ซวยแล้ว! โดนกล้องตรวจจับความเร็ว จะโดนค่าปรับเท่าไหร่กันนะ
กล้องตรวจจับความเร็ว (Speed Camera) คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและบันทึกความเร็วของรถยนต์ที่ใช้ถนนในพื้นที่ที่มีกฎหมายหรือข้อบังคับเกี่ยวกับความเร็วกำหนดไว้ โดยจะทำการตรวจจับการขับขี่ที่ความเร็วเกินกว่าที่กำหนด หรือไม่เป็นไปตามข้อบังคับในการขับขี่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประเภทของกล้องตรวจจับความเร็ว
- กล้องจับความเร็วแบบติดตั้งถาวร (Fixed Speed Cameras) ติดตั้งอยู่ตามเส้นทางถาวร เช่น ถนนหลัก หรือจุดที่มักจะเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถเร็วเกินไป กล้องเหล่านี้จะทำงานตลอดเวลาและสามารถจับภาพรถที่ขับเร็วเกินกำหนดได้ทันที
- กล้องตรวจจับความเร็วแบบพกพา (Mobile Speed Cameras) สามารถเคลื่อนย้ายได้และมักจะใช้ติดตั้งตามเส้นทางที่มีความเสี่ยงในการขับขี่เร็ว ใช้กับยานพาหนะที่มีการติดตั้งกล้องไว้บนรถยนต์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้งานได้จากพื้นที่ต่างๆ
- กล้องตรวจจับความเร็วแบบใช้เลเซอร์ (LIDAR Speed Cameras) ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ในการวัดความเร็วของรถยนต์ ซึ่งมีความแม่นยำสูง มักจะใช้ในจุดที่ต้องการตรวจจับความเร็วในระยะใกล้
- กล้องตรวจจับความเร็วแบบใช้คลื่นเรดาร์ (Radar Speed Cameras) ใช้คลื่นเรดาร์ในการตรวจจับความเร็วของรถยนต์ มักใช้ในบริเวณที่มีกฎหมายการควบคุมความเร็วอย่างเข้มงวด
การทำงานของกล้องตรวจจับความเร็ว
- กล้องตรวจจับความเร็วจะทำการวัดความเร็วของรถโดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น คลื่นเรดาร์, เลเซอร์, หรือระบบอินฟราเรด
- เมื่อรถที่ขับขี่มีความเร็วเกินกว่ากำหนด กล้องจะทำการจับภาพของรถคันนั้นพร้อมกับการบันทึกข้อมูล เช่น เวลาที่เกิดเหตุและความเร็วของรถ
- ในบางกรณีข้อมูลนี้จะถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อตรวจสอบและออกใบสั่งปรับ
ประโยชน์ของกล้องตรวจจับความเร็ว
- ลดอุบัติเหตุ: ช่วยลดการขับรถเร็วเกินไปซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุ
- เพิ่มความปลอดภัย: ทำให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรและขับขี่อย่างมีความระมัดระวังมากขึ้น
- การบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ: การตรวจจับความเร็วทำได้โดยอัตโนมัติและไม่มีการแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่ ช่วยให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง
กล้องตรวจจับความเร็วจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมความเร็วของรถยนต์ และมีบทบาทในการเพิ่มความปลอดภัยให้กับการเดินทางบนท้องถนน
เมื่อโดนกล้องตรวจจับความเร็ว
หากคุณขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด อาจเกิดขั้นตอนต่าง ๆ ขึ้น ขึ้นอยู่กับกฎหมายในประเทศหรือพื้นที่ที่คุณอยู่ แต่โดยทั่วไป เมื่อรถของคุณถูกจับได้ว่าขับเร็วเกินกำหนด จะมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
การจับภาพ
- เมื่อคุณขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด กล้องตรวจจับความเร็วจะทำการจับภาพของรถคุณ รวมถึงบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เช่น ความเร็วของรถ เวลาที่เกิดเหตุ และสถานที่
- ขึ้นอยู่กับประเภทของกล้องที่ใช้งาน อาจมีการบันทึกทะเบียนรถของคุณด้วย
การออกใบสั่งปรับ
- ในหลายกรณี ภาพจากกล้องตรวจจับความเร็วและข้อมูลที่บันทึกได้จะถูกส่งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น ตำรวจ หรือหน่วยงานจราจร
- หน่วยงานเหล่านี้จะตรวจสอบข้อมูลและหากรถของคุณขับเกินความเร็วที่กำหนด ก็จะมีการออกใบสั่งปรับทางไปรษณีย์หรือผ่านช่องทางออนไลน์
- ค่าปรับสำหรับการขับรถเร็วเกินกว่ากำหนดในประเทศไทยจะอยู่ในช่วงประมาณ 400 - 2,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าความเร็วเกินกว่ากำหนดมากน้อยแค่ไหน
- หากขับรถเร็วเกินไปอย่างมาก (เช่น เกิน 50 กม./ชม. จากความเร็วที่กำหนด) อาจมีการปรับค่าปรับสูงขึ้น หรือมีการลงโทษอื่น ๆ เช่น การยึดใบขับขี่หรือเพิ่มคะแนนกระทำผิด
การชำระค่าปรับ
- คุณจะได้รับใบสั่งปรับ ซึ่งระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการละเมิด เช่น จำนวนเงินค่าปรับ วันที่และเวลาที่เกิดเหตุ สถานที่และรายละเอียดของการกระทำผิด
- ค่าปรับสำหรับการขับรถเร็วเกินกำหนดมักจะมีจำนวนที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเร็วที่เกินกำหนดและกฎหมายในพื้นที่นั้น ๆ
- ในบางประเทศหรือพื้นที่อาจมีการเพิ่มค่าปรับหากมีการฝ่าฝืนกฎหมายซ้ำ
ผลกระทบจากการละเมิด
- นอกจากการจ่ายค่าปรับแล้ว การขับรถเร็วเกินกำหนดอาจส่งผลต่อการเก็บคะแนนในใบขับขี่ (ในบางประเทศหรือพื้นที่) หากคะแนนลดลงมากอาจมีผลให้ใบขับขี่ถูกระงับหรือยกเลิก
- ในบางกรณี หากคุณทำผิดซ้ำหรือขับเร็วเกินกว่ากำหนดในระดับที่สูงมาก อาจต้องรับโทษทางกฎหมายที่รุนแรงขึ้น เช่น การจำคุกหรือการถูกยึดใบขับขี่
การอุทธรณ์
- หากคุณเชื่อว่าไม่ได้ขับรถเร็วเกินกำหนด หรือกล้องจับภาพผิดพลาด คุณสามารถยื่นคำร้องหรืออุทธรณ์การออกใบสั่งปรับได้ โดยอาจต้องพิสูจน์ว่าไม่มีการละเมิดกฎจราจรหรือกล้องจับภาพไม่ชัดเจน
การควบคุมการขับขี่ในอนาคต
- หากคุณได้รับบทเรียนจากการโดนจับความเร็วในครั้งนี้ อาจทำให้คุณระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น
- การขับรถตามกฎจราจรและเคารพขีดจำกัดความเร็วในอนาคตจะช่วยลดความเสี่ยงจากการโดนจับภาพจากกล้องตรวจจับความเร็ว
การโดนจับจากกล้องตรวจจับความเร็วจะนำไปสู่การออกใบสั่งปรับ พร้อมกับการจ่ายค่าปรับตามความเร็วที่เกินกำหนด การขับรถเร็วเกินกว่ากำหนดถูกจับโดยกล้องตรวจจับความเร็วจะมีค่าปรับที่แตกต่างกันไปตามกฎหมายในแต่ละพื้นที่ ค่าปรับมักจะขึ้นอยู่กับระดับความเร็วที่เกินไปจากข้อกำหนดและอาจมีการลงโทษเพิ่มเติม เช่น การขับขี่ในลักษณะที่เสี่ยงอาจเพิ่มค่าปรับหรือการลงโทษอื่น ๆ
