Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เอาไง? รถยนต์ไฟฟ้าหรือว่าไฮบริด เลือกยังไงให้ตรงใจคนขับได้ใจผู้โดยสาร

เอาไง? รถยนต์ไฟฟ้าหรือว่าไฮบริด เลือกยังไงให้ตรงใจคนขับได้ใจผู้โดยสาร

25 มี.ค. 68
16:00 น.
|
43
แชร์

งาน Motor Show 2025 เปิดม่านงานอย่างคึกคัก โดยในงานมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ยั่วตายั่วใจให้คนอยากมีรถใหม่ หรือมีรถเพิ่ม หรือถึงเวลาที่จะเปลี่ยนรถเก่ากันแล้ว แต่ละค่ายก็จัดโปรโมชั่นเด็ด งัดมาให้มัดใจงาน Bangkok International Motor Show 2025 ครั้งที่ 46 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายน 2025 ณ Impact Challenger 1-3 ในงานนี้ จะมีรถยนต์รุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป รถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฟฟ้าลูกผสม ที่เรียกว่าไฮบริด แล้วรถยนต์รถไฟฟ้าล้วน และไฮบริดนั้นต่างกันอย่างไร จะได้เป็นตัวเลือกในการซื้อหามาใช้

รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) คือ รถที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแทนการใช้เครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (เช่น น้ำมันหรือแก๊ส) โดยทั่วไปจะใช้แบตเตอรี่ที่เก็บพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือดีเซลที่มีการเผาไหม้เพื่อผลิตพลังงาน

รถยนต์ไฟฟ้า

  1. มอเตอร์ไฟฟ้า ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแทนเครื่องยนต์สันดาป
  2. แบตเตอรี่ แบตเตอรี่ (เช่น ลิเธียม-ไอออน) จะเป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้า
  3. การชาร์จ รถยนต์ไฟฟ้าต้องการการชาร์จไฟจากแหล่งพลังงานไฟฟ้า โดยสามารถชาร์จผ่านเต้ารับไฟฟ้าปกติหรือสถานีชาร์จที่มีความเร็วสูง

รถยนต์ไฟฟ้ามีหลายประเภทตามประเภทของการขับเคลื่อนและการใช้พลังงาน ดังนี้

  1. Battery Electric Vehicle (BEV) รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานหลักเท่านั้น ไม่มีเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงหรือน้ำมัน ตัวอย่าง: Tesla Model S, Nissan Leaf, Chevrolet Bolt EV
  2. Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริดที่สามารถชาร์จไฟได้ มาพร้อมกับทั้งเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้า ผู้ขับขี่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ผ่านปลั๊กไฟและใช้ไฟฟ้าในการขับขี่ในระยะทางสั้นๆ โดยเมื่อแบตเตอรี่หมด เครื่องยนต์จะเข้ามาทำงานเพื่อขับเคลื่อนรถ ตัวอย่าง: Toyota Prius Plug-in, Mitsubishi Outlander PHEV
  3. Hybrid Electric Vehicle (HEV) รถยนต์ไฮบริด ที่มีทั้งเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากไฟฟ้าภายนอกได้ แบตเตอรี่จะได้รับการชาร์จจากการทำงานของเครื่องยนต์และการเบรกที่เป็นระบบรีเจนเนอเรทีฟ (regenerative braking) ตัวอย่าง: Toyota Prius, Honda Insight
  4. Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV) รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิง โดยใช้ไฮโดรเจนในการผลิตไฟฟ้าขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้แบตเตอรี่แบบ BEV เซลล์เชื้อเพลิงจะผลิตไฟฟ้าเมื่อไฮโดรเจนถูกป้อนเข้าไปในเซลล์ ตัวอย่าง: Toyota Mirai, Hyundai Nexo

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า

  • ลดการปล่อยมลพิษจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง
  • ประหยัดพลังงานและต้นทุนในการใช้เชื้อเพลิง
  • เสียงรบกวนต่ำเพราะมอเตอร์ไฟฟ้าแทบไม่มีเสียง
  • บำรุงรักษาน้อยกว่า เพราะไม่มีการใช้น้ำมันหรือชิ้นส่วนที่มีการสึกหรอจากการเผาไหม้

ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า

  • ระยะทางการขับขี่จำกัด (Range Anxiety) รถยนต์ไฟฟ้ามีระยะทางในการขับขี่ที่จำกัดเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือดีเซล ซึ่งการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งอาจไม่สามารถขับขี่ได้ไกลเท่ารถที่ใช้เชื้อเพลิงทั่วไป โดยเฉพาะในบางรุ่นที่ระยะทางไม่เกิน 200-300 กิโลเมตร
  • เวลาการชาร์จ การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าใช้เวลานานกว่าเติมน้ำมัน โดยแม้จะมีสถานีชาร์จที่รวดเร็ว แต่ก็ยังคงใช้เวลาหลายชั่วโมงในการชาร์จให้เต็ม
  • สถานีชาร์จยังไม่ครอบคลุม ในบางพื้นที่, สถานีชาร์จยังไม่เพียงพอและไม่สะดวกต่อการใช้งาน ทำให้ผู้ขับขี่ต้องวางแผนล่วงหน้าในการหาสถานีชาร์จ
  • ราคาเริ่มต้นสูง แม้ว่าราคาของรถยนต์ไฟฟ้าจะลดลงในปัจจุบัน แต่ยังคงมีราคาสูงกว่าในรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วไป โดยเฉพาะในรุ่นที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่
  • ปัญหาในการบำรุงรักษา การเปลี่ยนหรือบำรุงรักษาแบตเตอรี่เป็นค่าใช้จ่ายที่สูง และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยังคงเป็นข้อกังวลในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
  • ความต้องการพลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก การผลิตและการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทำให้การใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัญหาหากโครงข่ายไฟฟ้าไม่สามารถรองรับการใช้พลังงานไฟฟ้าในปริมาณมากได้
  • การผลิตและการรีไซเคิลแบตเตอรี่ การผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้วัสดุที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ลิเธียม, โคบอลต์ และนิกเกิล นอกจากนี้การรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วยังเป็นปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ

แม้ว่าจะมีข้อเสียเหล่านี้ แต่การพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้นอาจช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้

ข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า

  • ระยะทางที่สามารถขับได้จากการชาร์จหนึ่งครั้ง (ซึ่งอาจจะน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง)
  • เวลาชาร์จที่ยาวนาน (ขึ้นอยู่กับสถานีชาร์จและแบตเตอรี่)

ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น รถยนต์ไฟฟ้าจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในอนาคตเพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล

รถยนต์ไฮบริด

รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Car) คือ รถยนต์ที่ใช้ สองระบบขับเคลื่อน ได้แก่ เครื่องยนต์สันดาป (เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน) และ มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งทำงานร่วมกัน โดยมีระบบการควบคุมการทำงานที่ช่วยให้ทั้งสองระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยสามารถเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนด้วยน้ำมันหรือไฟฟ้า หรือแม้แต่การใช้ทั้งสองระบบร่วมกันตามสภาพการขับขี่

ประเภทของรถยนต์ไฮบริด

  1. รถยนต์ไฮบริดแบบธรรมดา (Full Hybrid) ในระบบนี้ทั้ง เครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้า สามารถทำงานร่วมกัน หรือแยกกันได้ ขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ รถสามารถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในการขับขี่ในระยะสั้นๆ หรือที่ความเร็วต่ำ ตัวอย่าง: Toyota Prius, Ford Escape Hybrid
  2. รถยนต์ไฮบริดแบบเสริม (Mild Hybrid):มอเตอร์ไฟฟ้าในระบบนี้ไม่สามารถขับเคลื่อนรถได้ด้วยตัวเอง แต่ทำหน้าที่เสริมการทำงานของเครื่องยนต์สันดาป เช่น ช่วยให้การเร่งหรือการเร่งความเร็วดีขึ้น หรือช่วยในการหยุดการเดินเครื่องเมื่อหยุดรถ ตัวอย่าง: Honda Insight, Audi A6 TFSI e
  3. รถยนต์ไฮบริดแบบ Plug-in (PHEV - Plug-in Hybrid Electric Vehicle) เป็นรถที่สามารถชาร์จไฟจากแหล่งจ่ายไฟภายนอกได้ (ผ่านสายชาร์จ) เพื่อให้มอเตอร์ไฟฟ้ามีพลังงานใช้งานได้มากขึ้นและสามารถขับเคลื่อนได้ในระยะทางไกลขึ้นโดยใช้พลังงานจากไฟฟ้า เมื่อต้องการพลังงานมากขึ้นหรือเมื่อไฟฟ้าหมด จะใช้เครื่องยนต์สันดาปเป็นตัวช่วย ตัวอย่าง: Mitsubishi Outlander PHEV, BMW 330e

ข้อดีของรถยนต์ไฮบริด

  • ประหยัดน้ำมัน เนื่องจากมีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยทำให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ลดมลพิษ เนื่องจากการใช้พลังงานไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ในบางช่วงเวลา
  • ขับขี่ที่ยืดหยุ่น ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้พลังงานจากน้ำมันหรือไฟฟ้าได้ตามสถานการณ์

ข้อเสียของรถยนต์ไฮบริด

  • ราคาแพง โดยทั่วไป รถยนต์ไฮบริดจะมีราคาสูงกว่ารถยนต์ทั่วไปที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป
  • บำรุงรักษายากและค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากมีทั้งระบบเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงแบตเตอรี่ที่ต้องบำรุงรักษา
  • ระยะทางขับขี่ไฟฟ้าจำกัด ในบางรุ่นที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเสริม การขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนจะจำกัดระยะทาง

ความแตกต่างระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าล้วน และรถยนต์ไฮบริด

ความแตกต่างระหว่าง รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (Battery Electric Vehicle - BEV) และ รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle - HEV) คือ ในแง่ของการใช้พลังงานและการขับเคลื่อนของรถ โดยทั้งสองประเภทมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันดังนี้:

แหล่งพลังงาน

  • รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ใช้พลังงาน จากแบตเตอรี่ไฟฟ้า เพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่ต้องใช้น้ำมันเลย รถจะทำงานโดยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนที่ขับเคลื่อนล้อ
  • รถยนต์ไฮบริด (HEV) ใช้ ทั้งเครื่องยนต์สันดาป (เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน) และ มอเตอร์ไฟฟ้า โดยทั้งสองระบบทำงานร่วมกันหรือตามสถานการณ์ เช่น เมื่อไฟฟ้าหมด เครื่องยนต์จะทำงานหรือเมื่อขับขี่ในเมืองที่มีความเร็วต่ำ มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนได้

วิธีการชาร์จหรือเติมพลังงาน

  • รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ต้องการการ ชาร์จไฟ จากที่ชาร์จไฟภายนอก เช่น ปลั๊กไฟบ้าน หรือสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
  • รถยนต์ไฮบริด (HEV) ไม่ต้องการการชาร์จไฟจากภายนอก เพราะมีกระบวนการ ชาร์จไฟด้วยตัวเอง โดยการฟื้นฟูพลังงานจากการเบรก (Regenerative braking) และพลังงานจากเครื่องยนต์สันดาป

การขับเคลื่อน

  • รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ขับเคลื่อนโดยใช้ มอเตอร์ไฟฟ้า เพียงอย่างเดียว ซึ่งสามารถขับขี่ได้ไกลด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่
  • รถยนต์ไฮบริด (HEV) ขับเคลื่อนด้วย ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาป โดยเครื่องยนต์จะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในบางกรณี และเมื่อมอเตอร์ไฟฟ้าหมดพลังงาน เครื่องยนต์จะทำงานแทน

ระยะทางในการขับขี่

  • รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ระยะทางที่ขับขี่ ขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ โดยบางรุ่นอาจขับได้ระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรเมื่อชาร์จเต็ม
  • รถยนต์ไฮบริด (HEV) เนื่องจากมี เครื่องยนต์สันดาป และ มอเตอร์ไฟฟ้า ร่วมกัน สามารถขับขี่ได้ไกลกว่ารถไฟฟ้าล้วนเนื่องจากมีแหล่งพลังงานสำรองจากเครื่องยนต์สันดาป

การบำรุงรักษา

  • รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) การบำรุงรักษาค่อนข้างน้อยเนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์สันดาป แต่อาจมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อมันเสื่อมสภาพ
  • รถยนต์ไฮบริด (HEV) มีทั้งระบบเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ต้องบำรุงรักษา ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเนื่องจากต้องดูแลทั้งสองระบบ

ประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน

  • รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) โดยทั่วไปจะมีประสิทธิภาพในการ ประหยัดพลังงาน สูงกว่า เพราะใช้พลังงานจากไฟฟ้า 100% และมีการเปลี่ยนพลังงานที่ไม่สูญเปล่ามากนัก
  • รถยนต์ไฮบริด (HEV) แม้ว่าใช้พลังงานทั้งจากไฟฟ้าและน้ำมัน แต่ระบบการควบคุมการทำงานช่วยให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การใช้เครื่องยนต์สันดาปในบางสถานการณ์อาจทำให้ไม่ประหยัดพลังงานเท่ากับรถไฟฟ้าล้วน

สรุปความแตกต่าง

  • รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ใช้ มอเตอร์ไฟฟ้า เพียงอย่างเดียวและต้องชาร์จไฟจากแหล่งภายนอก
  • รถยนต์ไฮบริด (HEV) ใช้ ทั้งเครื่องยนต์สันดาป และ มอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกัน โดยไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก แต่ใช้การฟื้นฟูพลังงานจากเบรกและเครื่องยนต์

แชร์
เอาไง? รถยนต์ไฟฟ้าหรือว่าไฮบริด เลือกยังไงให้ตรงใจคนขับได้ใจผู้โดยสาร