ทนายวัฒนา ยันไม่ได้ดันทุรังสู้ ฟาดแรงกลับทนายหิวแสง ยินดีถ้าจะเปลี่ยนตัวทนาย ตามที่อากู๋ยื่นคำขาด แต่มองเป็นข้อต่อรองที่ผิดปกติ ส่วนกรณีที่ผู้ตายก้มกราบ ให้ไปถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ขอปฏิเสธไม่ทราบว่าลูกชายตนโทรศัพท์ไปหาทนายเดชา
จากกรณีข้อพิพาทระหว่าง อากู๋ เจ้าของบ้านย่านรามอินทรา 58 ตัวจริง กับเพื่อนบ้านคู่กรณีที่ลักลอบเข้ามายึดบ้านและอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์เป็นของตนเอง ก่อนจะย้ายออกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และกลับเข้ามาอ้างสิทธิ์การครอบครองปรปักษ์ พร้อมเปิดร้านขายไก่ทอด ก่อนที่ 1 ใน 5 ผู้ต้องหาเครียดจัดตัดสินใจจบชีวิต
ล่าสุด ช่วงเย็นวานนี้ทางญาติของนางสาวภานุมาศ สามัคคี (ผู้ตาย) ได้จัดพิธีสวดพระอภิธรรมที่วัดบางเตย ถ.นวมินทร์ 39 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ โดยจะมีการทำพิธีฌาปนกิจในวันที่ 3 มี.ค.นี้
ขณะเดียวกัน นายวัฒนา เรืองแก้ว ทนายความฝ่ายคู่กรณีเพื่อนบ้านยึดบ้านอากู๋ ได้เดินทางมาร่วมรดน้ำศพที่วัดบางเตย บอกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องคดีกับครอบครัวผู้ตาย เพราะคุยกันไปแล้วก่อนหน้า ซึ่งคดีครอบครองปรปักษ์ที่ น.ส.ศรีพรรณ เป็นผู้ยื่นฟ้องยังอยู่ที่ชั้นศาล หากเจ้าตัวประสงค์ถอนฟ้องก็ขึ้นอยู่กับเจตนาของเขา จะว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น
ส่วนปมที่ว่า น.ส.ภานุมาศ ผู้ตาย ต้องการให้ถอนฟ้องนั้น ตนก็เห็นใจ เพราะเขาเป็นผู้ป่วย แต่บุคคลอื่นที่ฟ้องร้องอาจจะคิดต่างกัน ซึ่งส่วนตัวก็คิดว่าน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้
สำหรับประเด็นที่ทนายเดชา กิตติวิทยานนท์ ในฐานะทนายของคู่กรณีระบุว่า ทนายความควรเป็นผู้รับผิดชอบกับการเสียชีวิตนั้น นายวัฒนา เผยว่า อยากให้ทุกคนกลับไปทบทวนตั้งสติว่า ตัวเองมีส่วนทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นหรือไม่ ทุกสิ่งมีที่มาที่ไป เพราะคดีนี้เริ่มจากสื่อมวลชนมาทำข่าวอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการนำข้อเท็จจริงหรือสอบถามคู่กรณีฝั่งตรงข้าม เมื่อคดีอยู่ที่ศาลก็ต้องสู้ที่ศาล ตนเข้าใจว่าสื่อนำเสนอข้อเท็จจริง แต่ต้องนำเสนอที่ถูกต้องเป็นธรรม เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ใหญ่โต และไม่คิดว่าจะใหญ่โตขนาดนี้ ไม่อยากให้จับตัวเองไปชนกับใคร พร้อมขอให้ข้อคิดว่า คนเราพูดให้ตัวเองดูดีใครๆ ก็พูดได้ แต่พูดให้คนอื่นดูร้าย คนดีเขาไม่ทำกัน
นายวัฒนา กล่าวด้วยว่า ตัวเองไม่เครียด จะเครียดก็เรื่องที่สื่อมาตามทุกวัน เพราะต้องรักษามรรยาททนายความ เนื่องจากคดีอยู่ในชั้นศาล แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะไม่ได้เป็นทนายหิวแสงสติเฟื่อง ทั้งนี้ ขอปฏิเสธไม่ทราบว่าลูกชายตนโทรศัพท์ไปหาทนายเดชา เพื่อพูดคุยอะไรกัน
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า ทนายความเป็นผู้แนะนำให้ไปตอบโต้จนเกิดเป็นคดีอาญาในข้อหาบุกรุก นายวัฒนาปฏิเสธว่าบ้านดังกล่าวไม่เคยมีการครอบครองมาก่อน และน.ส.ศรีพรรณ ไม่ได้สละสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ เพราะมีสิทธิ์มาก่อนจะเกิดคดีอาญา แต่มีผู้นำกุญแจมาคล้องประตูไว้ และบังเอิญมีคดีอาญามาแทรกเสียก่อน ยืนยันไม่ใช่การตอบโต้ เรื่องดันทุรังสู้แม้ว่าจะแพ้คดีนั้น เป็นการประโคมข่าว พูดอยู่ฝ่ายเดียว ตนจะพยายามไม่พูดและไปสู้ในชั้นศาล
ส่วนที่อากู๋ บอกว่าต้องปลดตนออกจึงจะยอมเจรจานั้น ต้องบอกว่าจะนำตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ หากลูกความตนต้องการจะเปลี่ยนทนายก็ยินดี เพราะตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับลูกความ แต่มองเป็นข้อต่อรองที่ผิดปกติ เพราะไม่มีใครทำกันอย่างนี้ เนื่องจากเคยตกลงกันมาแล้ว แต่ตกลงกันไม่ได้ เพราะตัวเลขที่ตั้งไว้นั้นสูงเกินไป สำหรับปมคลิปเสียงสนทนาที่ น.ส.ภาณุมาศ กราบเท้าตนขอถอนคดีนั้น นายวัฒนา ปฏิเสธว่า ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ต้องไปถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ หากตนพูดเองก็ไม่มีน้ำหนัก
Advertisement