เพจฯ "AFib หัวใจเต้นผิดปกติ" อธิบายการทำงานของ นาฬิกา smart watch กับการ ตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ แนะนำ การตั้งค่า
เพจฯ AFib หัวใจเต้นผิดปกติ อธิบายการทำงานของ นาฬิกา smart watch กับการ ตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เข้าใจง่ายและข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
"การใช้นาฬิกา smart watch เพื่อตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
อ.นพ.อนุรุธ ฮั่นตระกูล
แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจ เชี่ยวชาญระบบไฟฟ้าหัวใจ
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปัจจุบันนาฬิกา smart watch หลายรุ่น สามารถตรวจจับชีพจร และคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ โดยเทคโนโลยีที่ใช้ในการตรวจจับชีพจรคือการใช้ photoplethysmography (PPG) sensor โดยใช้ light-sensitive photodiodes และแสง LEDs ในการจับความแรงของชีพจร ซึ่งจะสามารถบอกได้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่กี่ครั้งต่อนาที และใน smart watch บางรุ่น เช่น Apple watch series 1+ (Watch OS 5.1.2) ขึ้นไป สามารถตรวจจับได้ว่าชีพจรมีความไม่สม่ำเสมอ (irregular heart rate notification) ซึ่งอาจเกิดจากภาวะหัวใจเต้นระริกหรือ atrial fibrillation โดยการสุ่มตรวจด้วยแสง LEDs จากหลังนาฬิกา
ส่วนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ จะใช้การแตะที่ electrical heart sensor ที่เม็ดมะยม เพื่อให้ได้คลื่นไฟฟ้าหัวใจออกมา 1 vector (โดยทั่วไปการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วยเครื่องตาม รพ. จะได้ออกมา 12 vectors) ก็จะสามารถทำได้ใน Apple watch series 4 ขึ้นไป Sumsung galaxy 4 ขึ้นไป Fitbit Sense/Charge 5 และ Hauwei watch D ก็สามารถทำได้เช่นกันในต่างประเทศ แต่ยังไม่รองรับการใช้งาน feature นี้ในประเทศไทย ซึ่งเครื่องจะแปลผลออกมาเป็น
1. Sinus rhythm ซึ่งคือจังหวะหัวใจปกติ
2. Atrial fibrillation คือหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดสั่นระริก
3. Low or high heart rate กรณีที่ชีพจรเต้นช้ากว่า 50 ครั้ง หรือเร็วกว่า 120 ครั้งต่อนาที
4. Inconclusive หรือแปลผลได้ไม่ชัดเจน และ
5. Poor recording คือการที่ไม่สามารถตรวจจับคลื่นไฟฟ้าได้นิ่งพอที่จะแปลผลได้
โดยปัจจุบันยังไม่มีคำแนะนำให้ใช้ smart watch ในการตรวจจับภาวะหัวใจเต้นปกติในกลุ่มประชากรทั่วไป เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ในแง่การลดอัตราการเสียชีวิตหรือการเจ็บป่วย ในทางปฏิบัติการสามารถนำ smart watch มาใช้ได้ในกรณีที่มีอาการที่สงสัยว่าเกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น ใจเต้นเร็วหรือแรงผิดปกติขณะพัก ใจเต้นไม่สม่ำเสมอ โดยควรมีอาการนานเกิน 2-3 นาที เพราะการตรวจจับคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วย smart watch จะใช้เวลาประมาณ 30 วินาที – 1 นาที หรืออาจนำ smart watch มาใช้ตรวจจับภาวะ atrial fibrillation
ในกรณีที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็น stroke หรืออัมพาตเช่น อายุเกิน 65 ปี มีโรคร่วมคือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว เส้นเลือดหัวใจ/สมอง/ส่วนปลายตีบ เป็นต้น และยังมีการนำมาใช้ในกรณีที่รู้ว่าเป็น atrial fibrillation อยู่แล้วเพื่อตรวจติดตามความถี่ของการเกิดโรค หากไม่สามารถบอกได้จากอาการ"
อ.นพ.อนุรุธ ฮั่นตระกูล
แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจ เชี่ยวชาญระบบไฟฟ้าหัวใจ
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตามที่เกริ่นไปใน post ที่แล้วเรื่องการใช้ smart watch ในการตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ https://www.facebook.com/share/p/1BnEtjE9Tr/
ใน post นี้จะมาสอนการตั้งค่านาฬิกา apple watch เพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นกันครับ
1. เข้า app “Watch” ใน iphone
2. เลื่อนลงมาที่ “Heart” หรือ “หัวใจ”
3. เปิดการแจ้งเตือน Irregular rhythm หรือ จังหวะการเต้นที่ไม่สม่ำเสมอ ในกรณีที่ไม่เคยถูกวินิจฉัยว่ามีภาวะหัวใจเต้นระริก หรือ atrial fibrillation
4. ตั้งค่า High heart rate หรือ อัตราหัวใจเต้นเร็ว โดยทั่วไปแนะนำที่ 140-150 ครั้งต่อนาที
5. ตั้งค่า Low heart rate หรืออัตราหัวใจเต้นช้า โดยทั่วไปแนะนำที่ 40 ครั้งต่อนาที
6. ตั้งค่า AFIB history หรือประวัติการเป็น Atrial fibrillation ในกรณีที่ทราบอยู่แล้วว่ามี ภาวะหัวใจเต้นระริก หรือ atrial fibrillation เพื่อตรวจหาความถี่ของการเป็น (ต้องเลือกเปิดข้อ 3 หรือ 6 อย่างใดอย่างนึงเท่านั้น)
โดยที่การแจ้งเตือน Irregular rhythm หรือ จังหวะการเต้นที่ไม่สม่ำเสมอ จะเป็นการสุ่มวัดความสม่ำเสมอของชีพจร ด้วยแสง LED จากนาฬิกา โดยจะทำขณะที่ไม่มีการคลื่นไหว โดยเครื่องจะนำไปวิเคราะห์และ จะแจ้งเตือนออกมา โดยจะไม่ได้แจ้งเตือนทันทีที่เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะขึ้น และภาวะหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอที่เครื่องแจ้งเตือน อาจมีสาเหตุจากอย่างอื่นที่ไม่ใช้ atrial fibrillation ได้ ดังนั้นหากได้รับการแจ้งเตือนดังกล่าว แนะนำให้มาปรึกษาแพทย์โรคหัวใจ เพื่อการตรวจยืนยันเพิ่มเติม
การแจ้งเตือนอัตราหัวใจเต้นเร็วหรือช้า นาฬิกาจะแจ้งเตือนเฉพาะกรณีที่หัวใจเต้นเร็วหรือช้าเกินกว่าที่ตั้งค่าไว้ขณะที่ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายเท่านั้น โดยทั่วไปอาจพบภาวะหัวใจเต้นช้ากว่า 40-50 ครั้งได้เป็นปกติ ในกรณีที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือขณะหลับ จึงอาจยังไม่ต้องกังวล หากยังไม่มีอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อยง่าย หน้ามืด เป็นลม หรือวิงเวียน
การตั้งค่า AFIB history หรือประวัติการเป็น Atrial fibrillation จะทำการตรวจหาความถี่ของอัตราชีพจรไม่สม่ำเสมอใน 7 วันที่ผ่านมา โดยรายงานออกมาเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์ ในกรณีที่ไม่พบภาวะ Atrial fibrillation เครื่องจะรายงานว่า AF burden < 2%
จะเห็นว่าในปัจจุบันเทคโนโลยี smart watch เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในทางการแพทย์ โดยข้อมูลที่ได้มีประโยชน์ในการช่วยวินิจฉัย และตรวจติดตามภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ แต่ในอีกแง่มุมนึง การแจ้งเตือนต่างๆเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลต่อผู้ใช้ และคนในครอบครัวได้ ดังนั้น หากยังไม่มีอาการทางหัวใจชัดเจน แนะนำให้ทำใจสบาย ๆ มั่นสังเกตอาการต่อเนื่อง และพบแพทย์โรคหัวใจเพื่อการตรวจเพิ่มเติม
นอกจากนั้นการดูแลสุขภาพโดยทั่วไป เช่น การออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ การกินอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงของหวาน ของทอด ของมัน แอลกอฮอล์ การงดบุหรี่ การควบคุมน้ำหนักและรอบเอวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ การดูแลสุขภาพจิต และการกินยาและตรวจติดตามโรคประจำตัวอย่างสม่ำเสมอ ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว"
ข้อมูลจาก : AFib หัวใจเต้นผิดปกติ
ทั้งนี้ สมาร์ทวอชเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น และสามารถช่วยในการตรวจสอบปัญหาสุขภาพเบื้องต้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องใช้ร่วมกับการตรวจสุขภาพจากแพทย์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและแม่นยำมากที่สุด
Advertisement