เมื่อช่วงก่อน 8 โมงเช้าวันที่ 6 ม.ค. 66 เกิดเหตุคนร้ายถือมีดบุกแทงเด็กนักเรียน ด้านหน้าโรงเรียนบ้านเล้าวิทยาคาร ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนคุณครูพาเด็กนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติ เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะครูเวรกำลังยืนรอรับเด็กนักเรียนที่กำลังลงจากรถรับส่งเข้าโรงเรียน
แต่เมื่อพอรถจอด เด็กนักเรียนกำลังจะลงรถ มีคนร้ายเป็นชายขี่รถจักรยานยนต์ตามมา จอดรถแล้ววิ่งเข้าไปในรถรับส่ง และจับเด็กเด็กหญิงนารินทร์ สูงสว่าง หรือ น้องคิตตี้ อายุ 14 ปี นักเรียนหญิงชั้น ม.2 ก่อนใช้มีดทำครัวที่พกมาด้วยกระหน่ำแทงน้องต่อหน้าคุณครูและเด็กนักเรียน ต่อมาคุณครูและ ผอ.จึงรีบไปขอความช่วยเหลือจากคนในชุมชนนำส่งโรงพยาบาล
จากนั้นครูผู้ชาย 2 คน ได้ช่วยกันจับคนร้าย ทราบชื่อคือ นายปรีชา วิชัยศร อายุ 37 ปี ก่อนนำตัวส่งตำรวจ ล่าสุด นักเรียนหญิงที่ถูกแทงเสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุการลงมือ เบื้องต้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินคนร้ายพูดว่า "จะฆ่าล้างให้หมดชั่วโคตร"และทุกคนมาทราบภายหลังว่านักเรียนที่เสียชีวิตเป็นญาติของคนร้าย ขณะที่ประวัติคนร้ายเพิ่งออกจากคุกมาได้ 3 วัน
โดยระหว่างควบคุมตัวนายปรีชาเพื่อนำตัวไปโรงพัก ชาวบ้านจำนวนมากต่างตะโกนสาปแช่ง และต่อว่านายปรีชาที่ลงมือฆ่าเด็กผู้หญิงได้ลงคอ บางคนบอกว่า "จับมันเข้าคุกไปเลย" และมีชาวบ้านบางส่วนถึงกับพุ่งเข้าไปเตะเสยหน้านายปรีชา ขณะตำรวจคุมอยู่ จากนั้น ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวนายปรีชาขึ้นรถไปยัง สภ.เมืองร้อยเอ็ด เพื่อสอบปากคำกับปมเหตุในครั้งนี้
ทีมข่าวยังได้คลิปวินาทีที่เด็กนักเรียนบนรถรับส่งนักเรียนถ่ายคลิปไว้ได้ ขณะนายปรีชาขี่รถมอเตอร์ไซค์ไล่ตามน้องคิดตี้อีกด้วย ซึ่งขณะนั้น เด็กบนรถไม่มีใครคิดว่านายปรีชาจะขี่รถตามหวังจะฆ่าน้องคิดตี้ ถ่ายคลิปหัวเราะกันสนุกสนาน ภายในรถมีครูเวรผู้ชาย 2 คนอยู่บนรถด้วย
จากนั้นเมื่อรถรับส่งนักเรียนจอดภายในโรงเรียน นายปรีชาได้ขี่รถตามนักเรียน และอ้างว่าด้วยความโกรธแค้น ต้องการจะเอาชีวิตต้องคิตตี้คนเดียวภายในรถจึงจอดรถและบุกเข้าไปกระหน่ำแทงน้องคิดตี้ถึงบนรถนักเรียน ใช้มีดทำครัวที่พกมากระหน่ำแทงด้วยความแค้น เพราะคิดว่าน้องคิดตี้และครอบครัวน้องวางยาฆ่าหญ้าให้นายปรีชาปวดท้อง โดยไม่ได้ใช้ความรู้พื้นฐานที่คนปกติรู้ว่าถ้าถูกว่ายางฆ่าหญ้าคงจะตายไปนานแล้ว
จากการตรวจสอบประวัตินายปรีชา พบว่าเจ้าตัวเพิ่งพ้นโทษคดีอาวุธปืนได้เพียง 11 วัน ก่อนจะมาก่อเหตุ และจากประวัติเจ้าตัวก่อเหตุคดีทำร้ายร่างกายมาทั้งหมด 4 คดี คือ ปี 61 จำนวน 2 คดี และปี 62 จำนวน 1 คดี และปี 64 อีก 1 คดี หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจร่างกายผู้ก่อเหตุ ไม่พบสารเสพติดในร่างกายและและแอลกอฮอล์ในร่างกายแต่อย่างใด
เมื่อไปถึง สภ.เมืองร้อยเอ็ด ตำรวจได้ควบคุมตัวนายปรีชา ผู้ก่อเหตุ ปิดห้องเค้นสอบปากคำถึงสาเหตุที่ลงมือทำร้ายน้องคิตตี้ จากการสอบปากคำ นายปรีชา ได้ให้การกับตำรวจว่า ช่วงเช้าก่อนจะเกิดเหตุ เจ้าตัวปวดท้องหนักมากอย่างไม่ทราบสาเหตุ และได้ออกมานั่งอยู่หน้าบ้าน ระหว่างนั้นได้เห็นน้องคิดตี้เดินมารอขึ้นรถรับส่งนักเรียนอยู่บริเวณหน้าร้านค้า เยื้องกับบ้านของนายปรีชา ผู้ก่อเหตุพอดี
จากนั้นนายปรีชาได้หันไปสบตามองกับน้องคิดตี้ เห็นน้องคิดตี้ทำปากขมุบขมิบ และได้ยินเสียงปริศนามากระซิบข้างหูว่า "มันคือคนเอายาฆ่าหญ้าวางยามึง ทำให้ปวดท้อง" ด้วยความโมโหและแค้น จึงได้ไปหยิบมีดทำครัวในบ้าน และขี่รถมอเตอร์ไซค์ตามน้องคิตตี้ไประหว่างน้องได้ขึ้นรถรับส่งนักเรียนเพื่อไปยังโรงเรียน
เด็กหญิงบี (นามสมมติ) เพื่อนสนิทของน้องคิตตี้ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุเวลา 07.20 น. ตนเองและเพื่อนได้มานั่งรอรถรับส่งนักเรียนด้วยกันที่จุดรับส่ง จากนั้นก็เห็นว่าคนร้ายถือกระเป๋าแล้วขี่รถจักรยานยนต์ตามมา ซึ่งตอนนั้นตัวของตนและน้องคิตตี้ก็ไม่ได้สนใจคนร้ายขี่ตามมาเพื่ออะไร เพราะบนรถต่างคนก็ต่างทำกิจกรรมของตัวเอง แต่ระหว่างทางคนร้ายได้ทำมีดตกระหว่างขี่รถ เด็กนักเรียนบนรถยังชี้ให้คนร้ายเลยว่า "พี่ ๆ มีดตก" ก่อนที่คนร้ายจะจอดรถเก็บมีด และขี่รถไล่ตามมาอีก
ซึ่งระหว่างทางระยะทางกว่า 4-5 กิโลเมตร ก่อนจะถึงโรงเรียน คนร้ายขณะนั้นเวลารถจอดรับนักเรียนบ้านไหนก็จะจอดรอ และยิ้มให้ตลอดทาง กระทั่งรถมาจอดในโรงเรียนคนร้าย จู่ ๆ ก็จอดรถและพุ่งขึ้นมาที่บนรถทันที ขณะนั้นน้องคิตตี้นั่งอยู่กลางรถ บนรถมีนักเรียนประมาณ 20 คน จากนั้นคนร้ายได้เข้าไปใช้มีดแทงเข้าคอด้านขวาของเพื่อน ก่อนจะลากเพื่อนลงจากรถ และนั่งคล่อม และลงมือแทงทีอกอีก 2 แผล
ตอนนั้นทุกคนบนรถตกใจมาก รีบวิ่งหนีตาย ก่อนจะมีครูเวรผู้ชาย ได้เข้ามาช่วยจับตัวคนร้ายไว้ ซึ่งช่วงที่จับคนร้ายได้ตะโกนมาว่า "กูจะฆ่ามันล้างโคตรเลย" ซึ่งทุกคนต่างช็อกไปตามกัน ในส่วนของน้องคิตตี้ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับคนก่อเหตุ และตัวของน้องเองเป็นเด็กน่ารัก ร่าเริ่ง และยิ้มเก่งมาก และเป็นที่รักของเพื่อน ๆ การจากไป ทำให้ตนเองและเพื่อนเสียใจมาก และอยากให้กฎหมายลงโทษคนร้ายให้ถึงที่สุด ไม่ควรปล่อยออกมาให้ฆ่าคนอีกเรื่อย ๆ
ขณะเดียวกัน หลังจากสอบปากคำกับตำรวจเสร็จแล้ว ตำรวจได้คุมนายปรีชา เข้าห้องขัง ซึ่งระหว่างนั้นทีมข่าวพยายามสอบถาม นายปรีชา ผู้ก่อเหตุ เจ้าตัวมีสีหน้าที่เรียบเฉย ไม่สะทกสะท้าน และพูดแต่เพียงคำว่า “ไม่รู้” ว่าตัวเองทำไปเพราะสาเหตุใด ทีมข่าวถามต่อ ว่ามีอะไรอยากจะขอโทษน้องคิดตี้ไหม เจ้าตัวพูดสั้น ๆ "ขอโทษ"
นางสง่า วิชัยศร อายุ 67 ปี แม่ของคนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตัวของลูกชายป่วยจิตเวชมานานกว่า 10 ปี เคยพาไปรักษามาแล้วก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยหายขาด เพราะเวลาที่ลูกชายรักษาจากโรงพยาบาลแล้วกลับมาอยู่บ้านไม่เคยที่จะกินยาเลยสักครั้ง อาการของลูกชาย คือมักจะหูแว่ว เห็นใครขมิบปาก ก็จะคิดว่าเขานินทาว่าร้าย หรือจ้องทำร้าย ในอดีตก็เคยก่อเหตุทำร้ายคนอื่นมาแล้วถึง 4 คดี หนึ่งในนั้น พี่ชายของน้องคิตตี้ก็เคยถูกลูกชายทำร้ายมาแล้ว เพราะลูกชายคิดว่า ครอบครัวน้องคิตตี้ที่เป็นญาติกันและบ้านอยู่ไม่ไกลกันมา แอบมาวางยาในอาหาร
ที่ผ่านมาตนเคยเกือบถูกลูกชายทำร้ายมาแล้วด้วยเช่นกัน เพราะคิดว่าตนเอาอะไรไปฝังในหูของลูกชายจนได้ยินเสียงแว่ว มักจะคิดว่า ตนแอบเอาอะไรใส่ไปในอาหารให้ทาน จึงทำให้ทุกวันนี้ลูกชายจะไม่ยอมกินข้าวด้วย ขนาดทำนาลูกชายยังไม่ยอมกินข้าวจากนาของตัวเองเลย จะหาซื้อกินเองทั้งหมด ส่วนวันเกิดเหตุลูกชายมาขอเงิน 500 บาทช่วงเช้า แต่ตนไม่มี ลูกชายจึงบังคับให้ไปขอยืมเงินจากเพื่อนบ้าน ก่อนที่ลูกชายจะไปก่อเหตุนั้น ก็ไม่ทราบว่าลูกชายจะออกไปไหน แต่ไม่คิดว่าลูกชายจะมาทำร้ายน้องจนเสียชีวิต เพราะลูกชายกับผู้เสียชีวิตก็เป็นเครือญาติกัน ไม่เคยมีปัญหากันเลย แต่ที่ผ่านมายอมรับว่าคิดมาตลอดว่าวันหนึ่งลูกชายอาจจะหลอนไปทำร้ายชาวบ้าน แต่ไม่คิดว่าจะทำหนักถึงขั้นนี้
ส่วนพฤติกรรมของลูกชายก่อนหน้านี้เป็นคนปกติ แต่หลังจากเลิกภรรยาไป เพราะลูกชายชอบทำร้ายร่างกาย ทำให้ลูกชายเริ่มป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จิตตก และพยายามจะผูกคอฆ่าตัวตายหลายครั้งแล้ว และที่ผ่านมา ตนเองเคยจะหาทางให้ลูกชายไปบำบัด จะจับส่งตำรวจเพราะลูกชายเที่ยวไปทำร้ายชาวบ้าน แต่จับส่งตำรวจไปไม่กี่วันลูกชายก็ออกมาเหมือนเดิม จนตนเองหมดทางจะแก้ไข เรื่องที่เกิดขึ้นตนเองก็เสียใจที่ลูกชายฆ่าน้องคิตตี้เด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย และอยากให้ลูกชายรับโทษให้ถึงที่สุด จะได้ไม่ต้องออกไปทำร้ายใครอีก
คลิปกล้องวงจรปิด ห่างจากจุดที่น้องคิตตี้ขึ้นรถนักเรียนประมาณ 500 เมตร เวลาประมาณ 07.20 น. เห็นรถ 6 ล้อรับส่งนักเรียนของน้องคิตตี้ ขับไปตามทาง นอีกหมู่บ้านห่างไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร เวลา 07.30 น. จะเห็นรถนักเรียนของน้องคิตตี้ขับผ่านหน้าบ้านชาวบ้าน โดยช่วงเวลานี้จะเห็นนายปรีชาขี่รถมอเตอร์ไซค์ไล่ตามประชิดรถนักเรียน
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ในโรงเรียนห่างจากประตูทางเข้าเพียงแค่ 10 เมตรเท่านั้น และในที่เกิดเหตุยังคงมีคราบเลือดของน้องตกบนพื้นถนน ส่วนศาลาที่คนร้ายไปนั่งเช็ดมีดก็มีคราบเลือดตกอยู่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ทางญาติยังได้มีการนิมนต์พระสงฆ์มาด้วยกัน 2 รูป เพื่อมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ และมีการจุดธูปเพื่อเรียกชื่อน้องให้กลับมาบ้าน ซึ่งได้มีการรับศพมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว
ดร.ลัดดาวรรณ สืบจิต ผอ.โรงเรียนบ้านเล้าวิทยาคาร และนายประเสริฐ วรสาร ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา ร้อยเอ็ด เขต 1 ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที ซึ่งจากการสอบถามเหตุการณ์จากครูเวร และข้อมูลพบว่าก่อนหน้าจะเกิดเหตุช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นายปรีชา ผู้ก่อเหตุ ก็มีหลานวัย 4 ขวบเรียนอยู่ที่ศูนย์เด็กเล็กติดกับโรงเรียน และเดินทางมารับส่งหลานอยู่ปกติ ทำให้คุณครูและทุกคนคิดว่านายปรีชาเดินทางมาโรงเรียนเป็นผู้ปกครองทั่วไป
ซึ่งในช่วงเกิดเหตุ มีครูครูเวร 4 คน รอรับเด็กนักเรียนอยู่บริเวณรถ แต่ทุกคนคิดว่านายปรีชาอาจจะนำเงินมาให้บุตรหลานบนรถ เมื่อเกิดเหตุขึ้นครูเวรและทุกคนก็รีบกันเด็ก ๆ คนอื่นออก และรีบพาน้องคิตตี้ส่งโรงพยาบาลทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครคาดคิด และเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องวางแนวทางและประชุมหารือเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำอีก และในอนาคตอาจจะต้องประสานผู้นำชุมชนหรือเจ้าหน้าที่ อปพร.ของหมู่บ้าน ช่วยกันตั้งจุดตรวจสกัด หรือช่วยกันป้องกันมากกว่านี้
ส่วนบรรยากาศที่บ้านของน้องคิดตี้ ก็มีเพื่อนร่วมชั้นเรียน ครู และญาติ ๆ ต่างเดินทางเข้ามาเคารพศพ ซึ่งบรรยาเป็นด้วยความโศกเศร้า มีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานลงเข้ามาช่วยเหลือ และเยียวยาจิตใจ ทั้งนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ และญาติของน้องคิดตี้ด้วย
Advertisement