ผมเชื่อว่าปัญหาผิวอันดับต้นๆ ที่คนส่วนใหญ่ทั่วโลกกังวล (ไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศไทยหรือเอเชีย) คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของริ้วรอยครับ เพราะปัญหาริ้วรอยนั้นเป็นปัญหาที่ทุกคน ไม่ว่าเพศหรือเชื้อชาติไหนก็ต้องเผชิญเหมือนกันหมด อีกทั้งยุคปัจจุบัน ผู้คนต่างก็เริ่มหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น และดูอ่อนเยาว์กันมากขึ้น
ดังนั้น บทความนี้ ผมจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับริ้วรอย ว่ามีกี่ชนิด และควรเลือกครีมลดริ้วรอยแต่ละชนิดอย่างไร ถ้าอยากทราบแล้ว เชิญอ่านต่อได้เลยครับ
ริ้วรอยบนใบหน้า สามารถแบ่งคร่าว ๆ ตามลักษณะที่ปรากฏได้ 2 ชนิดครับ ได้แก่
ริ้วรอยตื้น จะเห็นรอยเป็นทาง ๆ สาเหตุเกิดจากผิวชั้นนอกของเราขาดน้ำและน้ำมันครับ ซึ่งเมื่อผิวเราขาดน้ำและน้ำมัน เซลล์ผิวก็จะแฟบลง เหมือนกับเวลาเราเป่าลูกโป่งจนผิวของลูกโป่งตึงแล้วปล่อยลมออก ก็จะเห็นผิวของลูกโป่งที่แฟบนั้นจะเป็นริ้วรอยย่น ๆ เปรียบเหมือนกับผิวของเราเลยครับที่เวลาขาดน้ำและน้ำมันก็จะแฟบ พอแฟบก็จะเห็นเป็นริ้วรอยตื้น ๆ เป็นทาง ๆ ครับ
ริ้วรอยลึก จะเห็นเป็นริ้วรอยหรือร่องลึกชัดเจน สาเหตุเกิดจากคอลลาเจนในผิวชั้นในเสื่อมสลายไป อันเนื่องมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น, รังสี UV (โดยเฉพาะ UVA ซึ่งเป็นรังสีชนิดที่สามารถส่องเข้าไปยังโครงสร้างผิวชั้นลึกได้), อนุมูลอิสระ หรือเวลาที่เราแสดงสีหน้า เช่น ยิ้มบ่อย ๆ ก็จะเกิดแรงกดบริเวณร่องยิ้ม หางตา ร่องแก้ม ซึ่งส่งผลทำลายคอลลาเจนได้เช่นกันครับ
เนื่องจากริ้วรอยแต่ละชนิดนั้น มีสาเหตุการเกิดริ้วรอยที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น การเลือกครีมที่เหมาะกับการดูแลริ้วรอยแต่ละชนิดจึงแตกต่างกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ครับ
สาเหตุการเกิดริ้วรอยตื้นนั้น เกิดจากผิวแห้งน้ำและน้ำมัน ดังนั้น เราจึงต้องเติมสารอาหารทั้งกลุ่มน้ำและน้ำมัน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น เซลล์ผิวจะได้เต่งขึ้น ริ้วรอยตื้นจะได้จางลงครับ
ผมแนะนำให้ใช้ครีมหรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารอาหารกลุ่มน้ำ เช่น
- กรดอะมิโน อย่าง Glycine, Alanine, Proline
ควบคู่กับการใช้ครีมหรือสกินแคร์ที่มีสารอาหารกลุ่มน้ำมัน เช่น
- กลุ่มน้ำมันพืช อย่าง น้ำมันมะกอก (Olive Oil), น้ำมันเมล็ดทานตะวัน (Sunflower Seed Oil), น้ำมันเมล็ด Macadamia (Macadamia Ternifolia Seed Oil)
- กลุ่มน้ำมันสังเคราะห์ อย่าง น้ำมันอะมิโน (Phytosteryl/Octyldodecyl Lauroyl Glutamate) ครับ
สาเหตุการเกิดริ้วรอยลึกนั้น เกิดจากการเสื่อมสลายของคอลลาเจนซึ่งเป็นโครงสร้างของผิวชั้นใน ดังนั้น เราจึงต้องหาทางช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ รวมถึงหาทางชะลอให้โครงสร้างผิวชั้นในเสื่อมลงอย่างช้า ๆ ด้วยครับ
ผมแนะนำให้ลองมองหาครีมหรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลลาเจน เช่น
- กลุ่มวิตามิน A อย่าง Retinol, Retinyl palmitate
- กลุ่มวิตามิน B อย่าง Niacinamide
ควบคู่กับสารที่สามารถช่วยชะลอการเสื่อมสลายของคอลลาเจนได้ เช่น
- สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) อย่าง Astaxanthin, Coenzyme Q10, Ascorbyl tetraisopalmitate, Tocopherol)
และที่สำคัญ อย่าลืมหมั่นทาครีมกันแดดที่มีความสามารถในการป้องกันรังสี UVA ซึ่งจะระบุเป็นค่า PA ด้วยนะครับ และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการปกป้องผิวที่ดี ผมแนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA++++ ครับ
ปัญหาริ้วรอยนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องรอให้ถึงวัย 30+ หรือรอให้เกิดริ้วรอยก่อนจึงจะเริ่มดูแลนะครับ เราสามารถที่จะเริ่มดูแลและบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ เพื่อชะลอการเกิดริ้วรอยได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ เลยครับ และสามารถใช้เทคนิคอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น
- ใช้ฝ่ามือวางแนบใบหน้าเบาๆ เพื่อให้สารสำคัญในสกินแคร์เข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
- นวดหน้า เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นใน
- ใช้ปลายนิ้วกด และออกแรงยืดผิวเบา ๆ เพื่อชะลอการหย่อนคล้อยของผิวครับ
ถึงแม้ว่า เทคนิคต่างๆ เหล่านี้ จะสามารถรีดประสิทธิภาพของสกินแคร์ออกมาได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่วิธีการหลัก เหมือนการใช้ครีมลดริ้วรอยนะครับ และสุดท้าย ผมขออนุญาตแนะนำไว้ตรงนี้อีกนิดว่า ยิ่งเราเริ่มดูแลตัวเองได้เร็วเท่าไหร่ ปัญหาริ้วรอยก็ยิ่งมาเยือนช้าเท่านั้นครับ
----
นักวิจัยสกินแคร์คนไทย ประสบการณ์ทำงานในบริษัทเครื่องสำอาง Top 3 ของญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านสูตรสกินแคร์ให้กับแบรนด์สกินแคร์ทั้งในและต่างประเทศ และเป็นผู้ก่อตั้ง แบรนด์ AMT Skincare
อ่านประวัติผู้เขียนต่อ คลิก
จบทุกปัญหาผิว ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ฟรี!
AMT Skincare Official Line
แอดไลน์ @amtskincare หรือ คลิก
บทความที่เกี่ยวข้อง
- 4 วิธีรับมือสิวผดในช่วงหน้าร้อนง่ายๆ ด้วยตัวเอง
Advertisement