วันที่ 14 ธ.ค. 64 เวลา 10.30 น. ทีมข่าวลงพื้นที่ สภ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โดยมีทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความช่วยคดีทำร้ายร่างกายนายฟ้า เดินทางมาพร้อมกับนายฟ้า อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย และนายจอร์น พี่ชายนายฟ้า พบกับพนักงานสอบสวน เพื่อขอคัดสำเนาเอกสารราชการ และแจ้งเอกสารสูญหายเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชน ที่เจ๊กั้งมีการยึดไปจากนายฟ้า เพื่อที่จะไปทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่
ในวันนี้ยังเป็นการสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากที่ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับคลิปจากพลเมืองดีเผยพฤติกรรมการทำร้ายนายฟ้าพนักงานสอบสวนได้มีการขอคลิปดังกล่าวไปเพื่อเป็นหลักฐาน สอบเพิ่มเติมพลเมืองดีรายดังกล่าว สืบทราบมาว่าการกระทำของเจ๊กั้ง กับนายอ้วนแล้วมีบุคคลที่ 3 ร่วมทำร้ายร่างกายนายฟ้าด้วย
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง เปิดเผยว่า มีการตรวจสอบบัญชีของธนาคารกสิกรไทย จากสาขาดังกล่าวที่นายฟ้าเคยให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน พบว่านายฟ้าได้มีการเปิดบัญชีกับทางธนาคาร 2 เล่ม เล่มแรกเป็นชื่อบัญชีส่วนบุคคล เปิดบัญชีเมื่อ วันที่ 25 มี.ค. 54 มีเงินฝาก 51 รายการ เป็นยอด 1,184,499.48 บาท รายการถอนเงิน 27 รายการ เป็นเงิน 1,179,047.66 บาท ล่าสุด มียอดคงเหลือ วันที่ 27 ก.ย. 64 จำนวน 5,451.82 บาท
ส่วนบัญชีเล่มที่ 2 ใช้ชื่อ "ร้านฟอนต์ดีไซน์ โดยจิรวัฒน์ เล้าสุวรรณ์" เปิดบัญชี เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 55 มีเงินฝาก 236 รายการ เป็นเงิน 22,529,522.99 บาท รายการถอน 364 รายการ เป็นเงิน 22,403,501 บาท ล่าสุด มียอดคงเหลือวันที่ 8 ธ.ค. 64 จำนวน 122,216.00 บาท
นายเกิดผล กล่าวว่า วันนี้ตนเองเดินทางมาเพื่อขอคัดสำเนาเอกสารราชการ ที่อยู่ในระบบทะเบียนราษฏร์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะนำเอกสารดังกล่าวไปขอยื่นกับทางธนาคารกสิกรไทย สาขาเทสโก้โลตัสอินทร์บุรี เพื่อที่จะมีการตรวจสอบเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน และบัญชีที่ตัวของนายฟ้าอ้างว่ามีการเปิดบัญชีเอาไว้ ยังมีการเซ็นเช็คหลายใบ คาดว่าอาจเป็นสมุดบัญชีประเภทสะสมทรัพย์หรือแบบกระแสรายวัน ทั้งนี้ จะไปออกบัตรประจำตัวประชาชนใบใหม่ทดแทนตัวที่เจ๊กั้งยึดเอาไว้ด้วย
เหตุผลที่ต้องมีการไปติดต่อกับทางธนาคารเป็นเพราะว่ากลัวว่านายฟ้าจะกลายเป็นมีหนี้ก้อนโต หรือจะต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับภาษีอากร หรือเกี่ยวข้องกับทางการเรียกคืนภาษีจำนวนมาก เนื่องจากทราบว่ามีการเซ็นเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้า หรือแม้แต่การจ่ายเงินให้กับลูกค้า แต่อาจจะเกิดเหตุการณ์เช็คเด้ง และผลเสียจะตกมาลงที่ฟ้า เนื่องจากเป็นผู้รับผิดชอบมีชื่อปรากฏอยู่ในบริษัทดังกล่าว หากมีการดำเนินการไม่ถูกต้อง หรือพบว่าเช็คมีปัญหาก็อาจประกาศหมายเลขเช็คให้สาธารณะชนรับทราบ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น
ส่วนกรณีการจดทะเบียนประกอบธุรกิจ ยังไม่ได้มีการจดประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัด แต่เป็นเพียงการจดทางพาณิชย์ หรือทะเบียนการค้า ประเภทร้านดีไซน์ป้าย โดยมีชื่อจดทะเบียนว่า "ร้าน ฟอนต์ดีไซน์" และมีชื่อของนายฟ้าเติมท้าย ฉะนั้นจึงต้องมีการดำเนินการตรวจสอบบัญชีทั้งหมดเพื่ออายัดไว้
เมื่อเวลา 11.00 น. ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้พานายฟ้าพร้อมครอบครัว เดินทางไปที่ว่าการอำเภออินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งอยู่ติดกับโรงพัก มีการติดต่อขอทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ ซึ่งให้ทางครอบครัวเป็นคนยืนยันตัวตน หลังจากใช้เวลาในการทำบัตรประมาณ 15 นาที มีปลัดประจำอำเภอเป็นผู้มอบบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกใหม่ให้กับตัวของนายฟ้า
เวลา 11.40 น. ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้เดินทางไปพร้อมกับนายฟ้า และนายจอร์น ไปที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาเทสโก้โลตัส อินทร์บุรี ขอยืนยันตัวตนกับทางธนาคาร เพื่อเรียกดูสเตตเมนต์ทั้งหมด โดยใช้เวลาติดต่อกับทางธนาคารประมาณ 40 นาที ก่อนที่จะเดินทางกลับออกมา พร้อมเปิดเผยอีกครั้งว่า ในฐานะทีมทนายความ มีการให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลที่ 3 คือสามีของเจ๊กั้ง ที่พนักงานสอบสวนทราบว่ามีคลิปจากทีมข่าวที่นำเสนอ มีพฤติกรรมของพยานยืนยันว่านายนพรัตน์ร่วมทำร้ายร่างกายนายฟ้า จึงได้มีการให้ปากคำเพิ่มเติม
ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะมีการสอบปากคำพยานแวดล้อม ก่อนที่จะออกหมายเรียกเชิญตัว ถ้าหากพบว่ามีมูลความจริง ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายต่อไป ส่วนคนงานที่อยู่ในบ้านอาจจะรู้เห็นแต่ไม่มีการห้ามปราม ไม่รู้ว่าพนักงานสอบสวนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากลุ่มคนงานหรือไม่ หากนายฟ้ายืนยันว่าอยากให้มีการเอาผิดคนงานด้วยนั้น ก็สามารถที่จะเอาผิดในข้อหาพบเห็นการกระทำผิดแต่ไม่ห้ามปรามหรือให้การช่วยเหลือ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ
นายฟ้า ผู้เสียหาย เปิดใจว่า หลังจากที่ตนเองไปตรวจสอบสเตตเมนต์ในบัญชีธนาคาร มีเงินมากกว่า 22 ล้านบาท ยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ ไม่คิดว่าในบัญชีที่เจ๊กั้งพาไปเปิดจะมีมูลค่ามากขนาดนั้น ตัวเองไม่เคยจับเงิน ไม่เคยเห็นตัวเลข ได้แต่เซ็นเอกสาร วันนี้เข้าใจแล้วว่าเป็นใบฝาก-ถอนล่วงหน้า เหตุผลที่ตนเองมีความจำเป็นต้องถูกบังคับให้เซ็น เพราะช่วงปลายปี 2563 เจ๊กั้งทำบัตรเอทีเอ็มหาย
ช่วงระยะหลังจำได้ว่าตอนที่ตนเองหนีออกจากบ้านครั้งแรก เจ๊กั้งกลัวว่าจะไม่มีคนฝาก-ถอนให้ จึงต้องมีการบังคับให้เซ็นเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งส่วนตัวก็มีความกังวลว่าการที่มีชื่อเกี่ยวกับการทำธุรกรรมจะก่อให้เกิดหนี้สิน อาจจะถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เนื่องจากมีมูลค่าเงินค่อนข้างมาก แต่ก็คงปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ของทนายความและตำรวจ
ย้อนกลับไปประมาณ 9 ปี ก่อนเจ๊กั้งมาวาดฝันให้กับตนเองว่าจะเปิดบริษัทและยกให้เป็นเจ้าของ ตอนนั้นมีการเปิดบริษัททำเกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ มีการจัดตั้งร้านกับกรมการค้า ไม่ถึงกับจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด ตนเองก็พอทราบว่าชื่อดังกล่าวมีการจดทะเบียนเพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ แต่ก็ไม่เคยเห็นรูปแบบหรือหน้าร้าน เพราะทั้งหมดเจ๊กั้งเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด
นอกจากนี้ สามีของเจ๊กั้งไม่ได้มีการร่วมก่อเหตุพร้อมกับเจ๊และนายอ้วน แต่เป็นการก่อเหตุแยกส่วนกัน ไม่ได้มองว่าเป็นการทำร้ายร่างกายโดยตรง แต่เป็นเพียงการสั่งสอน ทุกครั้งที่ตัวเองทำผิด เช่น ขโมยเงินไปซื้อขนม หรือแอบกินขนมโดยไม่บอก ก็ถูกนายสามีของเจ๊ใช้ไม้เบสบอลตีสั่งสอน ไม่ได้หวังที่จะให้มีเลือดตกยางออก ทั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนมีหลักฐานเชื่อมโยงว่าน์มีส่วนเกี่ยวข้องก็ให้ว่าไปตามกฎหมาย ต่สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมสำหรับคนงานในบ้าน เรื่องการห้ามปรามหรือจับยังไม่ให้มีการทำร้ายร่างกาย ตนเองมองว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะไม่ได้มีการร่วมทำร้ายตนเอง
ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของเจ๊กั้ง เพื่อที่จะเข้าพูดคุยกับนายนพรัตน์ แฟนของเจ๊กั้ง แต่พบว่าบ้านหลังดังกล่าวยังคงปิดเงียบ มีเพียงคนงานอาศัยอยู่ ซึ่งชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า นายนพรัตน์จะเดินทางมาวันเว้นวัน เพราะแยกกันทำธุรกิจ ไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุประจำ
นายกฤษ (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ พยานที่ให้การกับพนักงานสอบสวนยืนยันพฤติกรรมนายนพรัตน์ แฟนของเจ๊กั้ง ที่มีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายนายฟ้า เปิดใจว่า ชาวบ้านในพื้นที่เข้าใจว่าตำรวจมีหลักฐานเชื่อมโยงเอาผิดได้แค่เจ๊กั้งกับนายอ้วน ไม่คิดว่า จะมีการสืบจนกระทั่งเตรียมมีการเอาผิดนายนพรัตน์ แฟนของเจ๊กั้งด้วย ยอมรับว่าไม่ใช่เพียงแค่เจ๊กับนายอ้วน แต่นายนพรัตน์มีการทำร้ายนายฟ้าตีด้วยไม้เบสบอล ท่อพีวีชี ซึ่งไม่ได้ร่วมการทำผิดพร้อมกัน เพราะเวลาตีนายฟ้านายนพรัตน์จะทำตีแยกต่างหาก อ้างว่าสอนไม่ฟัง หรือมีการลักขโมยของ
หากมีการเรียกลำดับความโหดร้าย และการก่อเหตุกับนายฟ้านั้น ตัวของเจ๊กั้ง จะเป็นคนที่ใช้ความรุนแรงและความโหดกว่าคนอื่น ช่วงหลังเหมือนเจ๊กั้งวางมือให้นายอ้วนเป็นคนเหมือนใช้ความรุนแรงแทน มีหลายครั้งที่เจ๊และนายอ้วนร่วมกันทำร้ายพร้อมกัน แต่จะไม่มีนายนพรัตน์ไปร่วมก่อเหตุ นับตั้งแต่ที่ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงพบเห็นตั้งแต่ปี 2560 จนกระทั่งปัจจุบันก่อนที่ฟ้าจะหลบหนี ยอมรับว่าการก่อเหตุไม่ใช่เป็นการกระทำที่ปิดบังซ่อนเร้นแต่อย่างใด เพราะเวลาที่ก่อเหตุก็ทำทั้งลานกลางแจ้ง และภายในห้องส่วนของโรงเก็บปุ๋ย ได้ยินเสียงทุบตีด้วยของแข็งและเสียงของฟ้าก็จะร้องขอชีวิต ยิ่งมีชาวบ้านพบเห็นยิ่งมีคนยืนดู ยิ่งมีคนเข้าไปพยายามจะห้ามและช่วยเหลือ ยิ่งฟ้าร้องขอก็ยิ่งทุบตีหนักขึ้น ดังนั้นระยะหลังชาวบ้านจึงพยายามเพิกเฉย และไม่เข้าไปยุ่ง เพื่อทำให้ตัวฟ้าโดนทำร้ายน้อยลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อำมหิต! ลูกจ้างถูกแป๊บตีไข่เน่าตัวเหวอะ เจ๊ลั่นทุบจู๋โด่ใส่หน้า อู้เลี้ยงหมา 30 ตัว (คลิป)
- จับแล้วเจ๊กั้งนายโหดท่อแป๊บฟาดจู๋เน่า โต้แผลเหวอะหมาขย้ำ ยันแค่ขู่กินขี้ (คลิป)
- หลักฐานมัด! แก๊งเจ๊กั้งทืบ "ฟ้า" สลบคาเท้า แฉน้องถูกจับล่ามน้ำสาดห้ามคนช่วย (คลิป)
Advertisement