เทียบข้อดีข้อเสีย รถ EV - รถน้ำมัน จุดสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจ

24 ก.ค. 67

รถไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV กลายเป็นเทรนด์สำคัญของโลกในปัจจุบัน แม้กระทั่งในประเทศไทยก็ถือว่าเป็นประเทศที่มีความตื่นตัวด้านรถไฟฟ้าเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าในคนไทย จนทำให้มีค่ายรถไฟฟ้าโดยเฉพาะจากประเทศจีน ข้ามน้ำข้ามทะเลเข้ามาทำตลาดในบ้านเราอย่างคึกคัก ทำให้มีรถไฟฟ้าหลายรุ่นที่รอเปิดตัว และเปิดตัวไปแล้วให้ได้เลือกเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว

แต่ก็คงปฎิเสธไม่ได้ ว่ายังมีกลุ่มคนใช้รถอีกไม่น้อยที่ยังชื่นชอบการใช้รถน้ำมัน หรือรถยนต์สันดาปภายใน ยังไม่เปลี่ยนใจไปรถไฟฟ้าตามกระแสที่ถาโถมเข้ามา ซึ่งถ้าเอาในความเป็นจริงก็จะเห็นว่าทั้งรถน้ำมันและรถไฟฟ้า ก็ล้วนมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้นไม่มีถูกหรือไม่มีผิด การจะเลือกใช้รถยนต์ประเภทใด จึงควรเป็นเรื่องของลักษณะการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลมากกว่า

รถไฟฟ้า หรือรถ EV คืออะไร

รถไฟฟ้า หรือรถ EV คืออะไร

ในความเป็นจริงแล้วรถไฟฟ้าไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกในยุคสมัยของเรา แต่มันเกิดขึ้นมานานมากในอดีต เพียงแต่มันได้รับความนิยมเพียงช่วงสั้นๆ และทำให้รถไฟฟ้าจางหายออกไปจากบนท้องถนนบนโลก ด้วยข้อจำกัดในยุคสมัยนั้นที่นำ้มันมีราคาถูก ในขณะที่รถไฟฟ้าเองมีราคาแพงมากเกินกว่าที่ผู้คนจะซื้อมาใช้

รถไฟฟ้า คือรถที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรีที่มีหลากหลายประเภท ซึ่งทำหน้าที่ในการกักเก็บพลังงานเปรียบเสมือนถังน้ำมัน และทำการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ที่ส่วนมากจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าชนิดแม่เหล็กถาวร โดยที่รถไฟฟ้าแต่ละรุ่นจะมีพละกำลังจากมอเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงขนาดของแบตเตอรีก็แตกต่างเช่นเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อระยะทางการวิ่งนั่นเอง

ข้อดี รถไฟฟ้า

  1. ประหยัดค่าเดินทาง ผลมาจากค่าพลังงานที่ถูกลง จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันราคานำ้มันโลกมีความผันผวนสูง และมักถูกกำหนดโดยประเทศผู้ค้ารายใหญ่ เรียกได้ว่าถูกกำหนดโดยกลุ่มประเทศไม่กี่ประเทศเท่านั้น โดยเฉพาะหากเกิดความไม่มั่นคงใดๆ บนโลก ราคาน้ำมันก็พร้อมพุ่งทะยานจนฉุดไม่อยู่อย่างง่ายดาย
  2. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขั้นตอนของการขับเคลื่อนในรถไฟฟ้านั้นแทบจะไม่มีการปล่อยมลภาวะใดๆ ออกสู่บรรยากาศเลยทีเดียว เพราะไม่มีการเผาไหม้เกิดขึ้นในกระบวนการทั้งหมด ส่วนในกระบวนการผลิตรถไฟฟ้าแต่ละคันนั้น ก็คงต้องว่ากันไปในเชิงลึก และคงเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันอีกไม่น้อยในอนาคต
  3. พละกำลัง มอเตอร์ของรถไฟฟ้าสามารถให้แรงบิด รวมถึงพละกำลังที่สูงกว่ารถน้ำมันในระดับราคาเดียวกัน เพราะรถน้ำมันที่ใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนหากต้องการแรงม้า หรือแรงบิดที่เทียบเท่ากับรถไฟฟ้า จะต้องใช้เทคโนโลยีจำนวนมาก รวมถึงชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น และแน่นอนมันไปเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงงานที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
  4. ค่าบำรุงรักษา รถไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่ไม่มากเท่ากับรถน้ำม้น ย่อมทำให้ชิ้นส่วนที่ต้องเปลี่ยน หรือกระทั่งของเหลวก็มีน้อยกว่า ทำให้สามารถลดค่าบำรุงรักษาในแต่ละรอบลงอย่างเป็นรูปธรรม
  5. เงียบ สบาย ความเงียบเป็นจุดเด่นอย่างมากในรถไฟฟ้า เพราะมันปราศจากเสียงของเครื่องยนต์ แม้จะทำการเร่งความเร็วสักแค่ไหน รถไฟฟ้าจะวิ่งทะยานไปอย่างเงียบเชียบ ส่งให้ภายในห้องโดยสารมีความสงบและผ่อนคลายต่อผู้โดยสาร แต่ความเงียบก็ไม่ใช่ข้อดีเสมอไป ดังจะเห็นได้จากรถไฟฟ้าหลายๆ รุ่น โดยเฉพาะรุ่นที่มีราคาแพงก็มักจะติดตั้งฟังก์ชันเสียงสังเคราะห์ของเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มอรรถรสในการขับขี่มาให้เป็นทางเลือก


ข้อเสีย รถไฟฟ้า

ข้อเสีย รถไฟฟ้า

  1. โครงสร้างพื้นฐานจำกัด เป็นเรื่องที่ปัจจุบันทุกคนทราบกันดีว่าปัญหาหลักของรถไฟฟ้าคือสถานชาร์จ ซึ่งแม้จะมีการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สามารถครอบคลุมได้ทั่วพื้นที่ของประเทศได้ รวมถึงในช่วงเทศกาลที่มีผู้ใช้รถไฟฟ้าเป็นจำนวนมากพร้อมกัน ก็มันเกิดปัญหาที่ชาร์จไม่เพียงพอ รวมทั้งการติดตั้งจุดชาร์จไฟในที่พักอาศัยก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่อีกด้วย และคนที่อยู่หอพัก หรือบ้านเช่า การติดตั้งที่ชาร์จเองแทบเป็นไปไม่ได้
  2. ประกันรถยนต์ รถไฟฟ้ายังถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะราคาแบตเตอรีของรถไฟฟ้าที่มีราคาเกินกว่า 60% ของตัวรถ และมีความอ่อนไหวมาก อย่างเช่นการเกิดอุบัติเหตุหากเกิดโดยตรงกับตัวแบตเตอรีอาจต้องเสียเงินก้อนโตแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนั่นทำให้ค่าประกันรถยนต์ของรถไฟฟ้ามีราคาที่สูงปรี๊ดเลยทีเดียว
  3. ระยะทางการวิ่ง การเดินทางไกลยังถือเป็นอุปสรรคสำหรับรถไฟฟ้า โดยหากยิ่งใช้เดินทางไกลเท่าไหร่ และชาร์จบ่อยมากขึ้นแค่ไหน ยิ่งต้องเพิ่มเวลาในการเดินทางอีกไม่น้อย เนื่องจากปัจจุบันรถไฟฟ้าต้องใช้ระยะเวลาในการชาร์จแบบเร็วเฉลี่ยที่ 30-50 นาที ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ แต่อย่างไรเสียก็ยังไม่สามารถทำได้รวดเร็วเท่ากับการเติมน้ำมันเต็มถังอย่างแน่นอน
  4. แบรนด์ให้เลือกน้อย รถไฟฟ้ายังกระจุกอยู่ในแบรนด์จากประเทศจีนเป็นหลัก และยังเป็นเหตุผลที่หลายคนยังคงตั้งคำถามในเรื่องของคุณภาพระยะยาวที่ยังต้องรอการพิสูจน์ เนื่องจากในปัจจุบันนอกจากรถไฟฟ้าจากยุโรปที่มีราคาแพงหูฉี่แล้วละก็ ในส่วนของแบรนด์ญี่ปุ่นที่บ้านเราคุ้นเคย ยังไม่มีรถไฟฟ้าแบบจริงจังจำหน่ายสักเท่าไหร่นัก
  5. ราคาขายต่อ รถไฟฟ้ายังแก้ไม่ตกเรื่องของราคาขายต่อมือสอง เนื่องจากยังไม่สามารถกำหนดราคากลางได้อย่างชัดเจน


ทำไมคนไทยยังเลือกใช้รถน้ำมัน

ทำไมคนไทยยังเลือกใช้รถน้ำมัน

แม้ในปัจจุบันภาพที่เห็นเหมือนกับว่ารถไฟฟ้ากำลังจะเข้ามาแทนที่รถน้ำมันในประเทศไทย แต่หากมองลงไปในรายละเอียดแล้วจะพบว่า ยอดขายของรถไฟฟ้านั้นเร่ิมไม่สูงเหมือนช่วงเริ่มต้นที่ผ่านมา อาจด้วยจำนวนคนที่พร้อมจะเปลี่ยนได้มีการซื้อรถไฟฟ้าใช้ไปแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดขายไม่เติบโตมากเท่าที่ควรในตอนนี้ และรวมทั้งหลังจากมีการใช้เพิ่มมากขึ้น ก็เริ่มมีข้อจำกัดที่มีให้เห็นมากขึ้น เลยอาจส่งผลต่อคนที่ยังลังเลที่จะเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้ายิ่งชะลอการตัดสินใจออกไป

แต่กลับกลายเป็นว่ารถแบบพลังงานผสมอย่างรถ Hybrid และ Plug-in Hybrid เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากจากทั้งคนไทย และทั่วโลก

ข้อดี รถน้ำมัน

  1. ระยะเวลาการเดินทาง ส่วนมากแล้วรถนำ้มันสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่ารถไฟฟ้า แม้ในบางรุ่น อาทิ รถ Eco Car ที่อาจวิ่งได้ระยะทางไม่มากนัก แต่ระยะเวลาที่ใช้ในการเติมน้ำมันก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดนั่นเอง
  2. การซ่อมแซม หากรถน้ำมันเกิดปัญหา หรือเสียระหว่างทาง สามารถเข็นหรือลากจูงไปยังอู่ซ่อมที่ใกล้ที่สุดได้ รวมถึงในปัจจุบันช่างทั่วไปก็สามารถซ่อมรถน้ำมันได้ และสามารถตรวจเช็กอาการได้ง่ายกว่า แต่ถ้าหากเป็นรถไฟฟ้าแล้วละก็คงต้องขึ้นรถสไลด์เข้าศูนย์บริการเพียงอย่างเดียว
  3. ประกันรถยนต์ราคาถูก ประกันรถยนต์น้ำมันมีให้เลือกมากมาย หลายแบบ รวมถึงมีราคาค่าเบี้ยประกันภัยที่ถูกกว่าพอสมควร รวมถึงการซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ในปัจจุบันก็ทำได้ง่ายดาย ไม่ยุ่งยากอีกด้วย
  4. ราคาขายต่อ รถน้ำมันสามารถดูราคากลางสำหรับการขายต่อได้ ทำให้สามารถคำนวนมูลค่ารถให้เห็นชัดเจน ซึ่งแตกต่างกับรถไฟฟ้าที่ ณ ปัจจุบันบางเต๊นท์รถยังไม่รับซื้อด้วยซ้ำ

ข้อเสีย รถน้ำมัน

  1. สร้างมลพิษ แม้ในปัจจุบันรถน้ำมันรุ่นใหม่จะได้รับการควบคุมไอเสียอย่างเข้มงวดขึ้นในทุกๆ ปี แต่นั่นก็ไม่ครอบคลุมถึงรถน้ำมันที่ผ่านการใช้งานที่มากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีมากพอ เครื่องยนต์ก็จะยิ่งปล่อยมลภาวะสู่โลกมากยิ่งขึ้น
  2. ราคาน้ำมัน ประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้ค้านำ้มันรายใหญ่ ราคาที่กำหนดเป็นไปตามตลาดโลก หลายๆ ครั้งเรามักเห็นการเปรียบเทียบรายได้ต่อหัวของคนไทย กับราคาน้ำมันต่อลิตร ว่าดูไม่สอดคล้องกันเอาซะเลย
  3. การบำรุงรักษา รถน้ำมันมีชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ และของเหลวเป็นองค์ประกอบต่างๆ ที่ต้องได้รับการดูแลตามระยะ และสิ่งที่ตามมาก็คือค่าใช้จ่ายในการเข้าเซอร์วิสแต่ละรอบนั่นเอง


รถไฟฟ้า หรือ รถน้ำมัน อะไรดีกว่า

สรุป รถน้ำมันหรือรถไฟฟ้า ดีกว่ากัน?

ไม่สามารถระบุได้แน่นอน ว่ารถน้ำมัน และรถไฟฟ้า แบบไหนดีกว่า ซึ่งก็ล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสียในแบบของตัวเอง การที่ใครจะเลือกใช้รถประเภทไหนย่อมขึ้นอยู่กับความพร้อม และควรต้องเข้าใจข้อจำกัดของการใช้งานของรถประเภทนั้นๆ หากเลือกที่จะใช้รถตามกระแสโดยไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ สุดท้ายก็อาจกลายเป็นเรื่องเครียด เพราะรถยนต์เป็นของที่มีราคาไม่น้อย

เพียงแต่ว่าหากใครมองเรื่องของค่าประกันรถยนต์ที่ไม่ต้องการจ่ายในราคาที่แพงเกินไป ก็คงต้องเชียร์ว่าควรใช้เป็นรถน้ำมันดูจะตอบโจทย์มากกว่าอย่างแน่นอน โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด ที่จะยิ่งมีราคาถูกกว่าของรถไฟฟ้าเป็นอย่างมาก สามารถ เช็กประกันรถยนต์ รวมถึง ซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ ได้ที่นี่เลย https://insurverse.co.th/car-insurance/type1/

advertisement

ยานยนต์ คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม