักของหวง เขาอาจจะกระแทกประตูแรง เหยียบเบาะด้วยรองเท้าดินโคลน หรือพูดออกมาตรงๆ ว่า “แค่รถเอง ทำไมต้องซีเรียส” คำพูดแบบนี้มันเจ็บยิ่งกว่าเสียงรอยขูดที่ประตู เพราะมันคือการไม่เคารพเจ้าของรถ รถอาจเป็นแค่เครื่องจักรสำหรับบางคน แต่มันอาจคือ ของส่วนตัว และหัวใจอีกดวงของคนบางกลุ่ม และเพื่อนที่ดีคือคนที่อย่างน้อยควรเคารพสิ่งที่เจ้าของรัก ไม่ใช่ทำลายมันด้วยความไม่ใส่ใจ

ดีเจเปิดเพลงไม่เกรงใจใคร

บางคนขึ้นรถมาปุ๊บ คว้าโทรศัพท์เชื่อมบลูทูธทันที แล้วเปิดเพลงของตัวเองแบบไม่ถาม ไม่เกรงใจเพลย์ลิสต์เจ้าของรถแม้แต่น้อย แถมเปิดดังลั่นจนลำโพงเหมือนจะพัง เพลงก็ไม่ใช่แนวขับรถสายเท่ แต่ดันเป็น EDM ยุคเรฟ 2002 หรือแร็ปใต้ดินที่ฟังแล้วเครียดกว่าเดิม คนขับอยากฟีลขับชิลล์ๆ ดันต้องนั่งฟังเพลงเหมือนอยู่ในคลับ ยิ่งถ้าเป็นเพลงที่ร้องตามไม่ได้แต่ดันร้องตามอย่างมั่นใจ เสียงเพี้ยนเบียดลำโพงอีก บอกเลยว่ามีหวังได้จอดรถกลางทางให้ลง

นักแคปหน้าจอชีวิตคนขับ

ประเภทนี้คือสายจับผิดตลอดทาง ขับเร็วไปก็แซว ช้าไปก็หาว่าเต่าคลาน แอร์เย็นไปก็ว่าหนาว เพลงเศร้าไปก็ถามอกหักเหรอ คือทุกสิ่งที่เราทำเขาจะเอามาวิเคราะห์เหมือนเป็นนักจิตวิทยาสายมุกแห้ง แถมบางคนยังโพสต์สตอรี่ใส่แคปชั่นแขวะเบาๆ อย่าง “วันนี้นั่งรถกับคนขับโหมดเหงา” หรือ “ขับแบบนี้ทำไมยังไม่มีแฟน” คือไม่พูดยังดีกว่า คนขับเขามีหัวใจนะ ไม่ใช่หุ่นยนต์พร้อมระบบรับแรงตบทางอารมณ์

ใช้รถเหมือนแท็กซี่ฟรี

เจอกี่ทีก็บอกให้ไปส่งบ้าน ขึ้นรถปุ๊บหลับยาว ไม่พูดไม่คุย พอถึงที่ก็ลงโดยไม่ขอบคุณ แถมบางวันยังโทรมาขอให้ไปรับที่ไม่เข้าทาง บอก “แวะหน่อย” แต่พอถึงที่คืออ้อมเมือง ขับไกลกว่าไปทำงานอีก คนขับไม่ได้ว่าหรอก แค่รู้สึกว่าเอารถมาให้ใช้หรือให้เห็นใจ? ความสัมพันธ์ไม่ควรสร้างบน GPS ที่บังคับให้เพื่อนพาไปทุกที่เพราะรู้ว่าเขา “ใจดี”

ใช้รถเหมือนอยู่ในห้องน้ำ

นี่คืออีกขั้นของคนไม่ให้เกียรติรถ คือเอารองเท้าเปื้อนโคลนวางบนเบาะ ยัดขยะไว้ที่ช่องเก็บของ กินเสร็จไม่ทิ้ง ขนมตกไม่เก็บ แถมบางคนเอาเครื่องสำอางมานั่งแต่งหน้าระหว่างรถวิ่ง บางจังหวะพลาดยังเผลอทาเล็บหกใส่พวงมาลัยอีกต่างหาก คือรถคือพื้นที่ส่วนตัว ไม่ใช่ co-working space หรือโต๊ะเครื่องแป้งเคลื่อนที่ และถ้าเผลอทำพลาดบ้าง ขอแค่พูดขอโทษหรือช่วยเก็บ คนรักรถเขาก็ให้อภัยง่าย ไม่ต้องทำเฉยเหมือนทุกอย่างโอเคก็พอ

คนเมารถที่ไม่เตรียมตัว

เข้าใจว่าบางคนเมารถง่าย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมขึ้นรถแล้วไม่เตรียมยา ไม่เตรียมถุง บางคนรู้ตัวว่าเมาแน่ แต่ก็ยังขอนั่งหน้าบ้างหลังบ้าง สุดท้ายก็ขอให้จอดข้างทางทุก 5 กิโล หรือไม่ก็ลั่นกลางรถแบบไม่ทันตั้งตัว คนขับที่รักรถมากๆ แทบจะขาดใจ เพราะต้องเช็ด ต้องล้าง ต้องกลั้นใจไม่ร้องไห้ การเมารถไม่ผิด แต่ช่วยเตรียมตัวให้พร้อมก่อนขึ้นรถ แล้วบอกคนขับก่อนทุกครั้ง จะได้เผื่อใจ เผื่อเส้นทาง และเผื่อผ้าเช็ด

คนที่ไม่ควรให้ขึ้นรถมาด้วย คือคนที่ไม่เคยตั้งใจจะเดินทางไปกับเราเลยตั้งแต่แรก แต่แค่ขึ้นมาเพราะทางของเขายังไม่มีรถประจำทางผ่าน และเราเผลอใจดีเกินไป เพราะฉะนั้น ก่อนจะเปิดประตูรถให้ใครขึ้นมานั่ง ลองถามตัวเองเงียบๆ ว่า เขาคือ “เพื่อนร่วมทาง” หรือแค่ “คนผ่านทาง” ที่มาแวะพักชั่วคราว? และถ้าเขาไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอยากขับต่อ… บางที แค่จอดแล้วให้เขาลงก่อนถึงแยกถัดไป ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับทั้งสองฝ่าย

แชร์
หัวจะปวด! ประเภทของ "เพื่อน" ร่วมทาง ที่ไม่ควรชวนขึ้นรถมาด้วยเลยสักนิด