วันที่ 24 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. นายราเชน ศิลปะรายะ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ - ปริมณฑล และพื้นที่ภาคเหนือ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งการผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ดังกล่าวและได้ขอให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังแก้ไขฝุ่นควันทันที สำหรับในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำกับดูแลกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขอให้ขึ้นบินปฏิบัติการต่อเนื่องในการเจาะชั้นบรรยากาศเร่งระบายและลดการสะสมของฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ กรมการข้าว และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลงพื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรในการทำเกษตรกรรมแบบปลอดการเผา
นายราเชน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร รับทราบข้อสั่งการดังกล่าว ซึ่งในเช้าวันนี้ (24 มกราคม 2568) ได้ประชุมวางแผนและมอบหมายให้หน่วยดัดแปรสภาพอากาศ จำนวน 3 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ กาญจนบุรี หน่วยฯ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ บินสเปรย์น้ำปรับลดอุณหภูมิที่ระดับ Inversion เพื่อระบายฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ โดยจะบินปฏิบัติการบริเวณ อ.บางแพ จ.ราชบุรี ด้วยเครื่องบิน CASA จำนวน 1 ลำ บินบริเวณ อ.เมืองสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม โดยเครื่องบิน CASA จำนวน 1 ลำ และบริเวณ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี โดยเครื่องบิน CASA จำนวน 1 ลำ รวมถึงหน่วยฯ ระยอง บินโปรยน้ำแข็งแห้งที่ระดับ Inversion เพื่อระบายฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ โดยจะบินปฏิบัติการบริเวณทิศใต้ของ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยเครื่องบิน CARAVAN จำนวน 1 ลำ บินปฏิบัติการพร้อมกัน 3 หน่วยในเวลา 10.30 น. และสำหรับในช่วงบ่ายจะมีการติดตามสภาพอากาศและวางแผนปฏิบัติการในช่วงบ่ายอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตรจะปรับแผนการทำงานเพิ่มเติมในเวลากลางคืน โดยได้ทำหนังสือขออนุญาตบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ขึ้นบินปฏิบัติการในช่วงเวลา 02.00-05.00 น. เพื่อช่วยเหลือพื้นที่กรุงเทพฯ – ปริมณฑล ซึ่งจะพิจารณาวางแผนการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด
สำหรับการปฏิบัติการบรรเทาฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศเกินค่ามาตรฐาน เป็นการใช้เทคนิคระบายฝุ่นก่อนเคลื่อนที่เข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย และระบายฝุ่นออกจากพื้นที่เป้าหมายด้วยเทคนิคการลดอุณหภูมิชั้นบรรยากาศอุณหภูมิผกผันด้วยการสเปรย์น้ำปรับลดอุณหภูมิและการโปรยน้ำแข็งแห้งเพื่อระบายฝุ่นละอองให้ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศที่สูงขึ้น และเทคนิคก่อเมฆหรือเลี้ยงเมฆให้อ้วนด้วยการนำศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทานในขั้นตอนที่ 1 (ก่อกวน) และขั้นตอนที่ 2 (เลี้ยงให้อ้วน) มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เมฆมีความหนาแน่นมากยิ่งขึ้นในการดูดซับและระบายฝุ่นละอองออกจากพื้นที่เป้าหมายทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ - ปริมณฑล รวมถึงพื้นที่ทางภาคเหนือ อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงฯ จะเร่งปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกอาคาร และติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศจากหน่วยงานของรัฐอย่างและติดตามข่าวสารการปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้เป็นประจำทุกวันที่เว็บไซต์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร, เพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร, Instagram, X และ Tiktok
Advertisement