ความคืบหน้ากรณีเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" ได้โพสต์รูปภาพ พร้อมระบุข้อความว่า "เบื้องต้นฝากทางผู้สื่อข่าวและทางเจ้าหน้าที่ช่วยตรวจว่าเหตุช่วงกลางดึกคืนวันที่ 25 ก.พ. ก่อนพบศพแตงโมโดยมีคนพบว่าคืนนั้นมีรถของมูลนิธิฯ วิ่งเข้าไปในซอยจรัญ 92 จำนวนหลายคันและจอดแถวบริเวณแลมป์จอดเรือ ซึ่งมีคนอ้างว่าเจ้าของที่นี่ก็คือชายผู้พบเห็นร่างแตงโมเป็นคนแรกในช่วงสาย ๆ ของวันที่ 26 ก.พ. แล้วเหตุการณ์ในคืนนั้นคืออะไร? จริงหรือไม่ ฝากตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดให้ด้วย"
ล่าสุดวันที่ 29 พ.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังสถานที่ซึ่งปรากฏตามภาพ อยู่ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 พบว่าเป็นแลมป์จอดเรือของเอกชน 92 Marina ซึ่งให้บริการรับฝากเรือ ซ่อมเรือและแลมป์ขึ้น-ลงเรือ เเต่วันนี้มีการปิดให้บริการ เเละมีป้ายติดว่ "พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้า"
จากการสังเกตภายในพบว่ามีเรือสปีดโบ๊ตจอดอยู่หลายลำ มีกล้องวงจรปิดหลายตัว ส่วนบริเวณโดยรอบ รายล้อมไปด้วยโกดังเก็บสินค้าให้เช่ามากมาย ไม่มีบ้านเรือนประชาชน ส่วนพื้นที่ถัดออกไปจะเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งปิดทำการตั้งเเต่เวลา 17.00 น. ดังนั้นในช่วงกลางคืน จึงไม่มีคนพบเห็นรถกู้ภัย
นายปฏิการ มุขตารี เปิดเผยว่า ทีมข่าวได้ติดต่อไปยังผู้ดูแลแลมป์เรือ ได้ให้ข้อมูลว่าคืนวันที่ 25 ก.พ. 65 ต่อเนื่องเช้าวันที่ 26 ก.พ. 65 เวลา 01.30 น. ได้รับการประสานจากกู้ภัย ขอใช้พื้นที่ขึ้นลงเรือเพื่อตามหาแตงโม หลังจากเจอร่างเเตงโมในวันที่ 26 ก.พ. 65 ทั้งหมดก็เก็บอุปกรณ์ เเละถอนกำลังออกจากพื้นที่ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีเเตงโม ส่วนเสี่ยสมพงษ์ซึ่งเป็นผู้เจอร่างเป็นคนเเรก เป็นเพียงลูกค้าที่มาเช่าพื้นที่จอดเรือ ไม่ได้เป็นเจ้าของเเลมป์ตามที่ถูกกล่าวหา
ส่วนที่โซเชียลตั้งข้อสงสัยเสี่ยสมพงษ์จะเกี่ยวข้องกับคดี ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเกี่ยวข้อง เพราะเสี่ยสมพงษ์เดินทางมาที่เเลมป์ในวันที่ 26 ก.พ. และนำเรือลงน้ำในวันดังกล่าว เจตนาเพื่อช่วยตามหาเเตงโม ส่วนช่วงวันที่ 24-25 ก.พ. ในช่วงเวลาเกิดเหตุ เรือเสี่ยสมพงษ์ยังจอดอยู่ที่เเลมป์ ไม่ได้เอาลงน้ำ
ต่อมายังมีคนนำภาพเรือของเสี่ยสมพงษ์ไปลงโซเชียล ขณะจอดอยู่ที่ท่าเรือ ริเวอร์เดล จ.ปทุมธานี นำไปโยงกับภาพถ่ายของเเตงโม ที่มีฉากหลังเป็นท่าเรือดังกล่าว ขอยืนยันว่าภาพดังกล่าว คือวันที่ 28 ก.พ. เสี่ยสมพงษ์ได้ขับเรือไปที่ท่าเรือริเวอร์เดล เพื่อร่วมงานสัมนาทางธุรกิจ ซึ่งมีตนเองเเละเพื่อนรวม 4 คน เดินทางไปด้วย โดยออกเดินทางจากเเลมป์ในเวลาประมาณ 15.30-16.00 น. เดินทางถึงท่าเรือริเวอร์เดล ปทุมธานี เวลา 17.00 น. และเดินทางกลับในเวลา 18.30 น. ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีเเตงโม เพราะเป็นคนละวันกัน
ทั้งนี้ฝากถึงโซเชียลให้เเสดงความคิดเห็นอยู่ในพื้นฐานของข้อเท็จจริง อย่ากล่าวหาเกินขอบเขต เพราะตอนนี้นอกจากกล่าวหาเเลมป์เรือเเล้ว ยังโยงไปถึงคอกม้าที่อยู่ข้างเเลมป์เรือ ซึ่งเป็นคอกม้าของตนเอง กล่าวหาว่าเป็นสถานที่ฆาตกรรมเเตงโม ซึ่งไม่เป็นความจริง ทำให้เเลมป์เรือเเละคอกม้าได้รับความเสียหาย ดังนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน หากใครกล่าวหาให้ได้รับความเสียหาย ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาดำเนินคดีต่อไป
วันที่ 29 พ.ค. 65 ทีมข่าวได้ติดต่อไปยังเสี่ยสมพงษ์ ซึ่งเจ้าตัวยังคงปฏิเสธชี้แจง ให้ข้อมูลว่าไม่ต่างจากทุกครั้งที่โซเชียลจับโยงประเด็นไปเอง ดังนั้นการตอบคำถามก็เป็นเพียงแค่การโต้ประเด็นความคิดเห็นของโซเชียลเท่านั้น ซึ่งทุกอย่างที่เป็นความจริงก็ปรากฏอยู่ในสำนวนคดี หรือถูกจัดเก็บเป็นหลักฐานในคดีแล้ว ฉะนั้นจึงไม่ขอออกมาตอบโต้หรือชี้แจงเรื่องที่คนคิดกันไปเอง
นอกจากนี้ การจอดเรือสปีดโบ๊ตลำที่ใช้ในการค้นหา จนกระทั่งเจอร่างของนางสาวแตงโมในวันที่ 26 พ.ค. เป็นเรือสปีดโบ๊ตที่จอดที่อู่เรือ 92 มารีน่า แบบเช่าพื้นที่จอดเรือ และต้องนำขึ้นลงที่อู่เรือดังกล่าวเท่านั้น
ช่วงวันที่ 25-26 ก.พ. ที่อู่เรือดังกล่าวมีอาสากู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางมาประสานเพื่อขอใช้พื้นที่สำหรับเป็นศูนย์ประสานงานและบัญชาการในการค้นหา รวมทั้งเป็นจุดสำหรับขึ้นลงเรือกู้ภัย ฉะนั้นจึงนำภาพนิ่งจากกล้องวงจรปิดของคืนวันที่ 25 ก.พ. มาเปิดเผยให้เห็นว่าอู่เรือดังกล่าวมีอาสากู้ภัยมาใช้สถานที่ สำหรับในการประสานงานและนำเรือกู้ภัยขึ้นลงจากน้ำเจ้าพระยา
กล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวจะเห็นว่าเรือของเสี่ยสมพงษ์ จอดอยู่เป็นลำที่ 3 นับจากซ้ายมือ ซึ่งจะมีลักษณะผ้าคลุมเอาไว้อยู่ โดยทางเสี่ยสมพงษ์ยืนยันว่า หากจะมีการนำเรือขึ้นลง ในช่วงระหว่างวันที่ 25-26 ก.พ. จะต้องผ่านสายตาของอาสากู้ภัยที่ประจำสแตนด์บายอยู่ภายในอู่เรือ เพราะมีรถอาสากู้ภัยทั้งแบบรถตู้และกระบะจอดอยู่ภายในอู่เรือ มีลักษณะขวางเป็นแนวตรง ถ้าหากจะนำเรือในอู่ขึ้นลง หรือออกจากอู่เรือก็ต้องมีการย้ายรถอาสากู้ภัยที่จอดขวง รวมทั้งถ้าหากถูกสังคมจับตามองว่าเรือของเสี่ยสมพงษ์จะมีการนำศพลงเรือและลากไปในน้ำ อย่างที่ถูกกล่าวหาคนที่จะเห็นว่าเรือของเสี่ยสมพงษ์ที่นำลงไปในน้ำ จะมีสายตาของอาสากู้ภัยที่สแตนด์บายอยู่ภายในอู่เรือ ก็จะต้องเห็นพร้อมกันทั้งหมด
นายธวัชชัย ชูรัตน์ อาสากู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ในฐานะทีมที่ประจำอยู่ที่อู่เรือ เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวหลังจากรับแจ้งเหตุว่ามีผู้ประสบภัยตกเรือ ได้นำเรือและทีมอาสากู้ภัยมุ่งหน้าไปที่สะพานพระราม 7 แต่ด้วยการปฎิบัติการต้องใช้เรือในการค้นหากลางแม่น้ำ จึงต้องอาศัยท่าเทียบเรือ ที่สามารถนำเรือกู้ภัยสำหรับขึ้นลงน้ำได้ โดยการประสานได้ติดต่อไปยังหลายอู่เรือ ซึ่งไม่สามารถที่จะนำเรือไปลงน้ำได้ จนกระทั่งได้รับการติดต่อจากอู่เรือ 92 มารีน่า อนุญาตให้อาสากู้ภัยนำเรือไปขึ้นลงได้ จึงได้เดินทางไปประจำที่จุดดังกล่าว ซึ่งอยู่ตั้งแต่วันที่ 25-26 ก.พ. โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตลอดเวลา และใช้เป็นจุดสำหรับขึ้นลงของเรือกู้ภัย และทางด้านของเจ้าของอู่เรือได้อนุญาต ให้รถอาสากู้ภัยเข้าไปจอดภายในอู่ได้ แต่ก็มีการจอดเป็นแนวเดียวลักษณะเป็นระเบียบเรียบร้อย
จนกระทั่งช่วงสายของวันที่ 25 ก.พ. ได้รับการประสานงานจากทางเจ้าของอู่เรือ ขอให้มีการขยับรถกู้ภัยที่จอดอยู่ เพื่อจะเปิดพื้นที่ให้กับเรือของลูกค้าในการนำขึ้นลงแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ซึ่งก็ไม่ทันได้สังเกตว่าเป็นเรือของใคร จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 26 ก.พ. ก็ได้รับการประสานงานอีกครั้งว่าให้มีการขยับรถของกู้ภัยที่จอดอยู่ภายในอู่เรือ มีเรือของลูกค้านำลงแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งก็มาทราบภายหลังว่าเป็นเรือของเสี่ยสมพงษ์ ที่มีการจอดอยู่ภายในอู่ แต่หากย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้าที่เริ่มไปใช้สถานที่ ก็พบว่าเรือลำดังกล่าวก็ไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายไปไหน จอดอยู่ในตำแหน่งเดิม พร้อมกับมีการคลุมผ้าเอาไว้ และทราบภายหลังว่ามีการนำลงน้ำเพื่อไปใช้งานก็คือในช่วงสายของวันที่ 26 ก.พ.
ส่วนกรณีที่โซเชียลตั้งข้อสังเกตว่า อู่เรือดังกล่าวมีคอกม้าที่อาจเป็นพื้นที่สำหรับการก่อเหตุ เชื่อว่าแตงโมเสียชีวิตจากบนบกและถูกลากลงไปในน้ำนั้น ส่วนตัวไม่ทราบสำหรับประเด็นดังกล่าว เพราะหลังจากที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของอู่เรือก็ไปใช้สถานที่ตามปกติ และไม่ได้เห็นความผิดปกติใด ๆ จากนั้นก็ขอไม่แสดงความคิดเห็นเรื่องประเด็นดังกล่าว เพราะทำหน้าที่ในส่วนของอาสาที่ไปร่วมปฏิบัติการเท่านั้น
หลังจากที่ได้รับการประสานงานให้รถอาสากู้ภัยได้มีการขยับเพื่อให้มีการนำเรือของลูกค้าลงแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงสายของวันที่ 26 ก.พ. ในตอนนั้นอาสาบางส่วนก็มีประจำจุดอยู่ที่อู่เรือ บางส่วนก็ไปช่วยค้นหาทางน้ำ แต่ทีมของตนเองอยู่แถวละแวกวัดเขมาราม ซึ่งกำลังไปช่วยค้นหาโดรนของสำนักข่าวแห่งหนึ่งที่ทำตกน้ำ ซึ่งในระหว่างการค้นหาโดนให้กับสำนักข่าวดังกล่าว สังเกตเห็นว่าพิกัดที่มีการพบศพ มีลักษณะคล้ายสิ่งของลอยขึ้นมา แต่เข้าใจว่าตอนนั้นเป็นปลาที่เน่าลอยน้ำ ไม่คิดว่าจะเป็นร่างของนางสาวแตงโมหรือผู้สูญหาย จากนั้นสังเกตเห็นว่ามีเรือของเสี่ยสมพงษ์ขับมา ก่อนที่จะหยุดอยู่กับวัตถุดังกล่าวแล้วไม่เกิน 5 นาที ได้มีการรับแจ้งทางวิทยุสื่อสารของอาสากู้ภัย ว่ามีการพบร่างของผู้เสียชีวิตซึ่งยังไม่ยืนยันว่าเป็นร่างของนางสาวแตงโม ดังนั้นจากสิ่งที่เห็นจึงยืนยันว่ามีวัตถุอยู่ที่ผิวน้ำ ก่อนที่เรือของเสี่ยสมพงษ์จะมาถึง และในตอนนั้นทีมของตนเองก็ไม่ได้เข้าไปดูว่าเป็นวัตถุอะไร เพราะเข้าใจว่ามีทีมที่อยู่เหนือน้ำและใกล้กับท่าเรือพิบูลสงคราม อาจจะมีทีมอื่นที่เข้าไปสำรวจ จึงไม่ได้เอะใจและเข้าไปดูวัตถุดังกล่าวก่อนที่เสี่ยจะมาเจอ
สำหรับกรณีที่ถูกโยง ประเด็นทางโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับคลื่นน้ำท้ายเรือของเสี่ยสมพงษ์ ทำนองว่าคลื่นน้ำอาจมีการลากวัตถุบางอย่าง เพราะเกิดคลื่นน้ำกระเพื่อมอย่างแรงนั้น ส่วนตัวในฐานะทีมอาสากู้ภัยที่เคยนำเรือออกค้นหาผู้ประสบภัยทางน้ำ โดยปกติใบพัดเรือหรือหางเสือ จะมีลักษณะตีน้ำแล้วทำให้แหวกออกเป็นลักษณะตัว V ซึ่งจากคลิปที่มีการเผยแพร่ก็จะสังเกตเห็นคลื่นน้ำมีการแว็กซ์เป็นลักษณะตัว V 1 ชั้น แต่ถ้าหากตั้งข้อสังเกตว่ามีการลากวัตถุบางอย่างท้ายเรือ ดังนั้นจะเปรียบเสมือนตอนที่เหลือกำลังวิ่งแล้วเรานำมือไปจิ้มบนผิวน้ำ จะเป็นลักษณะคลื่นแหวกออก ดังนั้นถ้าหากมีวัตถุถูกลากท้ายเรือ คลื่นน้ำลักษณะตัว V จะเป็นตัว V แบบ 2 ชั้น เพราะคลื่นน้ำก้อนแรกจะมาจากหางเสือ ส่วนชั้นที่ 2 จะมาจากวัตถุที่ถูกลาก และเปรียบเสมือนถ้าหากมีการลากก้อนหินที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนัก สุดท้ายแล้วด้วยแรงการลากก็จะทำให้ลอยขึ้นมา ไม่ได้จมอยู่ในน้ำ ซึ่งก็เป็นไปได้ยากที่มีการลากวัตถุอยู่ใต้น้ำในขณะที่เรือกำลังแล่นด้วยความเร็ว
Advertisement