Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
หน้าร้อนนี้ รถรอดไหม? วิธีรับมือกับแดดเมืองไทยแบบไม่ให้รถพัง

หน้าร้อนนี้ รถรอดไหม? วิธีรับมือกับแดดเมืองไทยแบบไม่ให้รถพัง

24 เม.ย. 68
12:00 น.
แชร์

หน้าร้อนเมืองไทยไม่เคยปรานีใคร โดยเฉพาะกับเจ้าของรถที่ต้องจอดกลางแดดอยู่เป็นประจำ อุณหภูมิที่พุ่งทะลุ 40 องศาเซลเซียสสามารถทำให้ห้องโดยสารกลายเป็นเตาอบ และชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ หลายคนอาจเคยเจอปัญหาเช่น แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว ยางบวม น้ำมันเครื่องข้นหนืด หรือแม้แต่กลิ่นเหม็นอับในรถที่จอดไว้แค่ไม่กี่ชั่วโมง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าของรถควรมี “แผนรับมือหน้าร้อน” ไว้เสมอ

ปราการด่านหน้ารับ ”แดด“

เริ่มจากสิ่งแรกที่โดนแดดก่อนใครก็คือ “สีตัวถัง” และ “ภายในห้องโดยสาร” แสง UV จากแดดสามารถทำให้สีรถซีดลงได้เร็ว โดยเฉพาะรถที่ไม่ได้เคลือบสีหรือแว็กซ์ไว้เป็นประจำ ไม่เพียงแค่นั้น หนังหรือวัสดุหุ้มเบาะและแดชบอร์ดมีโอกาสแตกลายหรือลอกได้หากโดนแดดจัดต่อเนื่องหลายชั่วโมง การเลือกใช้ม่านบังแดดหน้ารถ หรือแม้แต่การหาผ้าคลุมรถที่สะท้อนความร้อนดี ๆ สักผืน จึงกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม รวมถึงการจอดรถในที่ร่ม หรือถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ก็ควรหันหน้ารถหนีแดดให้ห้องโดยสารร้อนน้อยลง

ระบบทำความเย็น

“ระบบทำความเย็น” อย่างแอร์รถยนต์ก็เป็นอีกจุดที่มักเจอปัญหาในหน้าร้อน หลายคนอาจสังเกตว่าแอร์ไม่เย็นเหมือนเดิม หรือใช้เวลาในการทำความเย็นนานกว่าปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าแอร์เริ่มมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นกรองแอร์อุดตัน น้ำยาแอร์พร่อง หรือแม้แต่พัดลมระบายความร้อนทำงานไม่เต็มที่ การล้างแอร์ ตรวจสอบระดับน้ำยา และเช็กการทำงานของคอมเพรสเซอร์จึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างน้อยปีละครั้ง และควรทำก่อนที่หน้าร้อนจะมาถึงแบบไม่ทันตั้งตัว

แบตเตอรี่

“แบตเตอรี่” เป็นอีกจุดที่มักถูกมองข้าม แต่อากาศร้อนมีผลโดยตรงกับการเสื่อมของแบตอย่างชัดเจน ความร้อนจะเร่งปฏิกิริยาเคมีภายในแบตเตอรี่ ทำให้แบตหมดเร็ว และอาจเสียหายถาวรได้ หากรถเริ่มมีอาการสตาร์ทยาก ไฟหน้าหรี่ หรือมีเสียงคลิก ๆ เวลาไขกุญแจ ควรเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กแรงดันไฟทันที เพื่อเลี่ยงการต้องเรียกรถยกกลางวันแสก ๆ

ระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์

“ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์” ก็สำคัญไม่แพ้กัน ในวันที่อุณหภูมิภายนอกสูงขึ้น เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้นโดยอัตโนมัติ หากหม้อน้ำรั่ว หรือพัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน อาจทำให้เครื่องโอเวอร์ฮีตได้ง่าย คำแนะนำง่าย ๆ คือ ตรวจระดับน้ำหล่อเย็นอยู่เสมอ เติมเมื่อขาด และหมั่นล้างตะกรันในหม้อน้ำตามระยะ รวมถึงอย่าลืมดูสภาพท่อยางต่าง ๆ ว่ายังไม่บวม เปื่อย หรือมีรอยรั่วซึม

ยางรถยนต์

ส่วน “ยางรถยนต์” ก็ไม่ใช่แค่เรื่องดอกยางหรือแรงดันลมเท่านั้น ความร้อนจัดจะทำให้อากาศภายในยางขยายตัวมากกว่าปกติ หากเติมลมเกินไว้จากหน้าหนาว แล้วลืมลดในหน้าร้อน อาจเสี่ยงยางระเบิดได้โดยไม่รู้ตัว วิธีรับมือคือตรวจแรงดันลมยางทุกสองสัปดาห์ และหมั่นดูว่ายางมีรอยแตกหรือบวมตามแก้มยางหรือไม่ หากมีควรเปลี่ยนทันที เพราะนั่นคือสัญญาณเตือนก่อนยางจะระเบิดกลางทาง

กลิ่นอับ

สุดท้ายอย่าลืมเรื่อง “กลิ่นอับและเชื้อราในรถ” เพราะหน้าร้อนทำให้ความชื้นระเหยไวก็จริง แต่ความร้อนสูงแบบอบรถเป็นกล่องปิดสนิท อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับเมื่อเปิดประตูครั้งแรก การเปิดกระจกให้ลมถ่ายเทสักพักก่อนเปิดแอร์ หรือการใช้สเปรย์กำจัดเชื้อราในช่องแอร์เป็นประจำ จะช่วยให้รถไม่เหม็นเหมือนเปิดโอ่งหมักปลาเค็มทุกครั้งที่เข้าไป

การดูแลรถในหน้าร้อนไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ขอแค่หมั่นสังเกต หมั่นเช็ก และหมั่นบำรุง ก็จะช่วยให้รถคู่ใจของคุณพร้อมลุยแดดแบบไม่ต้องกลัวว่าจะพังกลางทาง เพราะแดดเมืองไทยมันแรงไม่แพ้ประเทศไหนในโลก…แต่ถ้าคุณพร้อม รถก็พร้อมลุยหน้าร้อนไปด้วยกันได้อย่างไร้กังวล

แชร์
หน้าร้อนนี้ รถรอดไหม? วิธีรับมือกับแดดเมืองไทยแบบไม่ให้รถพัง