พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว "สายตรวจไซเบอร์" ตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหา ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ และ ไลฟ์สดเล่นการพนัน โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ บอกว่า ตำรวจไซเบอร์เริ่มปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจำนวน 6 ปฏิบัติการ ดังนี้
ปฏิบัติการที่ 1 กก.3 บกสอท.1 ได้สืบสวนพบว่า มีผู้ลักลอบนำเข้าบุหรี่และจำหน่ายบุหรี่หนีภาษี บริเวณเต็นท์ขายสินค้าไม่มีชื่อ ข้างร้านสะดวกซื้อริมถนนเคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้น สามารถจับกุมนายเอกสิทธิ์ หรือ บาส (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี พร้อมของกลาง บุหรี่ต่างประเทศหลายยี่ห้อ 28 รายการ 71 ชิ้น และเงินสด 1,380 บาท
จึงแจ้งข้อหา "ครอบครองยาสูบที่มิได้เสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้เกินกว่าห้าร้อยกรัม หรือยาสูบประเภทยาเส้นที่มิได้เสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้เกินกว่าหนึ่งกิโลกรัม เว้นแต่เป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่ได้รับใบอนุญาตให้ผลิตยาสูบมีไว้ในโรงอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าทัณฑ์บน" "มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้า(บุหรี่)ที่เป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน" "ขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้า(บุหรี่)ที่เป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน" และ "ฝ่าฝืนมาตรา 246 แห่งพระราชบัญญัติ ศุลกากร พ.ศ.2560 กรณีช่วย ซ่อนเร้นช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา๒๔๒ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560"
ปฏิบัติการที่ 2 กก.4 บก.สอท.1 ได้รับการร้องเรียนว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า บริเวณเพิงพักไม่มีเลขที่ ริมถนนงามวงศ์วาน 25 แยก4 ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ร่วมกันวางแผนล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว จนสามารถจับกุมนายธีระยุทธ หรือ อั้น (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี พร้อมร่วมกันตรวจค้นภายในเพิ่งพักดังกล่าวพบ บุหรี่ไฟฟ้ากว่า 400 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท
จึงแจ้งข้อหา"ขายหรือให้บริการ บุหรี่ไฟฟ้า (ตาม พร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562)", "ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่อง ด้วยความผิดตามมาตรา 242 (ของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือเคลื่อนย้ายของออกไปจากยานพาหนะคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคง ท่าเรือรับอนุญาต หรือเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร)"
ปฏิบัติการที่ 3 กก.2 บก.สอท.2 ได้นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้น บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.5ต.บ้านบึง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พบน.ส.ทานตะวัน (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐาน "ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการขายสินค้าที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้า , น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ) และช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการทางศุลกากร" พร้อมทั้งตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าชนิดพร้อมสูบ น้ำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
ปฏิบัติการที่ 4 กก.1 บก.สอท.3 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าพบบุคคลลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าใกล้บริเวณสถานศึกษา จึงได้สืบสวนสอบสวน จนขออำนาจศาลออกหมายค้นห้องพักของอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ย่านถนนประชาสงเคราะห์ แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานศึกษาจำนวน 2 แห่ง เป็นโรงเรียนเด็กพิเศษที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม และโรงเรียนประถมศึกษาตั้งอยู่ห่างจากร้านประมาณ 200 เมตร
จากการตรวจค้น สามารถจับกุม นายเกียรติศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี พร้อมของกลาง บุหรี่ไฟฟ้าคละสีคละยี่ห้อ 17 ชิ้น และ pod คละสี คละกลิ่น 5 ชิ้น จึงแจ้งข้อหา "ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย รับไว้โดยประการใดซึ่ง (บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) ของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยเป็นของที่ไม่ผ่านด่านศุลกากร"
ปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ตรวจสอบพบบุคคลในโซเชียลมีเดียมีพฤติการณ์จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ จึงได้สืบสวน และขออำนาจศาลออกหมายค้นห้องแถวของอาคารพานิชย์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น และขยายผลต่อเนื่องไปยังบ้านพักอีกแห่งในพื้นที่ ม.23 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น
จากการตรวจค้น สามารถจับกุม นายพัชรพล (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ได้พร้อมของกลางบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบ 532 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท โดยแจ้งข้อหา "ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียซื้อรับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรและขายสิน ค้าที่คณะกรรมการกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำ ยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า) นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า จากปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่หนีภาษีทั้ง 5 ปฏิบัติการ สามารถจับกุม ผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 5 ราย ตรวจยึดของกลางนับพันชิ้น รวมมูลค่าของกลางทั้งหมดกว่า 1 ล้านบาท
และปฏิบัติการที่ 6 เจ้าหน้าที่สายตรวจไซเบอร์ กก.4 บก.สอท.2 ได้ตรวจพบบุคคลไลฟ์สดเล่นการพนันออนไลน์ จึงได้ทำการสืบสวนจนสามารถขออำนาจศาลออกหมายค้นและหมายจับได้สำเร็จ ต่อมาได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.8 ต.นาเกลือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
โดยสามารถจับกุม นายวิโรจน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นอุปกรณ์ไลฟ์สดเล่นพนันไฮโล, โทรศัพท์มือถือที่มีข้อมูลการรับแทงพนันไฮโล, รถจักรยานยนต์ 4 คัน และ รถยนต์ Honda Jazz จำนวน 1 คัน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นปฏิบัติการนี้ มีการออกหมายจับผู้ต้องหาอยู่ 2 ราย คือ 1. นายวิโรจน์และ 2. น.ส.กรรณิกา (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี โดยจับกุมไว้ได้ทั้งหมดทั้งนี้ยังมีการจับกุมผู้ต้องหาซึ่งหน้าได้อีก 6 ราย เบื้องต้นมีรายงานว่าผู้ต้องหาทั้งหมดมีการผลัดเปลี่ยนในการทำหน้าที่ไลฟ์สด,แอดมินและ ผู้ช่วยไลฟ์สด
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ขบวนการดังกล่าวทำมาประมาณ 3-4 ปีแล้ว โดยเปลี่ยนสถานที่ไลฟ์สด และ Account ในการไลฟ์สดไปเรื่อยๆเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของตำรวจ โดยนายวิโรจน์ จะกดถอนวันละประมาณ 70,000 บาท ทุกวัน ตรวจสอบพบเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารประมาณกว่า 2 ล้านบาทต่อเดือน รวมเงินหมุนเวียนประมาณ 25 ล้านบาทต่อปี ซึ่งนายวิโรจน์ ยอมจำนนต่อหลักฐาน ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ในระหว่างสอบปากคำว่าเข้าข่ายความผิดใด
โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหากลุ่มนี้จะมีการชักชวน ผู้เข้ามาเล่นพนันไฮโลโดยการยิงแอดโฆษณาผ่าน Facebook ซึ่งจะให้ผู้เข้าเล่นลงเดิมพัน ครั้งละ 1,000 บาท ใน 8 กล่องตัวเลข โดยอ้างว่าใส่เงินรางวัลเข้าไป 2 กล่อง จากทั้งหมด 8 กล่อง โดยจะมีหน้าม้า 2 คนเข้าร่วมเล่นด้วย โดยในแต่ละรอบ ในเเต่ละรอบจะมีผู้เข้าแทงทั้งหมดรวม 7 คน ซึ่งจะให้หน้าม้าเป็นคนแทงนำกล่องที่มีรางวัลไปก่อน และให้ผู้เข้าร่วมเล่นแทงกล่องที่เหลือซึ่งเป็นกล่องที่ไม่มีรางวัล
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าหรือบุหรี่หนีภาษี และการพนันออนไลน์ เป็นประเด็นที่รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังให้ความสำคัญ ตำรวจไซเบอร์จึงเพิ่มความเข้มข้นในการสืบสวนและการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลและหาข้อมูลเชื่อมโยงไปยังระดับผู้ปฏิบัติรายอื่นๆ จนสาวไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่คอยสั่งการ เพื่อเร่งนำตัวผู้ต้องหาทั้งขบวนการมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
Advertisement