เมื่อวันที่ 17 เม.ย.65 เวลาประมาณ 15.00 น. ร.ต.ท.เดชาธร ชมศิริ รอง สว.(สอบสวน) สน.โชคชัย ได้รับแจ้งเหตุชายถูกอาวุธมีดแทงเสียชีวิต บริเวณซอยลาดพร้าว 63 แยก 6 แขวงวังทอง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู รอง ผบก.น.4, พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.โชคชัย, เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ อยู่ลึกเข้าไปในซอยดังกล่าวประมาณ 200 เมตร พบศพนายไกร ทีบัวบาน อายุ 44 ปี อาชีพคนเก็บของเก่า สภาพสวมเสื้อเชิ๊ตสีดำลายดอกไม้สีส้มชมพู สวมกางเกงขาสั้นสีเขียว นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บริเวณหน้าร้าน พบบาดแผลถูกของมีคมแทงบริเวณหลังกกหูด้านขวา และพบอาวุธมีด ความยาว 6 นิ้ว ตกอยู่ภายในร้าน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัว นายสถาพร มนธิสา หรือ นัท อายุ 41 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ผู้ก่อเหตุ ได้บริเวณใกล้เคียง พร้อมของกลางอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ
ล่าสุดวันที่ 17 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบว่าลักษณะเป็นตึกแถว อยู่ภายในซอยลาดพร้าว 63 โดยนางขาจู พอเจริญวัฒนากุล อายุ 71 ปี เจ้าของร้านที่เกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ยินเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย แต่ไม่รู้ว่าใครมีปัญหาอะไรกัน เนื่องจากตนทำกับข้าวอยู่หลังบ้าน
หลังจากนั้นก็ทราบว่ามีคนถูกแทงเสียชีวิตหน้าบ้าน ทั้งนี้ ตนรู้จักกับทั้ง 2 คน เพราะเป็นลูกค้าที่มักจะมาซื้อของที่ร้าน ทั้งคู่ไม่เคยมีปัญหากัน แต่ตนยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนี้น่าจะมีการทำบุญที่หน้าร้าน เนื่องจากมีคนมาเสียชีวิต
ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณตรงข้ามร้านที่เกิดเหตุ สามารถจับภาพช่วงที่ผู้ตาย เดินออกมาจากซอยบ้าน เวลา 14.34 น. จากนั้นเดินเข้าไปในร้านที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นคนก่อเหตุสวมเสื้อคลุม เดินออกมาจากร้าน ก่อนจะเดินหลบหนี เห็นผู้ตายเลือดไหลหน้าร้านก่อนจะค่อย ๆ นอนล้มลงดินทุรนทุราย และเจ้าของร้านเดินออกมาโทรศัพท์แจ้งตำรวจ
ทีมข่าวพูดคุยกับนางอุไร ศรีบัวบาน 64 ปี แม่ผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลูกของตนบอกว่าจะไปซื้อเหล้าที่ร้านค้า ถือเงินไป 30 บาท ตนรออยู่นาน เพราะลูกไม่กลับมาเสียที จนมาทราบว่าลูกชายเป็นศพ ตนแทบหัวใจสลายเพราะเสียใจมาก ๆ อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าลูกชายเป็นคนเงียบ ๆ ไม่เคยมีปัญหากับคนที่ก่อเหตุมาก่อน และตนก็อยากให้ผู้ก่อเหตุชดใช้ค่าเสียหายให้กับครอบครัว รวมถึงมาขอขมาศพลูกชายด้วย
ด้านนายสุภี บุญทิสา อายุ 43 ปี พี่ชายของผู้ก่อเหตุ เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าตนยังนั่งดื่มเหล้ากับน้องชาย ทราบว่าน้องชาย ก็เมาพอสมควร หลังจากนั้นตนเข้านอนก็ไม่ทราบว่าน้องชายไปที่ไหนต่อ มาทราบอีกทีก็ช่วงเกิดเหตุแล้ว ก่อนหน้านี้น้องชายกับผู้ตายเคยทำงานร่วมกันเป็นครั้งคราวที่โรงงานแห่งหนึ่ง โดยทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ครั้งนี้คาดว่าน้องชายน่าจะเมาจนขาดสติ
"น้องชายเคยติดคุก 3 ปี ข้อหาข่มขืนและชิงทรัพย์ และเพิ่งจะพ้นโทษออกมา 2 ปีครับ ผมก็ต้องขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตแทนน้องชาย ผมยืนยันว่าจะให้น้องชายชดใช้กรรม และได้รับโทษตามกฎหมาย เพราะผมก็ไม่ได้มีเงินมากที่จะประกันตัวน้องชาย" พี่ชายผู้ก่อเหตุ กล่าวทิ้งท้าย
Advertisement