ไขข้อสงสัย เนื้องอกโตขึ้น ผลจากการทำ IVF หรือเด็กหลอดแก้ว 4 ครั้ง จากกรณี นัท มีเรีย
หลังเปิดใจยุติความสัมพันธ์กับสามี อั้ม อธิชาติ ปิดฉากความรัก 15 ปี ลงแล้ว ก็ยังไขข้อสงสัยปัญหาสุขภาพที่ดูซูบผอมผิดตา แถมก่อนหน้านี้ยังถูกจับสังเกตเรื่องท้องป่องขณะร้องเพลงอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต สำหรับ นัท มีเรีย จนทำให้หลายคนคิดว่าเจ้าตัวกำลังจะมีข่าวดี
โดยเจ้าตัวได้เผยถึงสาเหตุที่ซูบผอมลงจนเห็นท้องป่อง จากเนื้องอกบริเวณท้องน้อยที่ป่วยมานาน ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการคอนเฟิร์มจากปากของ แอน ทองประสม เพื่อนสนิทของนัทมีเรีย ที่เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า
"เขาเป็นเนื้องอกมานานมากแล้วค่ะ ก็เลยทำให้มีป่องๆ หน้าท้องนิดหน่อย มีเรียเขารู้ตัวเองว่าเขามีปัญหานี้มาตั้งแต่อายุ 16 เขาเป็นของเขามานานแล้ว ก็ได้ยินเรื่อยๆ เขาก็มีผ่าออกไปบ้างแล้ว รอบนี้มันก็กลับมาอีกจะเป็นอันใหม่หรือเปล่าแอนก็ไม่แน่ใจ แต่ในก็จะมีระยะของมันว่าโตเต็มที่เท่านี้ ไม่ได้อาจจะต้องเอาออก มีเรียเองเขาก็คงติดตามของเขาอยู่ว่าเขาถึงเวลาเมื่อไรจะเอาออก เพราะว่ามันไม่ใช่ว่ามีปุ๊บแล้วไปตัดออกเลย"
ก่อนทางนัท มีเรีย จะคอนเฟิร์มด้วยตัวเองว่าเนื้องอกกลับมาใหญ่ขึ้น แต่ไม่อยู่ในขั้นอันตราย และที่เนื้องอกกลับมาโตอีกครั้ง เพราะผลจากการทำ IVF หรือ เด็กหลอดแก้ว ที่ทำมาแล้วถึง 4 ครั้ง ด้วยความที่เจ้าตัวอยากมีลูกมากนั่นเอง
“สำหรับสุขภาพ นัทเป็นเนื้องอกค่อนข้างใหญ่ แต่ว่าไม่อันตรายอะไร เขาก็ยังอยู่กับเรานี่แหละ เพราะว่านัทค่อนข้างเป็นคนผอมก็เลยจะเห็นชัดหน่อย เพราะมันอยู่ท้องน้อยข้างล่าง ก็ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องผ่า ก็ต้องขอขอบคุณที่หลายๆ ท่านเป็นห่วงอยากจะให้เอาออก แต่ว่าพอดีมันมีขั้นตอนของนัทที่จะต้องมอนิเตอร์ต่อว่าถ้าเกิดอีกสักระยะหนึ่งที่เราหมดฮอร์โมน พอถึงเวลานั้นถ้าเราจะเอาเขาออก เขายังใหญ่อยู่ก็เอาออกได้ จะค่อนข้างปลอดภัย ถ้าเกิดช่วงนี้ยังใช้ชีวิตอยู่ได้ ยังไม่มีปัญหาอะไร ก็อยู่กับน้องเขาไปก่อน แล้วถึงเวลาเขาก็จะเล็กไปเองตามวันและเวลาตามวัย”
“นัทเคยผ่านการทำ IVF ทำเด็กหลอดแก้ว 4 รอบ มันก็เป็นฮอร์โมนที่เราใช้ มันก็เป็นการกระตุ้นอย่างหนึ่งให้มันเจริญเจริญเติบโตขึ้น นัทกลับมารับประทานอาหารที่เป็นพืชผักมากขึ้น ปรับมาได้ 2 ปีกว่าแล้ว ที่เห็นเราลีนๆ เพราะเราทานดี ทานไม่เนื้อสัตว์มาก พอเราทานดี ก็เหลือเรื่องนอน ปรับเรื่องนอนให้เร็วขึ้น แล้วเรามีสุขภาพจิตที่ดี แข็งแรงทั้งกายและใจ นัทเชื่อว่ามันผ่านไปได้”
ย้อนกลับไปในปี 2558 นัท-อั้ม เคยควงคู่กันออกงาน พร้อมเปิดเผยว่ามีภาวะผนังมดลูกหนา บวกกับช็อกโกแลตซีสต์ที่รังไข่ข้างซ้าย ซึ่งยังไม่สามารถผ่าตัดทิ้งได้ ทำได้เพียงกินยาให้มีขนาดเล็กลง และพยายามรักษาตัวมาโดยตลอด จึงทำให้ยังไม่สามารถมีลูกได้
ทำไมการทำเด็กหลอดแก้วถึงส่งผลกระทบ-กระตุ้นเนื้องอก มองจากเคสของนัท มีเรีย
โรงพยาบาลกรุงเทพ เคยลงบทความเกี่ยวกับการมีลูกด้วยวิธี IVF & ICSI เอาไว้เป็นความรู้ว่า การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF – In Vitro Fertilization) คือการใช้เทคโนโลยี ช่วยการเจริญพันธุ์ สำหรับคู่สมรสที่มีบุตรยาก ด้วยการนำไข่และเชื้ออสุจิมาปฏิสนธินอกร่างกาย โดยจะใช้ตัวอสุจิที่คัดแล้วปล่อยลงไปล้อมรอบไข่ให้ตัวอสุจิแข่งกันเจาะเข้าไปในเปลือกไข่ด้วยตัวเอง วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมือนธรรมชาติ การปฏิสนธิจะเกิดในท่อนำไข่ เมื่อไข่วิ่งเข้ามาในท่อนำไข่จะมาพบกับตัวอสุจิที่ว่ายมาบริเวณนี้เช่นกันเข้าไปล้อมรอบไข่และตัวอสุจิตัวแรกที่เจาะผ่านเปลือกไข่ได้จะทำให้เกิดการปฏิสนธิขึ้น พร้อมที่จะตั้งครรภ์ต่อไป
ซึ่งกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว แพทย์จะตรวจความพร้อมก่อนกระตุ้นไข่ช่วงวันที่ 2 – 3 ของการมีประจำเดือน จากนั้นจะฉีดยาทางหน้าท้องเพื่อกระตุ้นไข่ประมาณ 8 – 14 วัน เมื่อได้ไข่ตามที่ต้องการจะฉีดยากระตุ้นไข่ตกและนัดวันเก็บไข่
เรื่องนี้ นพ.ธนภพ บำเพ็ญเกียรติกุล สูติ-นรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยาก จาก PWSCLINIC สูตินรีแพทย์ บอกเล่าหลักการทำงานของยากระตุ้นไข่ เอาไว้เป็นกรณีศึกษาเอาไว้ดังนี้
อันดับแรกต้องเข้าใจรอบเดือนปกติ ในผู้หญิง จะเริ่มขึ้นเมื่อตอนที่รังไข่นั้นยังไม่มีฟองไข่พัฒนา จะมีการสร้างฟองไข่มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลังจากที่ผู้หญิงมีประจำเดือนใหม่ๆ พอรังไข่สร้างมากขึ้นมีฟองไข่เพิ่มมากขึ้น ฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงก็จะไปทำให้ผนังมดลูกหนาตัวขึ้น ประจำเดือนก็จะหยุดไป พอไข่เจริญเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีการเลือกเฉพาะไข่ที่มีตัวรับต่อฮอร์โมนได้ดีที่สุด ไข่ตัวนั้นก็จะโตขึ้นมาเพียงฟองเดียว
เมื่อไข่สร้างฮอร์โมนเพศหญิงได้ปริมาณมาก ก็จะกระตุ้นให้เกิดการตกไข่ขึ้นมา ถ้าเกิดการตกไข่แล้วมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนั้น ตัวอ่อนก็จะไปฝังตัวอยู่ในโพรงมดลูกได้
กลับมาที่การทำเด็กหลอดแก้ว คือการให้ฮอร์โมนจากภายนอกเข้าไปเพื่อกระตุ้นให้ฟองไข่ได้ไข่หลายๆ ใบ และเก็บไข่ออกมาจากภายหลัง ยิ่งได้ไข่เยอะยิ่งเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
การกระตุ้นไข่จำเป็นต้องใช้ยาช่วย แล้วก็ต้องเริ่มตั้งแต่วันแรกของการมีรอบเดือน คุณหมอก็จะส่งเจาะเลือดเพื่อดูว่ารอบเดือนนั้นเหมาะสมที่จะได้รับการกระตุ้นหรือไม่ ถ้ามีฮอร์โมนที่เหมาะสมแสดงว่าในรอบเดือนนั้นยังไม่มีไข่ฟองไหนโตนำมาก่อน โอกาสกระตุ้นได้ไข่หลายๆ ใบค่อนข้างจะสูง โอกาสใช้ฮอร์โมนในการกระตุ้นอาจจะไม่ต้องเสียเงินเสียค่ายาในการกระตุ้น คุณหมอก็จะให้ยากระตุ้นไข่ซึ่งอาจจะเป็นยาฉีด ไปพร้อมกับยากันไข่ตก ซึ่งเป็นยาฉีดเหมือนกัน แล้วนัดมาตรวจอีกทีว่าฟองไข่ใหญ่และเหมาะสมที่ต้องการไหม หากได้ไข่ในขนาดที่เพียงพอ คุณหมอก็จะให้ยาฉีดเพื่อไข่สุก และนัดมาเก็บไข่ในอีก 36 ชั่วโมงถัดไป แล้วนำไข่ไปผสมกับอสุจิในห้องปฏิบัติการเพื่อให้ได้ตัวอ่อนที่ดีที่สุด นพ.ธนภพ กล่าว
ทั้งนี้ ผลข้างเคียงจากการได้รับยากระตุ้นไข่ จะทำให้ผู้หญิงมีอาการบวม อืดท้อง เนื่องจากฮอร์โมนที่สูงทำให้เกิดการสะสมน้ำในชั้นเนื้อเยื่อ และในรายที่มีปัญหาเนื้องอกช่วงท้องน้อยเหมือนนัท มีเรีย ก็อาจส่งผลทำให้ติ่งเนื้อโตขึ้นได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเนื้องอกไม่ใช่เนื้อร้ายหรือมะเร็งเสมอไป และหากยังไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและสุขภาพของผู้ที่พบเนื้องอก ก็สามารถปล่อยไว้โดยยังไม่ต้องตัดออกได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามผู้ใดที่พบเนื้องอกและมีความวิตกกังวล ก็สามารถเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียดโดยเพื่อจะได้ทราบแนวทางการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
ที่มา : IVF & ICSI ยากแค่ไหนก็มีลูกได้ , หลักการทำงานของยากระตุ้นไข่
Advertisement