กรณีเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 มิ.ย. 65 ตำรวจสภ.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งพบศพถูกฆ่าฝังดินอยู่ภายในป่าด้านหลังสนามกอล์ฟ พื้นที่หมู่ 11 บ้านคลองปอม ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงประสานผู้เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 แพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ชุดสืบสวน สภ.ทุ่งลุง ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ตำรวจกองปราบฯ และหน่วยกู้ภัย
ที่เกิดเหตุพบหลุมที่เพิ่งขุดใหม่อยู่กลางป่าละเมาะ ซึ่งเป็นเนินขึ้นไปจากชายป่า และรอยเลือดบนหลุม หน่วยกู้ภัยและชาวบ้านจึงช่วยกันขุด ปรากฏว่าพบศพถูกฝังอยู่ในหลุมลึกลงไปประมาณ 50 เซนติเมตร เป็นศพผู้ชายสภาพนอนหงาย จึงนำร่างขึ้นมาจากหลุมเพื่อชันสูตรหาสาเหตุการณ์ตายในเบื้องต้น พบว่าสวมกางเกงวอมขาสั้นสีฟ้า เสื้อกีฬาสีส้ม ถูกมัดมือไพล่หลังและมัดเท้า โดยใช้เถาวัลย์มัดเอาไว้ ใช้ผ้าสีแดงมัดปาก และมีกระเป๋าสะพายสีดำคออยู่ที่คอ ที่ศีรษะซีกขวาถูกทุบด้วยของแข็งจนยุบ
ผู้เสียชีวิตชื่อ นายหมัดดล บินสัน อายุ 40 ปี เป็นคนในพื้นที่เกิดเหตุ บ้านคลองปอม ม.11 ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ และทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทรับเหมางานตัดกิ่งไม้ของของการไฟฟ้า อ.นาหม่อม ที่หายไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานนี้
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ เป็นป่าหลังสวนกระท้อน ของชาวบ้านรายหนึ่ง ห่างจากบ้านคนตายประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อทีมข่าวลงพื้นที่มาพบว่าจุดบริเวณปากทางเข้าป่ากระท้อนที่เกิดเหตุ พบกับจุดที่คนร้ายเอามอเตอร์ไซค์ของผู้ตายมาทิ้งในสระน้ำ
ถัดเข้าอีกประมาณ 200 เมตร จะพบกับจุดที่ 2 ซึ่งเป็นจุดเจ้าหน้าที่เจอป้ายไวนิล และกระสอบ และถัดจากจุดที่เจอกระสอบไปอีก 20 เมตร เป็นจุดที่ 3 ที่เจ้าหน้าที่เจอท่อนไม้ 10 ท่อน เจอเถาวัลย์ชนิดเดียวกันกับที่ผูกเท้า และมือผู้ตาย และเจอรองเท้า พร้อมกับกระเป๋าเป้ผู้ตาย จุดนี้ก็เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่พบร่องรอยการต่อสู้อีกด้วย
ถัดจากจุดที่เจอท่อนไม้ไปอีก 20 เมตร จะเป็นจุดที่ 4 ซึ่งเป็นจุดที่พบศพผู้เสียชีวิตถูกฝังดิน ซึ่งจุดดังกล่าวจะอยู่ในพื้นที่ที่แรงงานพม่า มาพักอาศัยชั่วคราว แรงงานพม่าดังกล่าวเป็นแรงงานที่ถูกส่งไปประเทศเพื่อนบ้านมาเลเซีย
ทีมข่าวตรวจสอบจุดพบศพ พบดินถูกขุดเป็นหลุม ความกว้าง 80 ซม. ยาว 160 ซม. และลึก 50 ซม. บริเวณข้างหลุมดังกล่าว พบคราบเลือดของผู้ตาย ติดกับพื้นดินประมาณ 2 จุด ซึ่งหลุมดังกล่าวได้กลิ่นของน้ำมันเบนซิน คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีการเทน้ำมันราดศพ เพื่อให้ดับกลิ่นอีกด้วย นอกจากนี้ บริเวณจุดพบศพผู้เสียชีวิต บริเวณนี้ก็ยังเป็นที่พักของแรงงานพม่า ซึ่งมีเสื้อผ้า เศษพลาสติก เศษขวดพลาสติด และอักษรแกะสลักภาษาเมียนมาอยู่ที่จุดนี้อีกด้วย อีกทั้งบริเวณป่าแห่งนี้ก็ไม่มีบ้านคนอยู่อาศัย
นายดลรอหมาน หีมหละ อายุ 36 ปี น้องชายของผู้เสียชีวิต และเป็นผู้ที่พบศพคนแรก เล่าว่า เมื่อวาานี้เวลาประมาณ 16.00 น. นายหมัดดล พี่ชายตัวเองได้บอกว่าจะไปหาผัก หาของป่า และเก็บขวดพลาสติก ที่ในป่ารอบหมู่บ้าน เป็นกิจวัตรที่พี่ชายจะทำประจำทุกวัน และจะไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง พี่ชายก็จะกลับบ้าน
เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ พี่ชายตัวเองยังไม่ได้กลับเข้าบ้าน ทางครอบครัวก็โทรหาพี่ชาย แต่พบว่าติดต่อไม่ได้ ครอบครัวจึงพยามติดต่อหานายหมัดดลถึงเวลา 23.00 น. แต่ก็ติดต่อไม่ได้อีก เมื่อคืนนี้ตัวเองจึงได้ออกไปตามหาพี่ชายทั้งคืน แต่ไปหาที่ป่าอีกที่ ซึ่งเป็นที่พี่ชายเคยไปหาของป่าประจำ แต่ก็ไม่เจอเบาะแส
กระทั่งเวลา 06.00 น. เช้าวันนี้ ตัวเองได้ออกไปตามหาพี่ชายอีก ก่อนจะออกจากบ้าน ตัวเองได้บอกกล่าวถึงวิญญาณพ่อตัวเองที่เสียชีวิตไปว่าถ้าพี่ชายยังมีชีวิตอยู่ก็ขอให้พี่ชายกลับมาบ้าน หรือถ้าพี่ชายตัวเองเสียชีวิตแล้วก็ขอให้วิญญาณของพ่อดลใจไปให้เจอศพพี่ชายด้วย
จากนั้น ตัวเองก็ได้ชับรถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านคนเดียว ไปที่ป่าหลังสวนกระท้อนทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่พี่ชายชอบไปหาของป่า จากนั้นตัวเองก็ติดรถมอเตอร์ไซค์เดินหาพี่ชายประมาณ 20 นาที ก็เห็นนองเท้าบูทของพี่ชายวางอยู่ พร้อมกับกระเป๋าเป้ของพี่ชาย ซึ่งบริเวณนี้ยังพบท่อนไม้อีกประมาณ 10 ท่อน พร้อมกับร่องรอยการต่อสู้ที่บริเวณนั้น คาดว่าพี่ขายตัวเอง น่าจะถูกทำร้ายร่างกายที่จุดนี้
จากนั้นตัวเองจึงเดินขึ้นไปบนเนินดิน เป็นที่พักของแรงงานพม่า แต่ไม่เจอแรงงานพม่าอยู่ กระทั่งตัวเองเดินวนแถวนั้นไปเจอดินที่เพิ่งขุดใหม่ และมีคราบเลือดอยู่ที่หน้าดิน ซึ่งตัวเองก็รู้สึกเอะใจตั้งแต่เจอรองเท้าพี่ชายแล้ว จากนั้นตัวเองจึงโทรศัพท์แจ้งผู้นำชุมชน และญาติให้มาที่เกิดเหตุ กระทั่งเจ้าหน้าที่ทำการขุดศพพี่ชายขึ้นมา พบว่าศพพี่ชายมีสภาพถูกพันธนาการ มือไพล่หลัง เท้าถูกมัดด้วยเถาวัลย์ คอถูกมัดด้วยผ้า และมีแผลถูกของแข็งตีเข้าที่ศีรษะด้านขวาจนกระโหลกยุบ และจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าโทรศัพท์ของพี่ชายได้หายไป ส่วนของมีค่าอื่นไม่รู้ว่าพี่ชายมีของมีค่าติดอยู่หรือไม่
ที่ผ่านมาพี่ขายจะไม่ค่อยไปหาของป่า หรือเก็บขวดเก่าที่จุดนั้นเท่าไร ส่วนใหญ่จะไปอีกที่ โดยพี่ชายตัวเองเป็นคนเงียบ ๆ ไม่เคยมีเรื่องกับใคร เหตุที่เกิดขึ้นคาดการณ์ว่าพี่ชายอาจไปหาของป่าแล้วเจอกับพวกนายทุนที่กำลังขนแรงงานต่างชาติหรือทำผิดกฎหมายอยู่ จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้เข้ามาทำร้ายร่างกายพี่ชายจนเสียชีวิตเพื่อฆ่าปิดปาก และจุดดังกล่าวก็เป็นจุดที่นายทุนขนแรงงานต่างชาติมาพักไว้ประมาณ 1-2 คืน ก่อนจะขนแรงงานไปประเทศเพื่อนบ้านต่อ ตัวเองอยากให้จำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายให้ได้ เพราะถือเป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยม คิดว่าคนก่อเหตุมีมากกว่า 1 คนแน่นอน ตัวเองอยากให้เวรกรรมลงโทษพวกเขาถึงที่สุด
นางสาวพนิดา ชัยคีรี อายุ 42 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 16.00 น. นายหมัดดล สามีตัวเอง เขาบอกกับตัวเองว่าเขาจะไปหาของป่า แล้วเก็บขวดพลาสติกเก่าเพื่อนำไปขาย จากนั้นสามีก็เดินทางไปที่ป่าดังกล่าว ตัวเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะที่ผ่านมา สามีก็จะไปหาของป่าและเก็บของเก่าแบบนี้ประจำทุกวัน
กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. ตัวเองพบว่าสามีก็ยังไม่กลับมาบ้าน ญาติจึงพากันออกไปตามหาสามี แต่ก็ไม่เจอ โทรศัพท์ไปหาสามีก็โทรไม่ติด เช้าวันนี้ตัวเองจึงออกตามหาสามี ตามหาคนละจุดกับที่น้องชายผู้เสียชีวิตไปเจอศพ กระทั่งเวลา 08.00 น. ญาติจึงโทรมาบอกว่าพบศพสามีถูกฆ่าฝังดิน
เหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองก็มองว่าคนก่อเหตุเขาโหดเหี้ยม ทำเกินกว่าเหตุมาก ที่ผ่านมาสามีตัวเองไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน ส่วนจุดที่เจอศพตัวเองก็เคยไปหาของเก่ากับสามีที่จุดดังกล่าวมาก่อน ก็เคยเจอกับพวกแรงงานต่างด้าวที่เขาพักอาศัยที่จุดดังกล่าว ซึ่งแรงงานต่างชาติจะมาพักที่จุดดังกล่าว เพื่อรอนายทุนพาเคลื่อนย้ายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ปมที่เกิดเหตุตัวเองก็มองว่าสามีน่าจะไปเห็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย กระทั่งถูกกลุ่มดังกล่าวมาทำร้ายร่างกาย และฆ่าฝังดินดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาสามีไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน เมื่อวานนี้ก่อนสามีจะออกจากบ้าน เขาได้บอกตัวเองว่าเขาจะทำงานทุกอย่างเพื่อเก็บเงินซื้อมอเตอร์ไซค์ให้แม่ของเขา แต่เขาก็ยังไม่ทันได้ทำสำเร็จก็มาเสียชีวิตก่อน แล้วสามียังหลุดพูดคำว่า "จะไปแล้วนะ" ซึ่งตัวเองก็คิดว่าน่าจะเป็นลางสังหรณ์ มองว่าการกระทำของคนร้ายเขาคงเห็นลมหายใจของคนอื่นไม่มีค่า ถ้าคนที่ตายเป็นญาติพี่น้องเขา เขาจะรู้สึกอย่างไร
ด้านนายพันธิตร ตนยะแหละ อายุ 36 ปี สมาชิกสภาเทศบาลบ้านไร่ และเป็นผู้ดูแลที่ดินจุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่ที่พบศพนายหมัดดลนั้น เป็นพื้นที่ป่าของนายทุนรายหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้านายตัวเอง แต่ตัวเองไม่ขอระบุชื่อ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 1,400 ไร่
จุดดังกล่าวตัวเองคาดว่าน่าจะเป็นจุดพักของแรงงานต่างชาติ ที่มาพักอาศัยชั่วคราว เพื่อส่งผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งข้อมูลนี้ตัวเองก็ทราบมาจากชาวบ้าน แต่ตัวเองก็ไม่เคยเข้าไปดูบรรยากาศด้านในป่ามาก่อน แล้วชาวบ้านก็เล่าให้ตัวเองฟังว่า เวลาไปหาของป่าก็จะเจอกับแรงงานกลุ่มนี้ หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน ส่วนที่นายหมัดดล ผู้เสียชีวิต ถูกฆาตกรามนั้นตัวเองก็คิดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มแรงงานต่างชาติ แต่ก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ โดยตัวเองเป็นแค่ผู้ดูแลพื้นที่ป่าดังกล่าว แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างชาติแต่อย่างใด กลังจากเกิดเหตุชาวบ้านก็รู้สึกหวาดกลัวและผวา เนื่องจากกังวลว่าถ้าไปหาของป่า อาจจะต้องเจออันตรายก็ได้ ยิ่งตอนนี้ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้อีกด้วย
เวลา 16.00 น. พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.9 พร้อมกับตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 9 ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ และบริเวณโดยรอบเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะจอบที่กลุ่มคนร้ายใช้ขุดฝังดิน แต่ก็ไม่เจอจอบแต่อย่างใด โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ก็ได้พบกับก้อนหินเปื้อนเลือดเล็กน้อย
พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.9 ให้ข้อมูลว่า คดีนี้ผู้ตายน่าจะเข้ามาเก็บของเก่า แล้วมีปากเสียงกับกลุ่มแรงงานต่างด้าว กระทั่งมีการทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต อำพรางศพ จากนั้นกลุ่มคนร้ายก็ได้พากันออกจากพื้นที่ ตอนนี้ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่และเส้นทางเข้าออกชุมชนแล้ว จากการสอบสวนครอบครัวผู้ตายพบว่าผู้ตายไม่เคยมีปัญหากับใคร และไม่มีการขัดแย้งกันภายในครอบครัว ไม่มีเรื่องชู้สาว ตำรวจจึงมุ่งไปเรื่องการทะเลาะกันกับแรงงานต่างด้าว ส่วนประเด็นในจุดฝังศพ มีกลิ่นน้ำมันนั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ ยังตอบชัดไม่ได้ว่าจะเป็นการเทน้ำมันกับกลิ่นหรือไม่
Advertisement