ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเทรนด์ความงามของริมฝีปาก ฮิตข้ามปีไม่แพ้เทรนด์ความงามของรูปหน้า หรือบริเวณส่วนอื่นของใบหน้าเลยเชียวล่ะ ซึ่งหนึ่งในตัวช่วยที่ทำให้ริมฝีปากสวยตามสมัยนิยม ก็คือฉีดฟิลเลอร์ที่สามารถช่วยเติมเต็มความอิ่มฟูให้ริมฝีปากอย่างที่สาวๆ สมัยนี้นิยมทำ แต่รู้หรือไม่ว่า แท้จริงแล้ว ฟิลเลอร์ปาก ยังแก้ปัญหาได้ในอีกหลายปัญหา
ซึ่งบทความนี้ จะมาเจาะลึกกันเลยว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากมีกี่แบบ ฉีดแล้วดีจริงไหม อันตรายหรือไม่ ไปจนถึงข้อสงสัยทั้งก่อน และหลังฉีด เพื่อให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจเข้ารับบริการฟิลเลอร์ปาก ได้เข้าใจ และปฎิบัติตัวอย่างถูกวิธี รับรองเลยว่า ถ้ารู้ข้อมูลทั้งหมดนี้แล้วล่ะก็ การฉีดฟิลเลอร์ปาก ในครั้งนี้ ต้องให้ผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัยกับผู้เข้ารับบริการอย่างแน่นอน
ฟิลเลอร์ปาก เป็นการหัตถการที่ฉีดสารเติมเต็มเพื่อแก้ปัญหาปากได้ดีและให้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาดังนี้
สำหรับทรงปากในช่วง 3 - 4 ปีที่ผ่านมา คนไทย โดยเฉพาะสาวๆ ไทยชื่นชอบและนิยมฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อปรับทรงปากตามเทรนด์มี 2 สไตล์ดังนี้
เป็นการฉีดฟิลเลอร์ตกแต่งทรงปากให้อวบอิ่มมากๆ และได้รูปหนาตั้งแต่ริมฝีปากไปจนเนื้อปาก เพื่อให้รูปปากเด่นชัดใหญ่ขึ้นกว่าปกติ ซึ่งนิยมในสาวไทย ที่ชื่นชอบการแต่งหน้าสไตล์สาวชาวตะวันตก เน้นแต่งหน้าแบบคมเข้ม สีสันฉูดฉาด
เน้นการฉีดฟิลเลอร์พี่เติมเต็มรูปปากให้ดูได้รูปอย่างเป็นธรรมชาติ โดยจะเน้นฉีดเติมบริเวณเนื้อกลางปาก เพื่อให้ดูอวบอิ่ม นุ่มฟู ได้รับความนิยมสูง อีกทั้งทรงปากสายเกายังแก้ปัญหาในผู้ที่มีปากบาง ต้องการเพิ่มวอลุ่มให้กับริมฝีปากได้อีกด้วย
ข้อดี
ข้อเสีย
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการทำหัตถการที่ปลอดภัย ให้ผลลัพธ์หลังทำทันที ถือว่าเป็นการเสริมความงามในชั่วพริบตาเลยก็ว่าได้ และไม่ได้ทำให้ปากเน่า ไม่อันตรายอย่างที่ใครกำลังเข้าใจผิดกันอยู่
ยิ่งในยุคสมัยนี้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านความงามก้าวไกลไปมากๆ มีทางเลือกที่ดี ให้กับผู้ต้องการฉีดฟิลเลอร์ปากอย่างมากมายตามความเหมาะสม ตามงบประมาณเงินในกระเป๋า แต่สิ่งที่ผู้เข้ารับบริการต้องคำนึงคือ ต้องฉีดกับคลินิกเสริมความงามที่น่าเชื่อถือ เปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ อยู่ประจำคลินิกเพื่อให้บริการคนไข้ รวมถึงฟิลเลอร์ที่ฉีดต้องได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบ อย.ไทย
โดยปกติแล้วระยะเวลาในการคงผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ปากจะอยู่ที่ 6 - 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่ยี่ห้อ/ชนิดฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป
สำหรับผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ปาก เพราะต้องการแก้ไขปัญหาปากของตัวเอง หรืออยากมีรูปปากแบบไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ สิ่งที่ต้องคำนึงถึง หรือข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก มีดังนี้
ซึ่งบรรจุภัณฑ์ของฟิลเลอร์แท้ จะต้องมีเลขทะเบียน อย.ไทย และชื่อบริษัทผู้ผลิต - ชื่อบริษัทที่นำเข้า รวมถึงเลข lot ตรงกัน 4 จุดคือ เลข lot ที่กล่อง เลข lot ที่ซอง เลข lot ที่สติกเกอร์ เลข lot ที่หลอด
อีกทั้งผู้ที่สามารถครอบครองและดำเนินการ หรือลงมือฉีดฟิลเลอร์แท้ได้ จะต้องเป็นแพทย์ที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นเมื่อเข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ปากแล้ว แม้ว่าจะไม่ต้องพักฟื้น หรือดูแลรักษาแผลเพราะไม่ใช่การผ่าตัดศัลยกรรมปาก แต่ก็มีข้อควรระวัง และแนวทางการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากดังนี้
สำหรับฟิลเลอร์ปาก ที่แพทย์แนะนำใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ปาก เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการปั้นและแต่งทรงได้ดี อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นดูเป็นธรรมชาติที่สุด รวมถึงต้องมีคุณสมบัติเด่น คือสามารถฟูตัวขึ้น เพื่อเติมเต็มร่องปากได้อย่างดี ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดนี้ เหมาะกับฟิลเลอร์แท้ ที่ผ่านอย.ไทย มียี่ห้อ/รุ่นดังนี้
แนะนำโปรโมชั่นฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรกของกังนัมคลินิกที่ชวนคุณฉีดฟิลเลอร์ Neuramis ราคาเดียว CC แรกเพียงราคา 1,999 บาท แถมฟรี aura booster หน้าใส 2 เข็ม ฟรียาชา ฟรีเข็มทู่!!!
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์ Neuramis ได้ที่ : https://www.gangnamconsult.com/neuramis-filler/
ไม่ควรกินเผ็ดมากจนเกินไป หรือกินเป็ด จนทำให้ปากมีอาการร้อน หรือบวม เพราะจะทำให้อาการบวมเข็มหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ
เกิดจากเครื่องมือแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ของไม่มีความสะอาดถูกหลักอนามัย
ประเภทของฟิลเลอร์ที่เสี่ยงต่อผิวหนังต่อต้าน และทำให้เกิดการแพ้ ไปจนถึงทำให้เกิดการอักเสบ ผิวหนังพุพองเป็นหนองได้ ก็คือการที่ฉีดเอาฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของพลาสติก หรือสารแปลกปลอม ที่ร่างกายต่อต้านเข้าไป จึงทำให้เกิดผลเสียตามมา และต้องเข้ารับการแก้ไขโดยด่วน
แม้จะเป็นฟิลเลอร์แท้ แต่บางคนก็แพ้ได้เช่นกัน ซึ่งอาการแพ้ฟิลเลอร์อาจเริ่มจากอาการบวมที่มากกว่าปกติ มากกว่าการบวมเข็ม คือจะมีอาการปวด และผิวหนังเริ่มเปลี่ยนสีเข้มขึ้น หากปล่อยไว้เช่นนั้น อาจทำให้ผิวหนังบริเวณปากต่อต้านฟิลเลอร์ ด้วยการสร้างเม็ดเลือดขาวมาต่อสู้กับฟิลเลอร์ จนเกิดภาวะหนองตามมาได้
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่ควรสัมผัสบริเวณปาก ทั้งแบบ กด บีบ หรือดึง ฉะนั้นแล้วการทาลิปสติกควรหลีกเลี่ยงไปก่อน และจะสามารถทาได้อีกทีหลังฉีดไปแล้วประมาณ 2 วัน ถึงจะดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือน จนทำให้การบวมที่เกิดจากเข็มอักเสบมากกว่าเดิม อีกทั้งไม่ไปรบกวนการเซตตัวของฟิลลเอร์ที่เพิ่งเข้าไปสู่ชั้นผิวหนังได้ไม่นาน
สรุป
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะเป็นการทำหัตถการที่ง่ายดาย และให้ผลลัพธ์รวดเร็วท่วงทันกับการแก้ปัญหาริมฝีปาก ไปจนถึงทันเทรนด์ฮิตรูปปากร่วมสมัยแบบสุดๆ แต่ถึงอย่างนั้นการคำนึงถึงความปลอดภัยก็ยังต้องเป็นอันดับต้นๆ ของการเสริมความงาม ดังนั้นแล้ว หากมองถึงความคุ้มค่าทั้งเรื่องผลลัพธ์ที่ชัดเจน ถูกใจตามเทรนด์ และให้มีผลข้างเคียงน้อย ปลอดภัยสูง ก็ต้อง กังนัมคลินิก ที่พร้อมดูแล และจบทุกปัญหาริมฝีปาก ด้วยฟิลเลอร์แท้คุณภาพดี ซึ่งหากใครสนใจ สามารถติดต่อได้ที่ Line: @gangnamclinic เพื่อนัดหมาย/ ปรึกษา และขอรับบริการ
Advertisement