Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
รถสีแดง สู่รถสีดำ ส่งไม้ต่อก่อความไม่สงบ! ขับรถหัวร้อน ระวังจะโดนลงโทษ

รถสีแดง สู่รถสีดำ ส่งไม้ต่อก่อความไม่สงบ! ขับรถหัวร้อน ระวังจะโดนลงโทษ

18 มี.ค. 68
12:00 น.
|
12
แชร์

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ Mazda สีแดงและ Toyota Fortuner สีดำที่ก่อให้เกิดความสนใจในสังคม ในกรณีรถ Mazda สีแดง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2568 ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ได้ร้องเรียนว่าถูกคนขับรถเก๋ง Mazda สีแดง บีบแตรและเฉี่ยวชนบนถนนราชพฤกษ์ ฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปยังท่าอิฐ ปากเกร็ด บริเวณใต้ทางต่างระดับตัดกับถนนบางศรีเมือง-วัดโบสถ์ดอนพรหม ตำบลบางกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี หลังเกิดเหตุ คนขับรถเก๋งได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ลงในโซเชียลมีเดีย แต่ภายหลังได้ปิดบัญชีไป ชาวเน็ตได้ขุดคุ้ยและพบว่าคนขับรถเก๋ง Mazda สีแดงคันดังกล่าว เคยมีพฤติกรรมขับรถบีบแตรไล่รถจักรยานยนต์ในเลนขวา และมีการโพสต์คลิปเหตุการณ์เหล่านี้หลายครั้งในอดีต

เรื่องราวแนวนี้ ยังไม่จบดีเท่าไหร่ ล่าสุดพฤติกรรมเชิงเลียนแบบ ในกรณีแบบนี้ก็เกิดขึ้นซ้ำอีก คราวนี้เป็นผู้หญิงกับกรณีรถ Toyota Fortuner สีดำ เกิดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 เกิดเหตุการณ์ที่จังหวัดนนทบุรี หญิงวัย 55 ปี ขับรถ Toyota Fortuner สีดำ บีบแตรเสียงดังและขับไล่ชนรถจักรยานยนต์หลายคันในซอยบ้านกล้วย-ไทรน้อย ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านและทำให้การจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าระงับเหตุด้วยการยิงสกัดที่ยางรถยนต์ โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และภายหลังทราบว่าหญิงคนดังกล่าวมีประวัติพฤติกรรมขับรถในลักษณะดังกล่าวมาก่อน โดยเพื่อนบ้านเผยว่าเคยขับรถไล่ชนแม้กระทั่งพระสงฆ์ที่กำลังบิณฑบาต

เหตุการณ์ทั้งสองนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นพฤติกรรมการขับขี่ที่เสี่ยงอันตรายและส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ

พฤติกรรมการขับขี่ที่เสี่ยงอันตราย

และส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนมีหลายรูปแบบ เช่น

การขับขี่ก้าวร้าว

  • ขับจี้ท้ายรถคันหน้า
  • บีบแตรหรือกระพริบไฟสูงกดดันคันอื่น
  • ขับปาดหน้า, เบรกกระชั้นชิด
  • แซงในจุดที่อันตราย เช่น ทางโค้ง หรือทางแคบ

การขับขี่เร็วเกินกำหนด

  • ขับเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
  • เร่งความเร็วในเขตชุมชนหรือหน้าโรงเรียน
  • ใช้ความเร็วสูงขณะฝนตกหรือถนนลื่น

การขับขี่โดยประมาท

  • เปลี่ยนเลนกะทันหันโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว
  • ฝ่าไฟแดงหรือไม่หยุดให้คนข้ามถนน
  • ขับย้อนศรหรือแซงในที่คับขัน

การขับขี่ขณะมึนเมาหรือเสพสารเสพติด

  • ดื่มแอลกอฮอล์หรือเสพยาแล้วขับ
  • สูญเสียการควบคุมรถ ทำให้เกิดอุบัติเหตุ

การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ

  • เล่นโทรศัพท์มือถือหรือพิมพ์ข้อความขณะขับขี่ฃ
  • ใช้ GPS โดยไม่จอดรถก่อน

การขับขี่โดยขาดความระมัดระวัง

  • ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
  • ไม่เปิดไฟหน้าในช่วงที่จำเป็น (ฝนตกหนัก, หมอกลงจัด)
  • ใช้ไฟสูงแยงตารถคันอื่น

การขับขี่ในลักษณะคุกคามหรือพยายามก่อเหตุ

  • ขับรถข่มขู่ ไล่จี้ หรือพยายามเบียดชน
  • ลงจากรถไปเผชิญหน้าหรือใช้ความรุนแรง

พฤติกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เสี่ยงต่อผู้ขับขี่เอง แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ร่วมใช้ถนนคนอื่น ๆ การขับขี่อย่างมีสติและเคารพกฎจราจรจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในการลดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน

แนวทางแก้ปัญหาและบทลงโทษ

การแก้ปัญหาพฤติกรรมขับขี่อันตรายต้องใช้ทั้งมาตรการทางกฎหมาย การบังคับใช้ และการส่งเสริมวัฒนธรรมการขับขี่อย่างปลอดภัย

มาตรการทางกฎหมายและบทลงโทษ

ประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งกำหนดบทลงโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

การขับขี่ก้าวร้าว หรือ ขับรถโดยประมาท (มาตรา 43, 157)
โทษ: จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขับรถเร็วเกินกำหนด (มาตรา 67, 152)
โทษ: ปรับไม่เกิน 1,000 บาท (หากทำให้เกิดอุบัติเหตุอาจมีโทษหนักขึ้น)

เมาแล้วขับ (มาตรา 43, 157)
แอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง: โทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และปรับสูงสุด 200,000 บาท

ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ (มาตรา 43, 157)
โทษ: ปรับสูงสุด 1,000 บาท (หากเกิดอุบัติเหตุอาจโดนโทษฐานขับรถโดยประมาทเพิ่ม)

ฝ่าไฟแดง / ขับย้อนศร / ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย
โทษ: ปรับ 500 - 1,000 บาท (หากเกิดอุบัติเหตุอาจถูกดำเนินคดีอาญา)

มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา

การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด

  • ติดกล้องตรวจจับความเร็ว, กล้องตรวจจับฝ่าไฟแดง
  • ตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ถี่ขึ้น โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
  • เพิ่มโทษสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำ เช่น พักใช้ใบขับขี่ หรือเพิกถอนใบขับขี่

ปลูกฝังวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย

  • สร้างจิตสำนึกผ่านสื่อและโซเชียลมีเดีย
  • ปรับปรุงการสอบใบขับขี่ให้เข้มงวดขึ้น
  • สร้างระบบ "แต้มสะสมใบขับขี่" เช่น หากทำผิดกฎหลายครั้งอาจถูกพักใช้ใบขับขี่

ส่งเสริมเทคโนโลยีช่วยลดอุบัติเหตุ

  • สนับสนุนให้รถใหม่ติดตั้งระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB), กล้องหน้ารถ
  • ส่งเสริมการใช้ แอปพลิเคชันแจ้งเหตุจราจร เพื่อให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องพฤติกรรมขับขี่อันตราย

การลงโทษที่ได้ผลจริงในต่างประเทศ

บางประเทศใช้มาตรการที่เข้มงวดและได้ผล เช่น สิงคโปร์ หากเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุ อาจถูกจำคุก และถูกแบนจากการขับขี่ตลอดชีวิต ญี่ปุ่น หากผู้โดยสารรู้ว่าคนขับเมาแต่ยังให้ขับ จะถูกลงโทษด้วย และเยอรมนี มีระบบ "แต้มใบขับขี่" หากทำผิดถึงจุดที่กำหนด จะถูกยึดใบขับขี่ถาวร

กฎหมายไทยมีบทลงโทษสำหรับพฤติกรรมขับขี่อันตรายอยู่แล้ว แต่การบังคับใช้ต้องเข้มงวดขึ้น ควรเพิ่มโทษสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำ เช่น พักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่ ควรส่งเสริมวัฒนธรรมขับขี่ปลอดภัย และให้ประชาชนมีส่วนร่วมแจ้งเหตุ และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น ระบบช่วยขับขี่, กล้องตรวจจับอัตโนมัติ การแก้ปัญหานี้ต้องทำทั้ง กฎหมาย การบังคับใช้ วัฒนธรรม เทคโนโลยี ควบคู่กัน ถึงจะลดพฤติกรรมเสี่ยงและทำให้ถนนปลอดภัยขึ้น

แชร์
รถสีแดง สู่รถสีดำ ส่งไม้ต่อก่อความไม่สงบ! ขับรถหัวร้อน ระวังจะโดนลงโทษ