ไม่ว่าจะเป็นรถเก่า รถใหม่ รถบ้าน หรือรถแต่ง รถซิ่ง หรือแม้กระทั่งรถที่ยังไม่มี คนบ้ารถก็รักหมดใจ! แต่เชื่อเถอะว่า... คนที่ไม่ใช่ “สายนี้” ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่า การใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ กับรถ การเปย์เงินซื้อของแต่ง หรือการขัดรถกลางคืนมันมีความสุขยังไง?
มีบางอย่างในชีวิตที่คนบางกลุ่มจะเข้าใจกันเองโดยไม่ต้องอธิบายให้เยอะ และ "ความรักที่มีต่อรถ" ก็เป็นหนึ่งในนั้น มันไม่ใช่แค่เรื่องของยานพาหนะ แต่เป็นอะไรบางอย่างที่ผูกโยงเข้ากับจิตใจอย่างลึกซึ้ง คนทั่วไปอาจเห็นว่า... ก็แค่รถคันหนึ่ง แต่สำหรับคนบ้ารถ รถคือ สมาชิกครอบครัว คือเพื่อนสนิท คือคนรัก คือสมบัติล้ำค่า และเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุดในชีวิต
หลายคนมองว่าคนบ้ารถบ้าเกินเหตุ เอะอะก็ซื้อของแต่ง พอได้เงินเดือนก็เอาไปเปลี่ยนล้อ เปลี่ยนยาง หรือบางทีก็ซื้อท่อใหม่ทั้งที่ของเก่าก็ยังดีอยู่ แต่ถ้าถามว่าทำไปทำไม… เราเองก็อาจตอบไม่ได้ด้วยเหตุผลที่มีตรรกะเป๊ะๆ หรอก เพราะมันคือ "ความรู้สึก" ล้วนๆ ถึงแม้เงินไม่เหลือ แต่รถต้องหล่อ ทุกการเปลี่ยนแปลงของรถไม่ใช่แค่การอัปเกรด แต่เป็นเหมือนการแต่งตัวให้คนรัก อยากให้เค้าหล่อ อยากให้ดูดี อยากให้ทุกคนมองแล้วรู้สึกว่า “คันนี้มีสไตล์” หลายคนยอมขับรถเตี้ยจนหัวสั่นเวลาข้ามเนิน ยอมใส่เบาะแข่งที่แข็งราวกับไม้กระดาน แค่อยากได้ฟีลซิ่งแบบที่เห็นในคลิปหรือสนามแข่งจริงๆ ไม่ใช่เพื่อโชว์ แต่เพราะมัน ฟิน
เวลาได้ล้างรถเอง ทั้งที่แดดร้อนจนแสบผิว มันกลับรู้สึกเหมือนได้บำบัดตัวเอง ช่วงเวลาที่ได้ลงดีเทล ขัดนู่นปัดนี่ ลูบเบาๆ ไปตามสันขอบกระจกหรือมุมกันชน เหมือนเรากำลังใส่ใจบางอย่างที่ไม่มีใครเข้าใจ สำหรับ "คนรักรถ"... มันคือพิธีกรรมบางอย่าง ที่ทั้งจริงจัง และเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ที่คนอื่นอาจไม่เข้าใจ เพราะเราจะไม่ล้างแค่ให้มันสะอาด เราจะล้างให้มัน “เงาแบบจับใจ” เราจะเลือกผ้าดีๆ น้ำยาเฉพาะจุด มีแชมพูล้างล้อคนละสูตรกับล้างตัวถัง น้ำยาเคลือบกระจกไม่ใช้น้ำยาเดียวกับกระจกห้องน้ำแน่นอน การล้างรถคือเวลาส่วนตัว และในขณะเดียวกัน รถก็เหมือนจะตอบรับเรากลับมา ด้วยความเงาวับที่สะท้อนแดดออกมาราวกับจะบอกว่า “ขอบคุณนะ ที่ดูแลกัน”
คนรักรถเขาจะไม่ไปเฉยๆ หรอก เขาจะหันกลับมามอง มองดูรถตัวเองสักนิด บางทีก็มองนานหน่อย มองให้แน่ใจว่ารถจอดตรงไหม ล้อเอียงไปหรือเปล่า หรือแค่ อยากมองเฉยๆ ไม่ได้เช็กอะไรหรอก แค่มอง เหมือนเวลาเรามองคนที่เรารัก เดินจากไป แล้วก็หันกลับมาส่งสายตาอีกรอบ นั่นแหละ คนรักรถก็แบบนี้ ถึงจะรีบแค่ไหน ถึงจะสายแค่ไหน ถ้าจอดรถเสร็จแล้วเดินไปโดยไม่หันกลับมามองอีกที มันจะรู้สึก เหมือนยังไม่จบดีไม่เชื่อลองสังเกตดู
คนบ้ารถมักมีสัญชาตญาณประหลาดๆ อย่างหนึ่งคือ สามารถจำเสียงเครื่อง เสียงช่วงล่าง หรือแม้แต่เสียง “แปลกๆ” ที่เพิ่งเกิดขึ้นตอนขับได้ในทันที ฟังดูเหมือนจะโม้ แต่สำหรับคนบ้ารถ เรื่องนี้มันธรรมชาติยิ่งกว่าหายใจเข้าออก เพราะแค่ได้ยินเสียงเครื่องติด เสียงเดินเบา หรือแม้แต่เสียงสตาร์ตตอนเช้า เราก็รู้เลยว่า นี่รถเรา หรือรถเพื่อน? นี่เสียงฟิต? หรือเสียงมันเริ่มงอแง? บางคนได้ยินเสียงเครื่องในคลิปแว้บเดียว ก็ทักออกทันที “เฮ้ย! นี่มัน K20 ใช่มั้ย?” บางคนแค่เดินผ่านซอย แล้วได้ยินเสียงสตาร์ตรถในบ้านคนอื่น ก็สะกิดเพื่อนว่า “ฟังดิ เสียง SR20 แน่นอน” นี่แหละคนบ้ารถ เขาจำเสียงเครื่องยนต์ได้เหมือนคนอื่นจำเสียงแฟน และบางทีก็จำแม่นยิ่งกว่าอีก เพราะเสียงเครื่องยนต์มันมีคาแรคเตอร์ มีบุคลิก มีอารมณ์ บางคันเสียงนุ่มนวลเหมือนนักพูด บางคันเสียงคำรามเหมือนสิงโตติด NOS บางคันเสียงฟึดฟัดเหมือนพ่นข้าวโพดคั่ว แต่คนขับยิ้มภูมิใจสุดๆ สำหรับคนบ้ารถ เสียงเครื่องยนต์มันไม่ได้แค่ “เสียง” แต่มันคือภาษาที่ฟังแล้วเข้าใจ
ไม่ต้องมีจุดหมาย ไม่ต้องมีธุระสำคัญ แค่ขับออกไปเรื่อยๆ ก็มีความสุขแล้ว บางวันแค่ออกจากบ้านวนรอบหมู่บ้าน บางวันก็ขับไกลๆ แบบไม่มีแผน บางคนขับคนเดียว บางคนมีเพลง มีกาแฟ มีฟ้าเย็นๆ เป็นเพื่อนร่วมทาง การได้อยู่หลังพวงมาลัย ได้ฟังเสียงเครื่อง ได้จับจังหวะเข้าเกียร์ มันเหมือนจังหวะของหัวใจ มันเหมือนบทสนทนาที่ไม่ต้องมีคำพูด สำหรับคนบ้ารถ การขับรถไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่มันคือการ “ได้อยู่กับรถ” คือโมเมนต์ที่ทุกอย่างรอบตัวเงียบลง เหลือแค่เสียงล้อหมุน เสียงเครื่องเดิน และความรู้สึกเบาๆ ในใจ บางครั้งก็ออกไปขับเพราะเหนื่อย บางครั้งเพราะเครียด บางครั้งก็เพราะแค่...คิดถึงรถ อยากให้มันได้ออกไปหายใจบ้าง รถจอดนิ่งๆ นานๆ ก็เหมือนเราเวลาถูกขัง มันอยากออกไปวิ่งบ้างเหมือนกัน คนอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่กับคนบ้ารถ... แค่ได้ขับ แค่นั้นก็พอแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นคลิปรีวิว คลิปเทสต์รถ คลิปแข่ง คลิปซิ่ง หรือแม้แต่คลิปซ่อมรถ คนบ้ารถก็ดูได้หมด ดูได้ทั้งวันไม่เบื่อ ดูไปยิ้มไปเหมือนเจอของโปรด บางคลิปดูซ้ำสิบรอบก็ยังสนุก บางคลิปไม่ได้ฟังด้วยซ้ำ แค่ฟังเสียงเครื่องก็ฟินแล้ว เสียงบูสต์ เสียงแบคไฟร์ เสียงท่อเงี้ย...แค่ได้ยินก็ใจเต้น บางทีนั่งกินข้าวยังเปิดดู บางทีนอนจะหลับยังหยิบขึ้นมาดูอีกรอบ คนอื่นอาจสงสัยว่าดูอะไรนักหนา แต่กับคนบ้ารถ มันคือความสุขเล็กๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน มันเหมือนได้อยู่ในโลกของตัวเอง โลกที่มีแต่ความเร็ว เสียงเครื่องยนต์ และแรงบันดาลใจ บางคลิปทำให้อยากขับ บางคลิปทำให้อยากแต่ง บางคลิปแค่ดูเฉยๆ ก็เหมือนได้เติมไฟในหัวใจแล้ว
เสียงแปลกๆ ที่ไม่เคยได้ยิน กลิ่นไหม้จางๆ ที่ลอยเข้าจมูก ไฟโชว์หน้าปัดที่อยู่ๆ ก็ขึ้นมาทักทาย ทั้งหมดนั้นทำให้คนรักรถถึงกับเครียด หัวใจหล่นไปอยู่ที่พื้นทันที บางคนถึงขั้นหายใจไม่ทั่วท้อง จอดเช็กตรงนั้นเลยก็มี ไม่ใช่เพราะเวอร์ แต่เพราะมันคือสิ่งที่รัก คือสิ่งที่ผูกพันมากกว่าแค่เครื่องจักร เวลาใครสักคนที่เรารักล้มป่วย เราจะรู้สึกยังไง? เวลารถงอแง เราก็รู้สึกแบบนั้นนั่นแหละ บางทีฟังเสียงแปลกๆ แค่เสี้ยววินาที เราก็รู้แล้วว่า “ไม่ปกติ” รีบหาข้อมูล รีบถามกลุ่ม รีบจองคิวอู่ ราวกับเป็นหมอฉุกเฉินประจำรถตัวเอง และพอรู้ว่าสาเหตุไม่หนักมาก ใจถึงค่อยกลับมาเต้นปกติ คนอื่นอาจไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้น แต่นี่แหละ…ความรักในแบบของคนบ้ารถ มันลึก มันแน่น และมันทำให้เรารู้ว่า “คนเราจะรักสิ่งไม่มีชีวิตได้มากแค่ไหน”
ถ้าถามว่าทำไมถึงรักรถนัก ทั้งที่มันไม่ตอบโต้ ไม่พูด ไม่กอดตอบได้เหมือนคน ก็คงตอบว่า เพราะมัน "อยู่" กับเราเสมอ ไม่ว่าเราจะสุข เศร้า โกรธ ร้องไห้ หรือหัวเราะ มันไม่เคยหนีไปไหนเลย และนี่แหละ อาการของคนบ้ารถ ที่ใครไม่เป็น ไม่มีวันเข้าใจ คุณผู้อ่านเป็นแบบนี้หรือไม่ ลองมาแชร์กันได้นะ