กรณีน.ส.พิยดา ทองคำพันธ์ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กระทั่งมีการเพิ่มข้อหาผิด พ.ร.บ.ฟอกเงิน เนื่องจากเป็นตัวการใหญ่ขบวนการหลอกขายไอโฟนผ่านอินสตาแกรม เป็นเหตุให้ “น้องก้อง” เหยื่อวัย 14 ปี ที่ถูกหลอกเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต และน.ส.พิยดา ถูกควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมไว้ที่ สภ.นาหวาย ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 28 ก.ย.64 จนถึงเที่ยงของวันที่ 29 ก.ย.64 รวมแล้วเกือบ 20 ชั่วโมง
ล่าสุดวันที่ 29 ก.ย.64 เวลาประมาณ 08.00 น. ที่สภ.นาหวาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนายกลยุทธ์ ทองคำพันธ์ อายุ 45 ปี พ่อของน.ส.พิยดา พร้อมด้วยน.ส.วีระวรรณ บุญประกอบ อายุ 43 ปี แม่เลี้ยงของน.ส.พิยดา เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดี
เนื่องจากว่าช่วงก่อนหน้านี้ เวลา 06.00 น. ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้นำหมายค้นเข้าไปเชิญตัวมาจากรีสอร์ต บ้านสวนสุธรรมา" อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ห่างจากสภ.นาหวาย 650 เมตร พร้อมทั้งทำการตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน ดังตอ่ไปนี้
1. โทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน 4 เครื่อง หนึ่งในนั้นมีเครื่องของผู้ต้องหา
2. เงินสด 700,000 บาทและเอกสารสำหรับยื่นประกันตัวน.ส.พิยดา ในชั้นศาล
3. รถยนต์หรู BMW X1 สีดำ ทะเบียน 2ขฎ9399 ซึ่งได้ทำการอายัดไว้ตั้งแต่ 28 ก.ย.64
เวลาประมาณ 15.00 น. หลังจากที่พ่อและแม่เลี้ยงของผู้ต้องหา โดนอายัดทรัพย์ทั้งหมด ก็ได้มีการเช่ารถในพื้นที่เพื่อใช้เป็นยานพาหนะไปเดินเรื่องขอ Statement จากธนาคาร เพื่อมายืนยันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเงินสด 700,000 บาทนั้น เป็นเงินของนายกลยุทธ พ่อของน.ส.พิยดา จริง ไม่ใช่เงินของผู้ต้องหา และจะมายื่นขอเงินคืน เนื่องจากต้องนำไปมอบให้กับทนาย ใช้เป็นหลักทรัพย์ในการยื่นขอประกันตัวน.ส.พิยดา ในชั้นศาล
ทั้งนี้ทีมข่าวมีโอกาสได้คุยกับทั้ง 2 คน ซึ่งแน่นอนว่าจากเหตุการณ์ที่โดนอายัดทรัพย์สินไปตรวจสอบนั้น ทำให้ทั้งคู่เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถติดต่อใครได้เลย แม้กระทั่งทนายความ รู้สึกว่ากำลังโดนกลั่นแกล้ง ถือว่าเสียเวลามาก เหมือนตั้งใจจะให้ยื่นประกันตัวผู้ต้องหาไม่ทัน
น.ส.วีระวรรณ บุญประกอบ แม่เลี้ยงของผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เพราะบัญชีทั้งหมดก็ไม่ใช่บัญชีของลูกสาว บริษัทต้นทางที่ขายโทรศัพท์ให้ผู้เสียหายก็ไม่ใช่ของลูกสาว แต่ทำไมสุดท้ายเรื่องมาตกที่ลูกสาว ในขณะที่เมื่อตนถามหาเหตุผลที่ดำเนินคดีกับน.ส.พิยดา คำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ที่ได้มาคือ “ทำตามหน้าที่ เราสืบทราบมาครับ มันเชื่อมโยงมาครับ” ตนก็เลยอยากถามกลับว่า แล้วทำไมถึงไม่ไปค้นบ้าน ไม่ไปตรวจสอบบัญชี อายัดทรัพย์สิน ตรวจสอบโทรศัพท์ของคนในบ้านที่พบของกลางในตอนแรกอย่างบ้านของแฟนหนุ่มน.ส.พิยดา แต่กลับมาไล่บี้ลูกสาวและครอบครัวของตน
นอกจากนี้ทาง นายกลยุทธ พ่อของผู้ต้องหา กล่าวด้วยว่า ตนมีโอกาสได้คุยกับลูกสาว และพยายามเค้นถามความจริง จึงได้ตาสว่าง เพราะลูกเล่าให้ฟังว่าคดีความครั้งนี้ไม่ได้เป็นคนทำแต่คนที่กระทำความผิดจริง ๆ คือฝั่งครอบครัวของแฟนหนุ่ม ตนก็เลยเสียใจที่มากที่พอเกิดเรื่องแบบนี้ กลับโยนความผิดให้กับครอบครัวของตน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ลูกสาวรักครอบครัวแฟนหนุ่มมาก ๆ ให้ทุกอย่างเท่าที่ให้ได้ และช่วยเหลือทุกอย่าง แล้วยิ่งน.ส.พิยดา เห็นข่าวว่าบ้านของแฟนหนุ่มออกมาซัดทอด จึงเสียใจและยอมเปิดปากเล่าให้ฟังทุกอย่าง เพราะก่อนหน้านี้ตนยอมรับว่าลูกสาวไม่เคยบอกเรื่องที่เกิดขึ้นภายในบ้านของแฟนหนุ่มให้ครอบครัวฟัง
เวลา 12.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวน.ส.พิยดา ไปฝากขังยังทัณฑสถานหญิง จ.เชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว เพื่อรอให้ทนายความยื่นขอประกันตัวต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง โดยระหว่างที่น.ส.พิยดา ถูกควบคุมตัวขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องหา สีหน้าแววตาของเธอดูเครียด ทีมข่าวก็พยายามสอบถามถึงความคืบหน้าทางคดี
น.ส.พิยดา กล่าวยอมรับว่า ตอนนี้ตนรู้สึกเสียใจที่ทางบ้านของแฟนหนุ่ม โจมตีตนหนักมาก ๆ เนื่องจากตนเพิ่งจะได้ดูข่าว ก็รู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือมาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็จะสู้ต่อและยืนยันว่าตนไม่ได้ทำตามข้อกล่าวหาทั้งหมด
ส่วนกับครอบครัวของน้องก้อง ในฐานะที่ตนมีชื่ออยู่ในคดีนี้ ส่วนตัวก็อยากขอโทษผู้เสียชีวิตและครอบครัวด้วยจริง ๆ เพราะส่วนตัวก็เครียดเหมือนกัน แต่พร้อมจะสู้คดีต่อไปอย่างแน่นอน
นายวิเชียร อินเรน ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้ใหญ่มาก ๆ ตนต้องทำงานในการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมตลอด ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้นอนรวมเป็นคืนที่ 3 แล้ว ส่วนความคืบหน้าทางคดี หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวน.ส.พิยดา ไปฝากขังยังทันฑสถานหญิงจังหวัดเชียงใหม่ ก็ต้องกลับไปดูเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีความทั้งหมด หลัก ๆ ก็จะเป็นเอกสารการซื้อ-ขาย และ รายรับ-รายจ่าย เพื่อประกอบการยื่นคำร้องขอประกันตัวต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ ตนคาดว่าหากดำเนินการทันก็จะยื่นให้ได้ภายในวันนี้ แต่ก็ต้องปล่อยให้เป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ว่าจะเอาอะไรเป็นหลักทรัพย์นั้น ก็ต้องคุยกับครอบครัวอีกครั้ง พร้อมกันนี้ ก็จะมีการทำเรื่องขอเงินประกันที่พ่อและแม่เลี้ยงของผู้ต้องหาโดนตำรวจยึดไปเมื่อเช้าคืนกลับมา เพื่อเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์ในการยื่นประกันด้วย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าตำรวจจะอนุญาตหรือไม่
ในประเด็นที่พ่อและแม่เลี้ยงของผู้ต้องหาบอกว่าถูกกลั่นแกล้งนั้น เบื้องต้นส่วนตัวไม่ขอออกความเห็นเกี่ยวกับความรู้สึกของทั้ง 2 คน สุดท้ายแล้วในชั้นจับกุมตั้งแต่เมื่อวานนี้ จนถึงวันนี้ น.ส.พิยดา ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ ซึ่งก่อให้เกิดผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงการเสียชีวิตของน้องก้องด้วย จึงขอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาเช่นเดิม และมีความเครียด กินข้าวไม่ค่อยได้ แต่พ่อแม่ก็พยายามให้กินเอาแรง
หลังจากนั้นทีมข่าวจึงย้อนกลับไปยัง บ้านสวนสุธรรมา อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ห่างจาก สภ.นาหวาย 650 เมตร จุดที่พ่อและแม่เลี้ยงของน.ส.พิยดา โดนตรวจค้นเมื่อเช้าที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงทีมข่าวพยายามถามหาภาพจากกล้องวงจรปิดกับทางผู้ดูแลรีสอร์ต แต่กล้องวงจรปิดความจำเต็ม ไม่ได้บันทึกเหตุการณ์ในอดีตไว้ สามารถดูได้แค่เหตุการณ์ปัจจุบันเท่านั้น
พนักงานจึงให้พาไปดูห้องที่ทั้งคู่ใช้พักอาศัย ก็พบว่าเป็นห้องหมายเลข 01 แต่แม่บ้านได้มีการทำความสะอาดไปเรียบร้อยแล้ว ด้านในห้องไม่ได้สิ่งของต้องสงสัย พบแค่กระป๋องเบียร์ 1 กระป๋อง ขวดเบียร์ 1 ขวด กระดาษชำระ 1 แพ็ก วางอยู่บนเก้าอี้ไม้หน้าห้อง
นายดอย (นามสมมติ) อายุ 25 ปี เผิดเผยว่า พ่อและแม่เลี้ยงของน.ส.พิยดา เข้ามาพร้อมกับตำรวจอีก 2 นาย เพื่อเช็กอินเข้าพักที่รีสอร์ตในช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.64) แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้บอกอะไรกับตน หลังจากเช็กอินเสร็จก็กลับ เหลือเพียงแค่พ่อและแม่เลี้ยงที่อยู่ชำระค่าห้อง 500 บาท บวกค่ามัดจำกุญแจอีก 200 บาท แล้วก็เข้าไปพักในห้องดังกล่าวทันที ไม่เห็นว่าออกไปไหนต่อ
ส่วนตัวก็ไม่ได้เอะใจหรือแปลกใจอะไร เพราะที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พาแขกเข้ามาพักที่รีสอร์ตแห่งนี้บ่อย กระทั่งเมื่อช่วงประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 3-4 นาย ก็เข้ามาแสดงหมายค้นและขอค้นในห้องของพ่อและแม่เลี้ยงผู้ต้องหา ซึ่งตอนนั้นตนยอมรับว่ารู้สึกงง เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วและเช้ามาก ๆ ประกอบกับไม่รู้ด้วยว่าแขก 2 คนที่เข้าพักเป็นครอบครัวของผู้ต้องหาคดีดัง
อีกทั้งก่อนหน้านี้ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเคยพาแขกเข้ามาพักก็จริง แต่ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน ตนก็เลยไม่ได้เข้ามาในจุดที่มีการค้นตามหมายเพราะต้องเฝ้าเคาน์เตอร์ หลังจากนั้นผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เห็นว่าทั้งเจ้าหน้าที่และแขก 2 คนก็ทยอยกันออกไปทั้งหมด เมื่อถามว่าในฐานะผู้ดูแลรีสอร์ต กังวลหรือไม่ว่าจะมีส่วนเกี่ยวกับคดีความ ตนไม่ได้กังวล และไม่กลัวว่าจะส่งผลเสียด้วย เพราะตนทำหน้าที่แค่ในฐานะรีสอร์ตที่ต้องเปิดห้องให้กับแขกเข้ามาใช้บริการเท่านั้น
Advertisement