ปู่วัย 87 ปี ขายทอง หอบเงิน 2 แสนขึ้นโรงพัก ให้ตำรวจตรวจสอบบัญชี โวยลั่นไม่เคยยุ่งเกี่ยวธุรกิจสีเทา ก่อนจะรู้ความจริงจนต้องยกมือไหว้ด้วยความดีใจ
วานนี้ (10 ก.ย.) นายพิมาศ อายุ 87 ปี อดีตเจ้าหน้าที่สื่อสารระดับ 6 สำนักงานโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ฐิติปกรณ์ คุ้มปานอินทร์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมเงินสดจำนวน 200,000 บาท เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบและอยากจะถามว่าบัญชีตนเองผิดอะไร ทำไมต้องให้ตนเองโอนเงินส่งเงินให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยมีบัญชีพัวพันสีเทาหรือสิ่งผิดกฎหมาย
พ.ต.ต.ฐิติปกรณ์ จึงอธิบายเหตุผลและชี้แจงว่าคุณปู่น่าจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกลวง อย่าได้หลงเชื่อเด็ดขาด การที่คุณปู่เล็กมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าโชคดี หากโอนเงินไปแล้วรับรองว่าสูญเงินอย่างแน่นอน และแนะนำให้คุณปู่บล็อกเบอร์มือถือเบอร์นี้อย่าได้พูดคุยติดต่อหรือเชื่อคำพูด ไม่เช่นนั้นจะตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุณปู่ถึงกับดีใจที่ยังไม่ทันได้เสียท่าให้กับมิจฉาชีพ พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยตักเตือนในครั้งนี้
นายพิมาศ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้มีชายคนนึงโทรเข้ามาหาตนเองทางโทรศัพท์มือถือ พร้อมบอกว่าตนมีบัญชีพัวพันกับธุรกิจสีเทาต้องส่งไปให้เขาตรวจสอบ โดยจะมีเจ้าหน้าที่จาก ปปง. กรมสรรพากร เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรเข้ามาติดต่อและชี้แจงข้อระเบียบ หากเงินในบัญชีตรวจสอบแล้วถูกต้องก็จะส่งคืนให้และมีค่าเสียเวลาค่าชดเชยกลับมาให้ด้วย ตนจึงหลงเชื่อสนิทใจรีบเอาสร้อยคอทองคำ 3 บาท เลสข้อมือ 2 บาทไปขายได้เงินมา 200,000 บาท และจะนำไปเข้าบัญชีให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามที่เขาแนะนำมา เพราะตนเองไม่ได้เล่นไลน์ โอนเงินทางบัญชีไม่เป็น ทางคนที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บอกตนมีทรัพย์สินเท่าไหร่ให้เบิกมา หากพบว่าเป็นเงินสุจริตก็จะส่งคืนให้ในภายหลัง โชคดีที่เจ้าหน้าที่แนะนำไม่อย่างนั้นคงสูญเงิน 200,000 บาทนี้อย่างแน่นอน ที่สำคัญตนยังมีพันธบัตรที่ซื้อไว้อีกหลายสิบล้านและเตรียมจะถอนออกมาเป็นเงินสดโอนไปให้มิจฉาชีพ ดีที่ไหวตัวทันอย่างเฉียดฉิว
นายพิมาศ บอกอีกว่าก่อนที่จะมาโรงพักคิดอย่างเดียวว่าถ้าผิดจริงๆ ก็ให้มันติดคุกไปเพราะไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ก็อยากเอาเงิน เอาสมุดบัญชีมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย โชคดีที่มารู้ความจริงเสียก่อน ส่วนเงิน 200,000 บาท เดี๋ยวจะกลับไปซื้อทองใหม่และจะบล็อกเบอร์แก๊งคอนเซ็นเตอร์นี้ไป ไม่รับสายพูดคุยด้วยแล้วไม่เช่นนั้นคงตกเป็นเหยื่อแน่
Advertisement