บีบแตรได้ ไม่โกรธกัน เมืองไหนนะ ที่แน่ๆ ไม่ใช่เมืองไทย บีบแตร = ด่า เป็นค่านิยมผิดๆ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่? การบีบแตรเป็นการสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูด ซึ่งความหมายของมันขึ้นอยู่กับบริบทและวัฒนธรรมของแต่ละสถานที่
ทำไมการบีบแตรถึงถูกมองว่าเป็นการด่า
- น้ำเสียงก้าวร้าว แตรมีเสียงดังและแหลม ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนเป็นการแสดงอารมณ์รุนแรง แม้ว่าผู้บีบจะไม่ได้ตั้งใจด่าก็ตาม
- ใช้ในสถานการณ์ขัดแย้ง ส่วนใหญ่มักได้ยินแตรในช่วงที่มีการขับรถผิดกฎ หรือมีคนขับตัดหน้า ทำให้คนรับรู้ว่าเป็นการตำหนิ
- ขาดภาษากาย การบีบแตรไม่มีสีหน้าหรือท่าทางประกอบ คนที่ได้ยินอาจตีความไปในเชิงลบโดยอัตโนมัติ
- วัฒนธรรมการขับขี่ ในบางประเทศ เช่น ไทย การบีบแตรมักเป็นสัญญาณของความไม่พอใจ ต่างจากบางที่อย่างอินเดีย ที่ใช้แตรเพื่อเตือนเฉย ๆ
บีบแตรยังไงให้ไม่เหมือนด่า
- แตะเบา ๆ ใช้สำหรับเตือนแบบสุภาพ
- อย่ากดค้างนาน เพราะมันให้ความรู้สึกก้าวร้าว
- ใช้แตรในบริบทที่เหมาะสม เช่น เตือนคนขับที่เผลอจอดขวาง ไม่ใช่ระบายอารมณ์
ประเทศที่มีการบีบแตรสูงมักเป็นประเทศที่มีการจราจรหนาแน่น ค่อนไปทางโกลาหล หรือมีวัฒนธรรมการขับขี่ที่ใช้แตรเป็นเรื่องปกติ นี่คือ
บางประเทศที่ใช้แตรบ่อยมาก
1. อินเดีย
- เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่อง "บีบแตรตลอดเวลา" โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างเดลี มุมไบ และโกลกาตา
- คนขับแท็กซี่ รถบรรทุก และมอเตอร์ไซค์ใช้แตรเป็นสัญญาณเตือน แทนที่จะเป็นการแสดงความไม่พอใจ
- รถบรรทุกบางคันมีข้อความ “Horn OK Please” ติดอยู่ด้านหลังเพื่อเชิญให้บีบแตร
2. อียิปต์
- ในไคโร การจราจรค่อนข้างยุ่งเหยิง และแตรเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารระหว่างผู้ขับ
- มีการใช้แตรเป็นโค้ด เช่น บีบสองครั้งเพื่อบอกให้ขยับไป
3. ฟิลิปปินส์
- โดยเฉพาะในมะนิลา รถจี๊ปนีย์ แท็กซี่ และมอเตอร์ไซค์ใช้แตรตลอดเวลาเพื่อแสดงการมีตัวตนบนถนน
- คนขับใช้แตรแทนไฟเลี้ยว หรือเพื่อเร่งรถข้างหน้าให้เคลื่อนตัว
4. จีน
- แม้ว่ากฎหมายหลายเมืองในจีนจะพยายามลดการใช้แตร (บางที่ห้ามบีบแตรในตัวเมือง) แต่ยังคงมีการใช้แตรกันมาก โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น
5. เวียดนาม
- โดยเฉพาะในฮานอยและโฮจิมินห์ซิตี้ ที่มีมอเตอร์ไซค์จำนวนมาก
- ผู้ขับใช้แตรเป็นสัญญาณให้ระวัง แสดงเจตนาว่าจะเปลี่ยนเลน หรือแม้แต่เตือนคนเดินถนน
6. อิตาลี
- โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างโรมและเนเปิลส์ คนอิตาลีมักใช้แตรแสดงความไม่พอใจต่อการขับขี่ของคนอื่น
- อย่างไรก็ตาม การใช้แตรในยุโรปโดยรวมยังถือว่าน้อยกว่าประเทศในเอเชีย
ทำไมบางประเทศบีบแตรเยอะ?
- จราจรแออัด → ต้องหาทางให้ตัวเองไปต่อ
- กฎจราจรหย่อนยาน → ใช้แตรเพื่อเตือนหรือระวังอุบัติเหตุ
- วัฒนธรรมการขับขี่ → บางที่แตรเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้หมายถึงการด่า
- โครงสร้างถนนแคบ → ต้องใช้แตรสื่อสารระหว่างกัน
ที่นี่ บีบแตรเป็นเรื่องปกติ
ถ้าขับรถในประเทศเหล่านี้ เตรียมใจได้เลยว่าหูจะไม่ได้พัก มีบางประเทศที่การบีบแตรเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นการด่า แต่เป็นการสื่อสารบนถนน นี่คือบางประเทศที่คุณสามารถบีบแตรได้โดยไม่โดนมองแรง
1. อินเดีย
- ใช้แตรแทนไฟเลี้ยว หรือบอกให้รู้ว่า “ฉันอยู่ตรงนี้”
- รถบรรทุกบางคันมีป้าย "Horn OK Please" เชิญให้บีบแตร
- คนขับแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ และรถบัสใช้แตรตลอด จนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของจังหวะการขับขี่
2. เวียดนาม
- เมืองใหญ่เช่น ฮานอย และโฮจิมินห์ เต็มไปด้วยมอเตอร์ไซค์ การบีบแตรเป็นเรื่องปกติ
- เป็นการเตือนว่ามีรถกำลังเคลื่อนตัว ไม่ได้หมายถึงความโกรธ
3. อียิปต์
- ในไคโร การใช้แตรถือเป็น "ภาษาท้องถิ่นของถนน"
- คนขับใช้แตรเพื่อสื่อสาร เช่น “ขยับหน่อย” “ระวังนะ” หรือ “ฉันกำลังมา”
- บางคนมีวิธีบีบแตรให้เป็นจังหวะเพื่อสื่อความหมายต่าง ๆ
4. ฟิลิปปินส์
- โดยเฉพาะในมะนิลา คนขับรถจี๊ปนีย์และมอเตอร์ไซค์บีบแตรเป็นสัญญาณของมารยาท ไม่ใช่ความโกรธ
- ใช้เตือนให้ระวัง หรือแสดงว่ากำลังเปลี่ยนเลน
5. จีน (บางพื้นที่)
- แม้ว่าบางเมืองมีกฎห้ามบีบแตร แต่ในหลายเมืองที่การจราจรแน่น แตรยังเป็นเครื่องมือสำคัญ
- คนขับบีบแตรเพื่อบอกให้รู้ว่า "ฉันอยู่ตรงนี้" หรือ "อย่าขวางทาง"
6. ไนจีเรีย
- การขับขี่ในเมืองอย่างลากอสเต็มไปด้วยการใช้แตร
- คนขับมองว่าการบีบแตรเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่การแสดงความก้าวร้าว
7. อินโดนีเซีย
- โดยเฉพาะในจาการ์ตา การบีบแตรสั้น ๆ เป็นเรื่องปกติสำหรับการเตือนกัน
- ไม่ได้หมายถึงการด่าหรือไม่พอใจ
หากขับรถในประเทศเหล่านี้ การบีบแตรเป็นเรื่องปกติ และเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสาร มากกว่าการแสดงอารมณ์โกรธ ต่างจากในยุโรปหรืออเมริกา ที่มักมองว่าการบีบแตรเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว แต่ก็ควรเลือกจังหวะการใช้ให้เหมาะสม เพราะอารมณ์คนนั้นต่างกัน ฝากไว้ให้คิด