จากกรณีความคืบหน้าเมื่อ 10.00 น. ของวันที่ 10 ธันวาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม 4 โจ๋ อายุ 17-18 ปี นักเรียนระดับชั้น ปวช. ของวิทยาลัยเทคโนโลยีย่านท่าพระ
ที่ก่อเหตุใช้อาวุธมีดครบมือ ขับขี่และซ้อนท้ายรถ จยย. 2 คัน ดักปิดหัวท้ายไล่ล่าหวังทำร้ายนายศุภทัต หรือ น้องแอ้ม อายุ 17 ปี นักเรียนแผนกช่างยนต์ ชั้น ปวช.2 จนน้องตกใจกลัว ตัดสินใจกระโดดน้ำหนีลงคลองทวีวัฒนา หน้าหมู่บ้านมณฑล 7 ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เป็นเหตุให้จมน้ำตาย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.พงศอานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.9 และ ฝ่ายสืบสวน สน.หลักสอง เข้าจับกุมตัวนายทอม นายนก นายหรั่ง และนายฮง (นามสมมติ) มีอายุระหว่าง 17-18 ปี ปัจจุบันเป็นนักเรียนระดับชั้น ปวช.ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีย่านท่าพระ โดยจับกุมตัวทั้ง 4 รายได้หลังหลบหนีไปกบดานในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
จากการสอบสวนทั้ง 4 ราย ยอมรับดักทำร้ายผู้ตายด้วยความคึกคะนอง เบื้องต้นชุดจับกุมจึงประสานผู้ปกครอง ครูอาจารย์ และเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ เข้าร่วมทำการสอบสวนอีกครั้ง ก่อนแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, พาอาวุธ (มีด) ไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือไม่มีเหตุอันสมควร ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
หนึ่งในพ่อของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ลูกชายเรียนอยู่ชั้นปวช.3 ของโรงเรียนอาชีวะ เพิ่งเปิดเทอมมาไม่นานนี้ เบื้องต้นทราบเพียงว่ามีการไล่ทำร้ายโดยใช้มีดดาบ เพื่อที่ต้องการนำเสื้อช็อป เนื่องจากผู้เสียชีวิตเรียนอยู่อีกโรงเรียนหนึ่งที่เป็นผู้ขัดแย้งกัน แต่ยืนยันว่าปกติแล้วลูกไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ส่วนในรายละเอียดที่ก่อเหตุลงไปนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด เนื่องจากลูกชายไม่ได้เล่าให้ฟัง แต่ก็เชื่อว่าอาจจะก่อเหตุไปตามเพื่อน
ล่าสุด ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้คุยกับครอบครัวของหนึ่งใน 4 โจ๋ นางวันเพ็ญ ปราณี ย่าของนายทอม (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เปิดใจกับอมรินทร์ ทีวี ว่าพ่อแม่ของนายทอมแยกทางกันตั้งแต่เขาอายุ 6-7 ขวบ เพราะพ่อป่วยเป็นไบโพลาร์ ทำให้มีปัญหากับแม่ ซึ่งตนเป็นผู้ที่เลี้ยงดูหลานคนนี้มาตั้งแต่เด็ก ช่วงแรกที่พ่อแม่เลิกกันน้องไปอยู่กับแม่ แต่หลานบอกว่าอยากมาเรียนที่กรุงเทพฯ ตนก็เลยพาน้องมากรุงเทพฯ แล้วก็จัดแจงหาที่เรียนให้
ปัจจุบันหลานเรียนอยู่ ปวช.ปี 2 ได้รับทุนการศึกษาเรียนดี จากเดิมที่ต้องจ่ายค่าเทอม เทอมละ 10,000 กว่าบาท ก็เหลือแค่เดือนละ 5,000 บาท ตนก็ต้องทำงานส่งเสียเลี้ยงดู ทำงานได้เงินเดือน 7,000-8,000 บาท อาศัยบ้านพักฟรี น้ำ-ไฟฟรีของมหาวิทยาลัย เงินที่เหลือจากกินก็เก็บไว้ให้หลานหมด เพราะเห็นว่าเขาตั้งใจเรียนได้เกรด 4 ทุกเทอม บวกกับเท่าที่ตนเห็น หลานเป็นเด็กดี นิสัยใจคอก็ไม่ก้าวร้าว ไม่ได้พกปืนผาหน้าไม้ ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ไม่เคยลักขโมย ไม่มีเรื่องยาเสพติด เพราะตนก็พยายามบ่มสอนตลอดว่าให้ตั้งใจเรียน เพราะย่าหาเงินกว่าจะได้มาแต่ละบาทมันเหนื่อย หลานเองก็รับปาก "ครับ ครับ" แต่ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพอหลุดจากการดูแลของตนที่บ้าน แล้วไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนหลานจะเป็นอย่างไร
เมื่อวานที่ทราบเรื่องว่าตำรวจมารออยู่ที่บ้านพักก็ตกใจ กังวลไปหมดว่าใครไปทำอะไรที่ไหนไว้อีก แล้วพอมาถึงก็ทราบว่าหลานไปก่อเหตุแบบนี้ก็ถึงกับเข่าทรุด ร้องไห้ออกมาโดยอัตโนมัติ คิดไม่ถึงเลยว่าหลานจะทำแบบนี้ และตัวเองก็ทำงานจนไม่ได้ติดตามข่าวด้วย
วันนี้หลังถูกคุมตัวตนก็ไปยื่นประกันตัวด้วยทรัพย์สินเงินสด 7,000 บาท พอเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวออกมาก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับหลานเลย รู้แค่ว่าเขาบอกจะออกไปเอาของกับเพื่อน ตนยอมรับว่าเครียดมาก อยากบอกกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่าเสียใจด้วย อยากขอโทษแทนหลาน เพราะการที่หลานทำแบบนี้ตนก็เสียใจ เลี้ยงมาสอนให้เป็นคนดีตลอด แต่หลานก็จะต้องรับผิดทำตามขั้นตอนของกฎหมาย แล้วหากมีโอกาสก็จะพาหลานไปกราบขอขมาศพ
Advertisement