จุลพันธ์ เผยเหตุ อนุกก.ดิจิทัล วอลเล็ต ถอยไม่ใช่เงิน ธ.ก.ส. ตอบแล้วทำไม ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-โทรศัพท์มือถือไม่ได้
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 67 นาย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะคณะอนุกรรมการกำกับโครงการเติมเงินผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการกำกับโครงการเติมเงินผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ตัดสินใจล้มแผนที่จะใช้เงิน ธ.ก.ส.ว่า
สาเหตุของการตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ใช่ประเด็นข้อกฎหมาย ซึ่งอำนาจทั้งหมดอยู่ที่คณะกรรมการนโยบาย โดยทางอนุกรรมการฯ ได้รับข้อเสนอมาจากกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เราก็มีหน้าที่ส่งผ่านข้อเสนอนี้ไปยังคณะกรรมการนโยบายให้ตัดสินใจว่าจะพิจารณาเรื่องแหล่งเงินอย่างไร เบื้องต้นในการประชุมชั้นอนุฯ มีการหยิบยกประเด็นข้อห่วงใยของหน่วยงานตรวจสอบ อาทิ ป.ป.ช. ว่าการทำโครงการลักษณะนี้ในอดีต มีการตั้งงบประมาณเต็มวงเงิน ทำให้เสียโอกาสต่อเม็ดเงิน ซึ่งเราก็ต้องนำมาศึกษาให้ดีๆ
เราประเมินว่าน่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการนี้ไม่ถึง 45 ล้านคน แต่วงเงินงบประมาณของโครงการยังสามารถรองรับประชาชนได้ 50 ล้านคน ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลสามารถบริหารจัดการงบประมาณได้เพียงพอ เมื่อเราดูความจำเป็นด้านการใช้เงิน ซึ่งบประมาณโครงการนี้ มาจากงบประมาณปี 2567 เรามีงบประมาณจากการบริหารจัดการ 4.3 หมื่นล้าน รวมกับงบกลางปีเพิ่มเติม 1.22 แสนล้าน รวม 1.6 แสนล้านบาท และงบประมาณปี 2568 รวมกับงบที่จัดสรรให้ดิจิทัล วอลเล็ตไว้แล้ว 1.52 แสนล้าน งบประมาณจากการบริหารจัดการ 1.32 แสนล้าน รวมเป็นเงิน 2.8 แสนล้าน ซึ่งสำนักงบประมาณดูแล้วยังสามารถบริหารจัดการรองรับได้ แบบนี้เราก็มีทางเลือกไม่จำเป็นใช้งบประมาณของรัฐวิสาหกิจเข้ามาดำเนินการก็ได้ ซึ่งอนุกรรมการฯ เตรียมเสนอข้อคิดเห็นนี้ให้คณะกรรมการนโยบายในวันจันทร์นี้ ซึ่งเรามีกลไกรองรับหลายรูปแบบ และมั่นใจบริหารจัดการได้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเพิ่มสินค้าห้ามซื้อ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ โทรศัพท์มือถือ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จุดประสงค์ของโครงการนี้คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนการจ้างงานภายในประเทศ ซึ่งสินค้านำเข้าเราพยายามตัดออกให้มากที่สุด เพื่อให้โครงการเกิดการหมุนเวียนภายในประเทศให้ได้นานที่สุด รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า และโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด
เรื่องเหล่านี้ส่วนงานที่นำเสนอคือกระทรวงพาณิชย์ที่มองถึงความสะดวกประชาชนในการใช้งาน แต่ก็มีข้อทักท้วงมาจากหลายส่วน และนายกฯได้ให้พิจารณาอีกครั้ง เราก็พิจารณาใหม่ และได้ข้อสรุปแบบนี้
เมื่อถามว่า หวังว่าเมื่อนำเสนอคณะกรรมการบอร์ดใหญ่ไปแล้ว จะไม่บของการประชุม นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เปลี่ยนหรือไม่ตนยืนยันไม่ได้ และการเปลี่ยนทุกครั้งเพื่อให้โครงการเดินหน้าได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าต้องเปลี่ยนอีกตนก็ต้องเปลี่ยน แต่ยืนยันว่าภายในปลายปีนี้เงิน 1 หมื่นบาทถึงมือประชาชน
Advertisement