หากเข้าไปเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันแล้ว พนักงานสถานีบริการน้ำมัน หรือเด็กปั้มเติมน้ำมันให้ผิดประเภทควรทำอย่างไร อาการที่จะเกิดขึ้นกับรถยนต์จะเป็นอย่างไร ต้องแก้ไขด้วยวิธีไหน
สำหรับรถยนต์ในปัจจุบันแบ่งเครื่องยนต์ออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน (ไม่นับรถยนต์ไฟฟ้า)
- รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน
- รถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล
สำหรับเครื่องยนต์ที่รองรับน้ำมัน 2 ประเภทนี้ ก็จำเป็นจะต้องเติมน้ำมันให้ได้ถูกต้องตามเครื่องยนต์นั้นๆ ด้วย หากเติมน้ำมันผิด หรือเติมน้ำมันสลับกัน สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ
หากนำรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลไปเติมน้ำมันเบนซิน จะทำให้มีควันดำออกมาจากท่อไอเสียมากกว่าปกติเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ เกิดการสะดุด และเครื่องยนต์ดับได้ในที่สุด และแน่นอนว่า เมื่อเครื่องยนต์ดับแล้วจะทำให้การสตาร์ทเครื่องใหม่นั้นเป็นไปได้ยากแล้ว ไม่สามารถสตาร์ทได้ นอกจากนั้นจะทำให้หัวฉีดเกิดการฉีดน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้เกิดการลุกไหม้เร็วจนเกินไปทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง และดับทันที ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเสียหาย เช่น ไส้กรองน้ำมันดีเซล ปั๊มหัวฉีดแรงดันสูง และหัวฉีดดีเซล
สำหรับในกรณีเครื่องยนต์เบนซินเติมน้ำมันดีเซล ผลเสียก็คือจะทำให้หัวฉีดอุดตัน (น้ำมันดีเซลมีค่าความหนืดมากกว่าเบนซิน) หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละออง ทำให้หัวเทียนจุดประกายไฟแล้วเผาไหม้ได้ยากทำให้เครื่องยนต์ดับ ทำให้ไส้กรองเบนซินอุดตัน หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละอองและเขี้ยวหัวเทียนมีคราบเขม่าจับมากขึ้น และส่งผลให้เครื่องยนต์จะมีเสียงดังขณะที่คุณกำลังเร่งความเร็ว อัตราการเร่งเครื่องยนต์ช้ากว่าปกติ และไม่สามารถทำความเร็วได้ รวมไปถึงระบบแสดงไฟเตือนรูปเครื่องยนต์จะแสดงขึ้นที่หน้าปัด และทำให้เครื่องยนต์ดับไม่สามารถสตาร์ทใหม่ได้
เติมน้ำมันผิดประเภทควรทำอย่างไร
- ดับเครื่องรถทันที ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์
- ติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลหน้าลานบริการ หรือผู้จัดการสถานีบริการน้ำมัของสาขา เพื่อบอกถึงความผิดพลาด
- หากมีเบอร์โทรคอลเซ็นเตอร์ของสถานีบริการแบรนด์ที่เข้าไปใช้บริการ ให้โทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับคอลเซนเตอร์เกี่ยวกับทะเบียนรถยนต์ที่เติมน้ำมันผิดประเภท เช่น สถานี ยี่ห้อรถ เวลาที่เติมน้ำมัน และปรึกษาเรื่องแนวทางรับผิดชอบ
- โทรหาบริษัทประกันภัยรถยนต์ เพื่อปรึกษาแนวทาง เมื่อเจ้าหน้าที่ประกันภัยมาถึง แจ้งดำเนินการเอาผิดและดำเนินการขั้นตอนประกันเพื่อเคลมค่าเสียหาย
- หากที่สถานีบริการมีช่าง ให้รีบทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันออกให้หมด ซึ่งทางสถานีบริการน้ำมันต้องจัดการให้
- หากจำเป็นจะต้องเข้าศูนย์บริการ ให้ใช้บริการรถสไลด์มารับ ไม่ควรสตาร์ทเครื่อง เพื่อนำรถเข้าศูนย์ เมื่อรถถึงศูนย์ ให้เจ้าหน้าที่เช็คระบบให้ละเอียด ประเมินความเสียหาย ศูนย์จะแจ้งกลับไปยังประกันภัยรถยนต์ ทางศูนย์รถจะออกใบเรียกเก็บค่าเสียหาย ซึ่งค่าบริการทางสถานีบริการน้ำมันต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
- และหากมีธุระจำเป็นจะต้องเดินทางเพื่อไปทำธุระต่อ เมื่อจัดการเหตุการเรียบร้อย ให้สถานีบริการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
- หลังจากนำรถออกจากศูนย์รถ ให้หมั่นสังเกตอาการ การทำงานของรถยนต์ หากเกิดสิ่งผิดปกติ ให้นำรถกลับเข้าศูนย์ทันที โดยยังอยู่ในความรับผิดชอบของสถานีบริการน้ำมัน ดูระยะเวลาใบเคลมประกันเพิ่มเติมกันผิดพลาด
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น สามารถเพิ่มเติมรายละเอียดอื่นได้ ดังนี้
- แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หากทางสถานีบริการน้ำมันปฏิเสธที่จะไม่รับผิดชอบ
- ถ่ายรูปรถยนต์ที่จอดอยู่กับหัวจ่ายน้ำมันที่เติมน้ำมันผิด
- ถ่ายรูปบัตรพนักงานให้บริการ และบัตรประจำตัวประชาชน
- ถ่ายรูปใบอนุญาตสถานีบริการน้ำมัน ชื่อ และสาขา
- เก็บหลักฐานเอกสารทุกอย่างเอาไว้ใช้เนื่องจากจำเป็นมาก เช่น ถ่ายรูปรายละเอียดทุกอย่างเก็บไว้ มีไว้ดีกว่าไม่มี
กรณีมีค่าใช้จ่ายและค่าเสียหาย ทางสถานีบริการน้ำมันต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ เพราะเกิดจากความผิดพลาดจากการให้บริการของทางสถานีบริการน้ำมันนั้นๆ ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว หากผู้ใชัรถ มีรถยนต์หลายคันที่บ้าน หลากหลายประเภทชนิดน้ำมัน ผู้ขับขี่ควรมีสติ และระลึกอยู่เสมอว่า รถยนต์ที่เราขับอยู่นั้นใช้น้ำมันชนิดไหน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนเวลาไปเติมน้ำมัน เมื่อน้องๆ เด็กปั้มถามว่า จะเติมน้ำมันชนิดไหน