บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) รายงานผลประกอบการปี 2567 ที่น่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิ 1,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน และรายได้รวม 225,813 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายน้ำมันผ่านทุกช่องทางทำสถิติใหม่ที่ 6,708 ล้านลิตร เติบโต 12.9% ทำให้ส่วนแบ่งตลาดน้ำมันผ่านสถานีบริการ PT เพิ่มเป็น 21.9% ขณะเดียวกันธุรกิจ Non-Oil เติบโตอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทยที่ขยายสาขาเกินเป้า โดยตั้งเป้าจะมีสาขากว่า 2,000 แห่งภายในปีนี้
บอร์ดบริษัทอนุมัติจ่ายปันผลหุ้นละ 0.25 บาท โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ ซีอีโอ "พิทักษ์ รัชกิจประการ" ประเมินว่าในปี 2568 ธุรกิจยังเติบโตดี โดยเฉพาะธุรกิจ Non-Oil ที่กาแฟพันธุ์ไทยเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ พร้อมตั้งเป้ายอดขายน้ำมันปีนี้โต 5-10% และมีสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2567 บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG รายงานกำไรสุทธิ 1,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน และมีกำไรต่อหุ้น 0.61 บาท โดยมีรายได้รวม 225,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 27,002 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil ที่มีปริมาณการขายน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 6,708 ล้านลิตร เติบโต 12.5% และการขยายสถานีบริการน้ำมัน PT เพิ่มขึ้น 1.3% ส่งผลให้บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 21.9%
ธุรกิจ Non-Oil ก็เติบโตอย่างโดดเด่น โดยรายได้จากธุรกิจนี้อยู่ที่ 17,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.2% ซึ่งธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีการเติบโตของรายได้ 82.6% โดยขยายสาขาเพิ่มขึ้น 465 สาขา เป็น 1,347 สาขา การเติบโตนี้มาจากการขยายสาขาและกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
บริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท รวมทั้งสิ้น 584,500,000 บาท โดยจะจ่ายในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 (ขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น)
สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจ Oil ที่ 5-10% จากการขยายสถานีบริการและการพัฒนาคุณภาพบริการ ขณะที่ธุรกิจ Non-Oil ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ 40-50% โดยมุ่งเน้นการขยาย Touchpoints โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทย และธุรกิจอื่นๆ เช่น Autobacs, Max Mart และ Subway
ทั้งนี้ PTG ยังมุ่งพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มและโครงการต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม