ชวนเช็กสุขภาพใจจากพฤติกรรมการใช้เงิน สัญญาณอะไรบ้างที่กำลังบ่งบอกว่าคุณอาจกำลังป่วย ไบโพลาร์ หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว
"หมอจอม" นายแพทย์จตุภัทร คุณสงค์ จิตแพทย์ประจำ Joy of minds Clinic เผยถึงพฤติกรรมใช้เงินฟุ่มเฟือยผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจกำลังป่วยเป็น โรคไบโพลาร์
การที่เราใช้เงินเยอะๆ อาจจะมีสาเหตุหลายๆ สาเหตุในเชิงพฤติกรรม เช่น บางคนอาจจะเป็นเพราะนิสัยที่ไม่ค่อยถูกฝึกฝนให้มีวินัย หรือไม่ค่อยรู้จักคุณค่าของเงิน แต่ที่น่ากลัวก็คือ อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคจิตเวชบางชนิด นั่นก็คือ ไบโพลาร์
ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์นอกจากการใช้จ่ายเงินเยอะๆ แล้ว ก็มักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ช็อปทั้งวันทั้งคืน แต่ก็ไม่รู้สึกง่วงหรืออ่อนเพลีย บางคนพูดเยอะ พูดไม่หยุด ขัดใจไม่ได้ หรือผู้ป่วยหลายคนจะมีไอเดียบรรเจิด โดยคิดว่าจะเอาของที่ซื้อไปเยอะๆ เนี่ยเอาไปทำนั่นนี่ มีโปรเจคต์ใหญ่โตซึ่งเดี๋ยวก็จะทำเงินกลับมาให้เราอีกมากมายมหาศาล
และจุดตัดที่สำคัญของอาการเหล่านี้ รุนแรงถึงระดับที่เรียกว่าเป็นโรคหรือเป็นความผิดปกติหรือยัง สามารถดูได้จากผลกระทบที่มันมีต่อชีวิตของคนนั้นๆ ในคนที่ใช้เงินเยอะมากๆ โดยที่ไม่รู้จักวางแผนหรือยับยั้งชั่งใจ อาจเลยเถิดไปยังการเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ หลายๆแสน หลายๆ ล้าน หรือผลกระทบการเงินในครอบครัวซึ่งก็จะโยงไปสู่ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว
คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา เผยว่า "การใช้เงินจนหมดตัวแม้จะมีเงินเหลืออยู่น้อย แล้วกลับรู้สึกสบายใจ สามารถเป็นพฤติกรรมที่พบได้ในหลายกรณี ทั้งพฤติกรรมปกติของมนุษย์ที่ตอบสนองต่อความเครียด หรืออาจเป็นอาการของโรคทางจิตเวช เช่น ไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือโรคอื่นที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมแรงกระตุ้น
บางครั้ง ในหลายๆท่านก็อาจใช้เงินจนหมดตัวเพราะต้องการความสบายใจชั่วคราว (Retail Therapy) เป็นกลไกการระบายอารมณ์จากความเครียด แต่ถ้ามีรูปแบบการใช้เงินที่หุนหันพลันแล่น ร่วมกับอารมณ์แปรปรวนสูง อาจเป็นสัญญาณของโรคทางจิตเวช เช่น ไบโพลาร์ หรือ Impulse Control Disorder
จากการศึกษา พบว่า 72% ของผู้ป่วยไบโพลาร์ในช่วง Mania มีพฤติกรรมใช้เงินเกินตัว โดยมักจะต้องแตกต่างจากรูปบบการใช้เงินเดิมของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้นในผู้ป่วยไบโพลาร์ ระยะคึก (Mania) นอกจากการใช้เงินอย่างไม่ยับยั้งแล้ว จะต้องมีอาการอื่นๆ ที่รวมเป็นตัวโรคด้วย ได้แก่
• รู้สึกมั่นใจเกินเหตุ
• พูดมาก พูดเร็ว ขึ้นกว่าปกติ
• อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดมากขึ้น หรือรื่นเริงกว่าปกติ
• มีความต้องการที่จะทำโครงการ การงาน สิ่งใหม่ๆต่างๆเพิ่มขึ้น อย่างเกินตัว
การศึกษาพบว่า 30-40% ของผู้ป่วยไบโพลาร์มีปัญหาทางการเงินรุนแรง เนื่องจากพฤติกรรมใช้จ่ายในช่วง Mania
• โรคซึมเศร้า (Depression) - บางคนใช้เงินมากเพื่อลดความเครียดแต่กลับรู้สึกผิดภายหลัง
• Impulse Control Disorder - มีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ ทำให้ใช้เงินแบบหุนหันพลันแล่น
• Gambling Disorder - มีพฤติกรรมใช้เงินไปกับการพนันหรือการลงทุนเสี่ยงสูง
• ผู้ป่วยที่มีปัญหาควบคุมแรงกระตุ้น พบว่ามีโอกาสใช้เงินเกินตัวมากกว่าคนทั่วไปถึง 3 เท่า
• ใช้เงินเกินตัวและก่อหนี้ซ้ำๆ
• รู้สึกขาดการควบคุม ใช้เงินแล้วหยุดไม่ได้
• ใช้เงินเพื่อหลีกเลี่ยงอารมณ์แย่ๆ
• ใช้เงินโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่ออนาคต
หากมีอาการเหล่านี้ร่วมกับอารมณ์แปรปรวนรุนแรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
• ตั้งงบประมาณก่อนใช้จ่าย
• หลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตแบบไม่วางแผน
• สังเกตตัวเองว่าการใช้เงินมาจากภาวะทางอารมณ์หรือไม่
• ขอคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์หากรู้สึกควบคุมไม่ได้
ข้อคิดทิ้งท้าย
การใช้เงินสามารถสะท้อนภาวะทางจิตใจได้ หากรู้สึกว่าการใช้เงินจนหมดตัวเป็นสิ่งที่ทำให้สบายใจ ควรตั้งคำถามกับตัวเองว่ามันมาจากความเครียด หรือเป็นสัญญาณของภาวะที่ต้องได้รับการดูแล การใช้เงินอย่างมีสติ ไม่เพียงช่วยป้องกันปัญหาทางการเงิน แต่ยังช่วยรักษาสุขภาพจิตในระยะยาวได้อีกด้วย"
Advertisement