เกียร์ B คืออะไร ควรใช้ตอนไหน ต่างจากเกียร์ L อย่างไร

18 ต.ค. 67

ว่าด้วยเรื่องของเกียร์รถยนต์ นอกจะมีแบบเกียร์ธรรมดา หรือบางคนเรียกว่า เกียร์กระปุก ซึ่งมีหลักการทำงาน ใช้โยกที่ควบคุมโดยคันเกียร์ 

ยังมีเกียร์แบบอัตโนมัติ หรือเกียร์ออโต้ ซึ่งเจ้าเกียร์ออโต้ที่ว่านี้ มีลักษณะการแบ่งการทำงานออกแบบหลายหมวดหมู่ด้วยกัน หนึ่งในตัวอักษรบนชุดควบคุมเกียร์อัตโนมัต มีตัวอักษร B ที่อาจจะไม่คุ้นตาเพิ่มขึ้นมาด้วย แล้วมันคืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร

เกียร์ B ตัวอักษร B ย่อมาจาก Brake หรือเกียร์เบรก เป็นฟังก์ชันพิเศษที่พบได้ส่วนใหญ่ในรถยนต์ไฮบริด แต่ก็มีอยู่ในรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปบางรุ่นด้วย เรียกง่ายๆ ว่า รถยนต์ที่ใช้ทั้งพลังงานจากน้ำมันและไฟฟ้า 

หลักการทำงานของเกียร์ B

สำหรับเกียร์ B บางคนยังไม่รู้จักเท่าใดนัก เกียร์ B นั้นมีหน้าที่ช่วยเพิ่มแรงหน่วงของรถยนต์ หรือ เรียกง่ายๆ ว่าช่วยเบรก ชะลอรถทำให้รถยนต์เคลื่อนตัวช้าลงนั่นเอง โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องให้เท้าช่วยในการแตะเบรกบ่อยครั้ง รวมถึงการที่อยู่ในสภาวะที่มีการจราจรติดขัด ต้องใช้เบรกอยู่บ่อยๆ รถติดการจราจรพลุกพล่าน รถยนต์เคลื่อนตัวช้า สลับกับการหยุดนิ่ง หรือจะใช้ในการขับรถลงทางลาดชันก็สามารถทำได้ จะทำให้การเคลื่อนรถนต์นั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น หรือจะเรียกเกียร์ B ที่ว่านี้ง่ายๆ ว่าเกียร์ต่ำก็ไม่ผิด

เกียร์ B ใช้ตอนไหน?

ขับขี่ลงทางลาดชัน 

เมื่อขับรถลงจากเนินเขาหรือทางลาดชัน เกียร์ B จะช่วยให้รถชะลอความเร็วลงโดยไม่ต้องพึ่งพาการทำงานของเบรกมากจนเกินไป ทำให้ลดความร้อนและการสึกหรอของผ้าเบรกได้เช่นกัน

การจราจรหนาแน่น

หากต้องขับรถในสภาพการจราจรที่ติดขัด ต้องหยุดและเคลื่อนตัวรถอยู่บ่อยๆ เกียร์ B จะช่วยให้รถชะลอความเร็ว เมื่อยกเท้าออกจากแป้นคันเร่งได้ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบเบรก ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่ลงได้

ชะลอความเร็วโดยไม่ใช้เบรก

สำหรับในกรณีที่ต้องการชะลอความเร็วในระยะทางยาว เช่น การขับขีบนถนนที่มีความเร็วสูง อย่างทางด่วน และต้องการลดความเร็วลง เกียร์ B จะช่วยชะลอความเร็วอย่างนุ่มนวลด้วยเช่นกัน 

การประหยัดพลังงาน

ใครจะทราบว่า การใช้เกียร์ B นั้นสามารถช่วยในการสร้างพลังงานกลับคืนได้ (Regenerative Breking) ซึ่งสามารถนำพลังงานมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ได้อีกด้วย ทำให้รถยนต์สามารถดึงใช้พลังงานที่สร้างขึ้นใหม่นำมาใช้ในการขับขี่ได้ต่อไป ซึ่งจะช่วยในการประหยัดพลังงานและเพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้

ควบคุมความเร็ว

อย่างในบางสถานการณ์ อย่างการขับขี่ในเส้นทางที่มีทางคดโค้ง โค้งหักศอก หรือทางคดเคี้ยวเลี้ยวไปเลี้ยวมา การใช้เกียร์ B จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้เบรกหนักๆ

ข้อแตกต่างของเกียร์ B กับเกียร์ L

ผู้ขับขี่หลายท่านอาจยังตั้งข้อสงสัยว่า ทั้งเกียร์ B และเกียร์ L ต่างกันอย่างไร เพราะหลักการทำงานนั้นคล้ายคลึงกัน โดยเกียร์ทั้ง 2 ชนิดนี้ มีหลักการทำงาน โดยทำหน้าที่ในการเพิ่มแรงหน่วงเหมือนกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างกัน คือ 

  • เกียร์ L (Low) เป็นเกียร์ต่ำสุด ใช้สำหรับการขึ้นเนินลาดชั้นค่อนข้างมาก หรือการลางจูงวัตถุต่างๆ ของที่มีน้ำหนักบรรทุก โดยจะเพิ่มแรงบิดของเครื่องยนต์ ทำให้รถมีความสามารถในการปีนป่ายขึ้นเนินลาดชันสูงได้เป็นอย่างดี 
  • เกียร์ B (Brake) ใช้สำหรับการชะลอความเร็ว โดยอาศัยมอเตอร์ไฟฟ้าในการสร้างแรงต้านทำให้รถยนต์เคลื่อนตัวช้าลงอ

เกียร์ B ดีอย่างไร

  • ประหยัดน้ำมัน เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยในการชะลอความเร็ว ทำให้เครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป
  • การใช้เบรกลงลด เพิ่มอายุการใช้งานของผ้าเบรก ทำให้ผ้าเบรกเสื่อมสภาพช้าลงได้เช่นกัน
  • การขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น ช่วยได้ในช่วงการจราจรติดขัด

โดยสรุป เกียร์ B เป็นฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์สำหรับรถยนต์ไฮบริด ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้นหากใช้ถูกต้อง โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่ต้องเบรกอยู่บ่อยครั้ง หลักการทำงานและการใช้งานเกียร์ B ของผู้ที่ใช้รถยนต์ไฮบริดช่วยทำให้สามารถใช้รถได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

advertisement

ยานยนต์ คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม