วันนี้ (14มี.ค.68) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าหารือกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ว่า โดยวันนี้ได้มีการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี ถึงการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศ รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติด และหลังจากที่ นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมพัฒนารัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตนได้เรียก 20 หน่วยงาน มาประชุมเพื่อวางกรอบในการทำงาน โดยได้วางไว้ 3 ส่วนหลัก 1. คือการป้องกันการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีกรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลัก 2.ยกระดับการใช้กฎหมายให้เข้มข้น และ 3. การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศ โดยบูรณาการปูพรมกวาดล้างร้านค้า ทั้งแบบออนไลน์และแบบมีที่ตั้ง โดยยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่หรือรายเล็กจะไม่เล็ดลอดเด็ดขาด หากเป็นรายเล็ก ก็จะขยายผลไปสู่รายใหญ่
นางสาวจิราพร กล่าวต่อว่าในช่วงเวลา 2 สัปดาห์กว่าภายหลังจากมีข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรี ยอดคดีที่จับกุมการกระทำผิด อยู่ที่ 1,078 คดี ของกลางกว่า 900,000 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 118 ล้านบาท ซึ่งยอดการจับกุมในครั้งนี้เทียบเท่ากับจำนวนคดีในปี 2567 ทั้งปี แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่
ส่วนนายกรัฐมนตรี ได้มีการกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่นั้น นางสาวจิราพร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้ห่วงใยเป็นพิเศษในเรื่องของเด็กและเยาวชน เพราะนอกจากบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ยังมีสินค้าอีกรูปแบบหนึ่งคือ แก๊สหัวเราะ ที่พุ่งเป้าไปยังเด็กและเยาวชน เป็นสิ่งที่รัฐบาลกังวล ซึ่งเมื่อวานนี้มีการจับกุมไปแล้ว 3 คดีและมี 1 คดีที่น่าสนใจคือ การลักลอบผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเจ้าแรกในประเทศไทย นายกรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานอย่างเข้มข้นในการกวาดล้าง
ส่วนกรณีที่ มีร้านค้าจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าปิดหนีก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะลงพื้นที่จับกุมจะแก้ปัญหานี้อย่างไร นางสาวจิราพร กล่าวว่า รัฐบาลได้รับเสียงสะท้อนจากโซเชียลมีเดียว่า ขณะนี้ หาซื้อบุหรี่ไฟฟ้ายากขึ้นซึ่งเป็นสิ่งยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการปราบปรามอย่างจริงจัง นอกจากเจ้าหน้าที่จะใช้วิธีในเชิงรุกในการกวาดล้างแล้ว จะมีการเปิดช่องทางออนไลน์ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการ และจะมีพื้นที่ขึ้นแสดงผลให้ประชาชนได้ติดตาม ว่าที่ตั้งร้านค้ามีจำนวนเท่าใดและมีความคืบหน้าในการจับกุมไปถึงขั้นตอนใดแล้ว เราเชื่อว่าในระยะเวลา 30 วันจะดีขึ้น
เมื่อถามถึงการพัฒนาระบบแจ้งออนไลน์ที่พัฒนาร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA จะเป็นการให้แจ้งเบาะแสแค่ในส่วนของผู้ขายหรือจะมีให้ร้องเรียนผู้เสพด้วยนั้น นางสาวจิราพร กล่าวว่า ทุกรูปแบบแต่จะเน้นการนำเข้าและผู้ขาย เพื่อให้สินค้าที่เป็นบุหรี่ไฟฟ้าถูกกว่าร้าน
ส่วนกรณีที่มีภาพปรากฏว่าสส.พรรคฝ่ายค้าน มีภาพปรากฏสูบบุหรี่ไฟฟ้าในอาคารรัฐสภานางสาวจิราพร กล่าวว่า ทางรัฐสภา ก็จะต้องดูว่าจะมีมาตรการอย่างไรในการดำเนินการ และในส่วนของสส. เองก็เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองและกฎหมายด้วย หากคิดว่ากระทำความผิด ก็สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่รัฐได้ โดยเฉพาะแหล่งที่ซื้อขาย
เมื่อถามว่าในอนาคตบุหรี่ไฟฟ้ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการแก้ไขให้ถูกกฎหมาย นางสาวจิราพรกล่าวว่า เป็นเรื่องระยะยาวแต่ขณะนี้คิดว่าต้องเป็นการปูพรมกวาดล้าง เพื่อไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่าย ส่วนการแก้ไขกฎหมายต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาคุยกัน และรับฟังทุกภาคส่วน ซึ่งทางสภาผู้แทนราษฎรก็คงจะมีรายงานจากคณะกรรมาธิการเกี่ยวกับเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ในเร็วๆนี้ ส่วนการแก้กฎหมายจะแก้อย่างไรนั้น ต้องมาดูให้ละเอียดเพราะมีการแก้หลายฉบับ ต้องคำนึงถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ วิธีการรับมือเพราะแต่ละประเทศก็มีวิธีการรับมือบุหรี่ไฟฟ้าไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้อง ทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในระยะยาว
Advertisement