การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ถูกกำหนดขึ้น 76 จังหวัดทั่วประเทศ (ยกเว้นกรุงเทพฯ) ในวันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. แบ่งเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี จำนวน 2,121 แห่ง และการเลือกตั้งเฉพาะสมาชิกสภาเทศบาล จำนวน 348 แห่ง เนื่องจากมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เพราะบางพื้นที่นายกเทศมนตรีได้ลาออกจากตำแหน่งไปก่อนพ้นวาระ
ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ?
ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 25 วัน สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเทศบาล ที่เลือกตั้งหรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 15 วัน หรือตรวจสอบรายชื่อจากเอกสารที่แจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งมายังเจ้าบ้าน หรือตรวจสอบสิทธิเลือกตั้งออนไลน์ คลิกที่นี่
การเพิ่มชื่อ - ถอนชื่อ ?
ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 วัน หากพบว่าตนเองหรือผู้มีชื่อยู่ในทะเบียนบ้านของตนไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือเจ้าบ้านเห็นว่ามีชื่อบุคคลอื่นอยู่ในทะเบียนบ้านของตนโดยไม่ได้อาศัยอยู่จริงให้ยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นเพื่อขอเพิ่มชื่อ - ถอนชื่อ พร้อมนำสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวอื่นใดที่ทางราชการออกให้ไปแสดงด้วย
การแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ?
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใดที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ เนื่องจากมีเหตุอันสมควร ให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน โดยทำเป็นหนังสือซึ่งต้องระบุเลขประจำตัวประชาชน และที่อยู่ตามหลักฐานทะเบียนบ้าน ภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง (ระหว่างวันที่ 4-10 พฤษภาคม 2568) หรือภายใน 7 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง (ระหว่างวันที่ 12-18 พฤษภาคม 2568)
โดยทำหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น สามารถแจ้งด้วยตัวเอง หรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปยื่นแทน จัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือทางออนไลน์ ผ่านทางแอปพลิเคชัน Smart Vote หรือเว็บไซต์สำนักบริหารการทะเบียน https://boraservices.bora.dopa.go.th/election/abscauselocal/
เหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่สามารถนำมาอ้าง ?
1. มีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล
2. เจ็บป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
3. เป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
4. เดินทางออกนอกราชอาณาจักร
5. มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร
6. ได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตเลือกตั้ง
7. มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุอื่นที่ กกต. กำหนด
ทั้งนี้ กรณีที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้แจ้งเหตุไว้แล้ว หากในวันเลือกตั้งเหตุดังกล่าวได้สิ้นสุดลง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิเลือกตั้งได้
หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจะถูกจำกัดสิทธิ ?
1. สมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. หรือ ส.ถ. หรือ ผ.ถ. หรือสมัครรับเลือกเป็น สว.
2. สมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้าน
3. เข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนสมาชิกสภาเทศบาล และหรือนายกเทศมนตรี
4. ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
5. ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น
6. ดำรงตำแหน่งเลขานุการประธานสภาท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาท้องถิ่น และเลขานุการรองประธานสภาท้องถิ่น
Advertisement