กรณี นายประเสริฐ พรหมเทพ พ่อม่าย อายุ 59 ปี ชาวจ.เชียงใหม่ เล่นเฟซบุ๊กไปเจอกับสาวรายชื่อที่อ้างว่าตัวเองชื่อสวย ก่อนจะติดต่อคุยกันเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยที่ไม่เคยพบหน้ากัน แต่ด้วยความหลงรักในรูปจากเฟซบุ๊ก ซึ่งความจริงแล้วหญิงคนดังกล่าวแอบอ้างว่าเป็นตำรวจตชด. ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี และอยากจะใช้ชีวิตคู่กับพ่อม่ายรายนี้ จึงออกอุบายหว่านล้อมให้โอนเงินช่วยเหลือหลายครั้ง ก่อนที่นายประเสริฐ จะรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.สันกำแพง จนตำรวจได้ออกหมายจับ
ล่าสุดวันที่ 27 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับนายประเสริฐ ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ตนเลิกกับภรรยามาหลายปีแล้ว จึงอยู่เพียงคนเดียว เมื่อประมาณปลายปี 2561 หญิงสาวคนดังกล่าวอ้างตัวว่าชื่อสวย ได้ขอเป็นเพื่อนผ่านทางเฟซบุ๊ก และมีการพูดคุยกันเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี และอ้างว่ามีน้องชายอีกคน ชื่อเพชร ซึ่งเป็นตชด.เช่นกัน
โดยหญิงสาวรายดังกล่าว มีการแอบอ้างสารพัดว่าน้องชายประสบอุบัติเหตุบ้าง น้องชายไปยิงคนอื่นบ้าง ทำให้ต้องเสียเงินเป็นค่าเยียวยาชดใช้ และค่างานศพจัดการคดีต่าง ๆ จึงขอยืมเงินตนครั้งแรกโอนไป 20,000 - 30,000 บาท ในชื่อบัญชีนางระพีพัฒน์ งามสง่า และบางครั้งมีการอ้างว่ารถเสียจะนำรถไปทำสี และยังอ้างว่ามีบ้านอยู่ที่จ.ชลบุรี จะขายในราคาหลักล้าน และจะมาอยู่กับตนที่จ.เชียงใหม่
โดยเหตุการณ์ที่ทำให้ตนรู้สึกว่าถูกมิจฉาชีพหลอกหรือไม่ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 63 น้องสวยบอกว่าจะมาหาตนที่บ้านที่จังหวัดเชียงใหม่ ตนจึงโอนเงินไปให้จำนวน 2,000 บาท โดยเมื่อมาถึงจังหวัดลำพูน น้องสวยก็บอกว่ารถเสีย ตนจึงโอนให้อีก 3,000 บาท จากนั้นก็ติดต่อสวยไม่ได้อีกเลย รวมแล้วโอนเงินไปกว่า 200,000 บาท จึงเข้าแจ้งความที่สภ.สันกำแพง ในวันที่ 2 ธันวาคม 63
ที่ผ่านมาตนก็คุยกับน้องสวย ทั้งทางไลน์ และโทรศัพท์ ทุกครั้งก็คุยกันนานนับชั่วโมง ตนเคยขอให้วิดีโอคอลแล้ว แต่ฝ่ายหญิงอ้างว่ามารอเจอตัวจริงจะดีกว่า จึงไม่เคยเห็นหน้าจริง ๆ ที่ตนเองหลงเชื่อ เพราะคุยกันมานาน ไม่คิดว่าจะมาหลอกลวงแบบนี้ และยืนยันว่าเจตนาของตนก็อยากจะให้มาอยู่เป็นลูกเป็นหลาน ยืนยันว่าตนไม่ได้มีความรู้สึกเชิงชู้สาวอะไรแบบนั้น
กระทั่งวันที่ 25 ตุลาคม 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ ได้ติดตามจับกุม นางระพีพัฒน์ ได้ที่กรุงเทพมหานคร และนำตัวมาที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยวันนี้ตนก็ได้ไปเจอกับตัวจริง ตนจึงพยายามสอบถามและพูดคุย แต่นางระพีพัฒน์ กลับก้มหน้าและร้องไห้ ตนก็รู้สึกสงสารและตัดสินใจให้นางระพีพัฒน์ คืนเงินทั้งหมด จำนวนกว่า 200,000 บาท แล้วตนจะยอมความ
"เขานำเงินสดเมื่อคืนแล้ว จำนวน 60,000 บาท เหลืออีก 140,000 บาทที่ยังจะต้องทยอยจ่ายอีก ผมก็อยากจะเตือนภัยสังคม คนที่เล่นเฟซบุ๊ก หลังจากนี้ผมยอมรับว่าคงจะต้องตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะโอนเงินให้ใครครับ" นายประเสริฐ กล่าวทิ้งท้าย
Advertisement