โครงการชะลอยางอีกหนึ่งมาตรการที่ช่วยควบคุมปริมาณผลผลิตยางพาราที่เข้าสู่ตลาดให้เหมาะสมกับการใช้ยาง เพื่อลดความผันผวนด้านราคา ทำให้ราคายางพารามีเสถียรภาพ เป็นการช่วยเหลือและเสริมสภาพคล่องให้กับสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางในระหว่างรอการขายผลผลิต ให้สามารถขายผลผลิตยางของตัวเองในช่วงที่ราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสมและพอใจ ไม่จำเป็นต้องรีบจำหน่ายผลผลิต เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพ ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยาง
ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการ กยท. เปิดเผยว่า กยท. เริ่มดำเนินโครงการชะลอการขายยาง มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อชะลอการขายยางออกสู่ตลาดในช่วงตลาดราคายางผันผวน หรือระดับราคายางยังไม่เป็นที่พอใจ โดย กยท. จะสนับสนุนงบประมาณ 80% ของมูลค่ายางที่สถาบันเกษตรกรรวบรวมมาเข้าโครงการฯ เป็นเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย 3 เดือน เพื่อใช้เป็นทุนในการเสริมสภาพคล่องให้สถาบันเกษตรกรฯ ระหว่างรอขายยาง ทำให้สถาบันสามารถนำเงินไปใช้ในการรับซื้อยาง รวบรวมผลผลิตจากสมาชิก ไม่จำเป็นต้องรีบขายยางหากราคาไม่เป็นที่พอใจ ถือเป็นการรักษาเสถียรภาพราคายางของประเทศไทยด้วย ซึ่งได้รับความพึงพอใจจากเกษตรกรชาวสวนยางเป็นอย่างมาก จึงอยากให้สถาบันเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกรฯ แต่ละแห่งพยายามเรียนรู้เรื่องการตลาดให้เป็น ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรก็พอรู้กันแล้วว่า ช่วงไหนควรเก็บ ช่วงไหนควรขาย ช่วยลดความเสี่ยงด้านราคายางพาราแก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี
"สำหรับปีงบประมาณ 2568 ภายใต้งบประมาณโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตยางเข้าร่วมโครงการฯ ได้ถึง 85,000 ตัน ปัจจุบันมีสถาบันเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกรฯ เข้าร่วมโครงการฯ ทั่วประเทศ จำนวน 64 สถาบัน เป็นกลุ่มเกษตรกรในภาคเหนือ 30 สถาบัน และมีกลุ่มเกษตรกรที่รวมตัวกัน 143 กลุ่ม โดยกลุ่มเกษตรกรเหล่านี้จะพัฒนาสร้างความเข้มแข็ง เสริมสร้างความมั่นคง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยาง และ กยท. จะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินโครงการและมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยเหลือและพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศไทยให้ยั่งยืนต่อไป" ดร.เพิก กล่าวเพิ่มเติม
นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. กล่าวเพิ่มเติมว่า กยท. ลงพื้นที่มายังกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางลุ่มน้ำแม่ทาสีเขียว ซึ่งเป็นจุดรับซื้อยางก้อนถ้วยจากเกษตรกรในพื้นที่ อ.แม่ทา อ.ป่าซาง และ อ.เมืองลำพูน สามารถรวบรวมผลผลิตยางก้อนถ้วยจากสมาชิก ได้ประมาณ 250 ตัน/ปี โดยในปี 2566 ได้เข้าร่วมโครงการชะลอการขายยาง กับ กยท. มีปริมาณยางก้อนถ้วย (DRC75%) เข้าร่วมโครงการฯแล้ว ทั้งสิ้น 239,717.69 กก. คิดเป็นมูลค่า 7,479,200 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างจัดเก็บรอการจำหน่าย 73,746.11 กก. คิดเป็นมูลค่า 2,590,000 บาท การดำเนินโครงการชะลอการขายยางทำให้ได้รับเงินจากการขายยางมาเป็นเงินทุนของกลุ่ม สามารถรับซื้อยางจากสมาชิก ทำให้เกิดสภาพคล่องในการดำเนินงาน สามารถเก็บยางไว้ในโรงรวบรวมยางเพื่อขายในช่วงราคาที่พึงพอใจ เกษตรกรจึงได้ส่วนต่างเพิ่มขึ้น และเกษตรกรสมาชิกได้รับเงินทันที สามารถนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้
นายสุขทัศน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กยท. ได้จัดสรรเงินอุดหนุนมาตรา 49 (3) ให้แก่กลุ่มเกษตรกรทำสวนยางลุ่มน้ำแม่ทาสีเขียว เพื่อยกระดับจุดรวบรวมผลผลิตให้ได้มาตรฐาน โดยการจัดหาเครื่องชั่งอิเลคทรอนิกส์ สำหรับรถกระบะ พร้อมติดตั้งระบบไฟฟ้าโซล่าเซลล์ ลานและอาคารรวบรวมและจัดเก็บผลผลิตยาง ส่งผลให้สถาบันเกษตรกรแห่งนี้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น ช่วยยกระดับมาตรฐานของการซื้อขายโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และช่วยให้โครงการชะลอการขายยางสามารถเดินหน้าต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายไพบูลย์ จำหงส์ ประธานกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางลุ่มน้ำแม่ทาสีเขียว เปิดเผยว่า จากที่กลุ่มเกษตรกรฯ เข้าร่วมโครงการฯ ส่งผลให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งในการบริหารจัดการกลุ่มฯ มากขึ้น สามารถจำหน่ายผลผลิตยางได้โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ทำให้ได้ราคาที่สูงกว่าท้องตลาด สมาชิกมีรายได้เพิ่ม และมีเงินหมุนในครัวเรือนมากยิ่งขึ้น
Advertisement