Brabus Thailand by Target Car Center Thailand ประสบความสำเร็จจากงานมอเตอร์โชว์ 2023 อย่างดี ต่อเนื่องความสำเร็จด้วยการจัดกิจกรรม Brabus Thailand Mini Motorshow 2023 เปิดโอกาสให้ได้สัมผัสกับ Brabus ชนิดเต็มรูปแบบ ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และเรือสุดหรูจาก Brabus Marine ณ บรีซ คาเฟ่ ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี เสริมความเชื่อมั่นด้วยการลงทุน 100 ล้านบาท ขึ้นสำนักงานใหญ่พร้อมศูนย์บริการครบวงจร บนถนนพระราม 3 คาดเปิดบริการปลายปีนี้
นายชัชวัฏ สุวรรณโณชิน กรรมการผู้จัดการ Brabus (Thailand) by Target Car Center (Thailand) เปิดเผยถึง บราบัส ไทยแลนด์ว่า “ปีนี้ เราได้รับแรงสนับสนุนจากบราบัส เยอรมันเป็นอย่างดี เปิดโอกาสให้จัดกิจกรรมการตลาดและการขายอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างการรับรู้ของผู้บริโภค และเครือข่ายที่ดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จจากการเป็นบูทที่มีผลิตภัณฑ์ในบูทรวมมูลค่าสูงที่สุดในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา ซึ่งเราได้รับการตอบรับจากตลาดดีมาก การจัด Brabus Thailand Mini Motor show 2023 ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความต้องการของลูกค้าและผู้ที่สนใจได้รับรู้และเข้าใจถึงว่า บราบัส ไทยแลนด์ พร้อมเดินหน้าธุรกิจอย่างมั่นคง และเตรียมคัดสรรโปรดักส์ใหม่ๆเข้ามาให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อในหลากหลายโมเดลมากยิ่งขึ้น ตามที่ทาง Brabus เยอรมันได้มีจำหน่ายทุกผลิตภัณฑ์”
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากนำบราบัสในหลายๆโมเดลมาจัดแสดงแล้ว บริษัทฯ ได้เชิญคุณเฉลิมยศ ถาวโรฤทธิ์ ลูกค้าเหนี่ยวแน่นและยาวนานของบราบัส มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงโปรดักซ์บราบัส “ร่วมถึงให้แง่คิดและมุมมองในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของบราบัส เพื่อเป็น Roadmapให้กับลูกค้าใหม่ๆได้นำมาใช้ในการพิจารณาตัดสินใจในการซื้ออีกด้วย”
ในส่วนของ Brabus Thailand นอกจากความพร้อมในเรื่องของโมเดลใหม่แล้ว บริษัท ทาร์เกต คาร์ เซ็นเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กำลังขยายสำนักงานใหญ่และศูนย์บริการใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต บนพื้นที่ กว่า 2 ไร่บนถนนพระราม 3 คาดว่าจะเสร็จพร้อมให้บริการในปลายปีนี้ ซึ่งจะประกอบไปด้วยส่วนโชว์รูมที่จอดรถซูเปอร์คาร์หายาก และมีส่วนของ Brabus จัดแสดงให้ได้ชมทั้งรถและชุดแต่ง พร้อมส่วนรับรองสุดพิเศษ Exclusive Lounge
รถยนต์รุ่นพิเศษส่วนหนึ่งที่นำมาจัดแสดงใน Brabus Thailand Mini Motor Show 2023 ครั้งนี้ ประกอบด้วย
Mercedes-AMG G63 x Brabus Widestar Package G-Wagon มีดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร เมื่อติดตั้งชุดแต่ง Widestar จาก Brabus บนตัวถังของรุ่นเรือธงอย่าง Mercedes-AMG G63 เสริมซุ้มล้อแบบขยายเพื่อเพิ่มความกว้างของตัวรถอีก 100 มม. และไฟ LED ที่รวมอยู่ในบังโคลนหน้าและหลังให้ความสว่างตรงบันไดข้าง ชุดแต่ง Brabus Widestar ยังรวมถึงชุดกันชนหน้าและหลังที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความดุดันและเข้ากับซุ้มล้อทั้ง 4 ก่อนจะปิดท้ายด้วยล้อ Monoblock ตามแบบฉบับ Brabus
เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 585 แรงม้าและแรงบิด 850 นิวตันเมตร เชื่อมต่อกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ไปยังทั้ง 4 ล้อ ผ่านระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม.
Mercedes-Benz 280 SL Pagoda By Brabus Classic ที่ Brabus นำรถคลาสิคคาร์ มาปลุกจิตวิญญานใหม่อีกครั้ง ซึ่งมีแฟน Mercedes-Benz มากมาย ที่ชื่นชอบและสะสม รถประเภทนี้ Brabus นำ Mercedes-Benz 280 SL Pagoda รถสปอร์ตคันแรกที่ใช้นวัตกรรมตัวถังนิรภัย ตั้งแต่ปี 1968 ถึง 1971 มาพัฒนาเพิ่มเติมออกจากสายการผลิต Roadster สองที่นั่งเปิดตัวด้วยความสะดวกสบายที่ไม่เหมือนใคร สมรรถนะยอดเยี่ยม และความปลอดภัยที่ไม่เคยมีมาก่อน สนนราคาค่าตัวที่ 30 ล้านบาท และมีเพียงคันเดียวในประเทศไทยจาก Brabus โดยตรง
Brabus 92R คือซิตี้คาร์รุ่น Limited Edition ที่มีพื้นฐานมาจาก Smart EQ fortwo cabrio ที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้า 100% แต่ได้รับการตกแต่งจาก Brabus ให้ดูดุดันและเหนือกว่าซิตี้คาร์ทั่วไป ด้วยล้อแบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้วที่ด้านหน้าเเละ 17 นิ้วที่ด้านหลัง ส่วนการออกแบบด้านหน้าจะมาพร้อมช่องดักอากาศรังผึ้งขนาดใหญ่ 3 ช่อง ดิฟฟิวเซอร์หน้า การตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์รอบคันและระบบช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ลดความสูงลง 25 มม.
มากับสีภายนอกพิเศษแบบ Tiffany blue การออกแบบภายในนั้นจะพบกับเบาะหนังสีเขียวอ่อนในคอนเซปท์ “Ultimate Ellipse” ของ Brabus โลโก้ Brabus ที่พนักพิงศีรษะทั้ง 2 ฝั่ง การตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์บนคอนโซลหน้าและช่องแอร์ แป้นเหยียบอะลูมิเนียมเเละพรมปูพื้นสีดำพร้อมโลโก้ Brabus
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 91 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร แรงบิดมากกว่ารุ่นมาตราฐานประมาณ 20 นิวตันเมตร โดยในโหมด "Sport +" จะสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 10.9 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 130 กม./ชม. ระยะการขับขี่สูงสุด 128 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
โหมดการขับขี่อื่นๆอีก 3 โหมดนอกเหนือจาก “Sport +” ก็คือ “Basic, Eco และ Sport” Brabus 92R ผลิตเพียง 50 คันเท่านั้น จำหน่ายในราคา 3.99 ล้านบาท และมีเพียงคันเดียวในประเทศไทย
บิ๊กไบค์สายหรู 180 แรงม้า เร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 3.2 วินาที Brabus และ KTM จับมือสร้างรถจักรยานยนต์ที่เหนือกว่ารุ่นปกติ โดยรวบรวมจุดแข็งและผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ของทั้ง 2 แบรนด์ ปรัชญาการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ วิศวกรรมทางเทคนิคและความเชี่ยวชาญด้านการผลิต
Brabus 1300R ขุมพลังเครื่องยนต์ V-Twin ขนาด 1,301 ซีซี กำลัง 180 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 140 นิวตันเมตร ที่ 8,000 รอบต่อนาที มีพละกำลังเท่ากับ KTM 1290 SUPER DUKE R EVO แต่จะมีการเสริมท่อไอเสียแบบท่อคู่แบบพิเศษของ BRABUS ทำอัตราเร่งความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ใน 3.2 วินาที ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 154 คัน และ Brabus 1300 R สีแดง Magma Red ที่มีเพียง 77 คันทั่วโลก คันที่นำมาโชว์ก็มีเพียงคันเดียวในไทยเช่นเดียวกัน ราคาค่าตัวที่ 1.99 ล้านบาท
เป็นการรวมตัวกันของ Axopar Boats ผู้ผลิตเรือสัญชาติฟินแลนด์และ Brabus ผู้ผลิตรถยนต์หรูหราที่ก่อตั้งมายาวนาน Brabus Shadow 500 เรือสุดหรูที่มาพร้อมความเร็วมากกว่า 50 นอต โดดเด่นทั้งดีไซน์ อัตราเร่งและแรงบิดมหาศาลจากเครื่องยนต์ Mercury V8 ProXs 250 กำลังมากกว่า 500 แรงม้า
เส้นสายเชิงมุมพร้อมตัวเรือที่ยาวและมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ดาดฟ้าเรือใช้งานได้จริงและหลากหลายภาย ห้องโดยสาร “Cabin”แบบ 'ปิดสนิท' เหมาะสำหรับการเดินทางในทุกสภาพอากาศ สามารถเปิดหลังคาและเปิดประตูด้านข้างขนาดใหญ่ได้ เมื่อต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ นอกจากนี้ดาดฟ้าด้านหลังยังเรือสามารถเปลี่ยนพื้นที่นั่งเล่นเป็นเตียงอาบแดดได้เมื่อต้องการใช้พื้นที่สำหรับอาบแดดและพักผ่อน กับราคาค่าตัวที่ 15.9 ล้านบาท
นาฬิกาสุดสมาร์ทจากความร่วมมือของ Brabus และ Panerai ผู้ผลิตนาฬิกาที่มีชื่อดังระดับโลกจากอิตาลีออกแบบนาฬิกาสุดพิเศษในชื่อว่า Panerai Submersible S BRABUS Blue Shadow Edition
การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ Panerai Submersible S BRABUS Blue Shadow Edition ได้รับแรงบันดาลใจจากคุณสมบัติการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของเรือสุดหรูในซีรีส์ BRABUS Shadow ตัวเรือนขนาด 47 มม. ทำจากไททาเนียมและขึ้นรูปโดยใช้ DMLS (Direct Metal Laser Sintering) ซึ่งเป็นวิธีการของเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ที่สร้างทั้งองค์ประกอบที่แข็งแรงและน้ำหนักเบา โครงสร้างตัวเรือนที่มีรูปทรงกันกระแทกอันเป็นเอกลักษณ์ของ Panerai ผสานกับตัวป้องกันเม็ดมะยม
พื้นผิวด้าน ขอบหน้าปัดผลิตจาก Carbotech ซึ่งเป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีลวดลายหลากสีสัน ทำให้นาฬิกาแต่ละเรือนมีลักษณะเฉพาะตัว เบาและความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง นอกจากนี้ยังมี Super-LumiNova™ สีน้ำเงินบนเข็มบอกเวลาเพื่อช่วยให้อ่านง่ายและสะดุดตา จำนวนจำกัดเพียง 200 เรือนทั่วโลกเท่านั้น สนนราคาที่ 1.99 ล้านบาท
Brabus Thailand มีแผนจัดกิจกรรมในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง ผู้สนใจสามารถติดตามวันและเวลาในการจัดงานในครั้งต่อไปได้ที่ facebook&IG: target car center , facebook&IG: brabus thailand