ไม่จบดรามาร้อนหลังลูกค้าซื้อของที่ร้าน “แม่ตั๊ก-กรกนก” แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง แต่นำทองไปขายที่อื่นไม่ได้ ต่อมาทางแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ เจ้าของร้าน ประกาศแสดงความรับผิดชอบด้วยการรับซื้อคืน ลูกค้าแห่ไปขายคืนต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ซึ่งก็ไม่วายมีเรื่องดรามา ซ้ำ เพราะหลายคนได้ราคาต่ำกว่าที่ซื้อมา และยังถูกให้เซ็นเอกสารยินยอมไม่แจ้งความ
ทั้งนี้ในส่วนของผู้เสียหายทยอยออกมาแสดงตัวกันหลายคน ต่างเสียหายเป็นมูลค่าตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่น เช่นเดียวกับ นายนนทนันท์ การเจริญ หรือ “คุณบิ๊ก” ซึ่งเจ้าตัวได้มีการลงคลิปไปในโซเชียลฯ ในช่วงที่รับชมรายการโหนกระแสที่ทาง “แม่ตั๊ก” และสามีพร้อมผู้เสียหาย ไปออกรายการเมื่อ 2 วันก่อน พร้อมกลับพูดผ่านคลิปวิดีโอขณะที่มีการรับชมลักษณะว่า ตนเองรู้มานานแล้ว ที่ 2 สามีภรรยาคู่นี้จะถูกออกมาตีแผ่เรื่องทอง พร้อมกับพูดว่า ในอดีตถ้าวันนั้นไม่ได้เงิน 40,000 คืน ตนคงเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่เข้าไปนั่งอยู่ในรายการ พร้อมกับพูดเปรยๆ ว่า เคยเป็นเหยื่อในอดีต
โดย “คุณบิ๊ก” ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ยอมรับว่า ตนเองเคยเป็น 1 ในผู้เสียหาย ในอดีตเมื่อประมาณปี 2564-2565 ซึ่งตอนนั้นทางแม่ค้าออนไลน์รายดังกล่าวค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่ยังคงขายในแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก และมีการจัดแคมเปญขายกล่องสุ่มทอง ตอนนั้นมูลค่ากล่อง 40,000 -60,000 บาท ตนจำรายละเอียดชัดเจนไม่ได้ ซึ่งมีการนำของแจกซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์, รถยนต์ และของสิ่งอื่นที่นำมาตั้งโชว์ให้ลูกค้าเพื่อเรียกยอดขาย
ตอนนั้นตนเปิดช่องติ๊กต็อก แล้วทำคอนเทนต์เกี่ยวกับเปิดกล่องสุ่ม เพราะ 2-3 ปีก่อนจะมีเเม่ค้าออนไลน์ขายกล่องสุ่มเยอะ ตนก็เลยตั้งใจว่า ลองชื่อกล่องสุ่มกับทางแม่ค้าออนไลน์รายดังกล่าว และหวังว่าชื่อทองแล้วอนาคตอาจจะเกร็งกำไรได้ เพราะตนมองว่าทองก็คือทอง และได้ทำคอนเทนต์ด้วย ตอนนั้นตนเห็นเขาไลฟ์สดขายสร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, จี้ และกำไล ซึ่งมูลค่ารวมกว่า 40,000 บาท ซึ่งราคาทองตอนนั้นประมาณ 30,000 กว่า ตนก็คงคิดว่าค่ากำเหน็จ เลยตัดสินใจชื้อ
หลังจากที่ซื้อมา เมื่อตนเองได้รับสินค้าก็มีการทำคอนเทนต์เปิดกล่องสุ่มแต่ปรากฏว่า ทองที่ได้มานั้นกลับไม่เหมือนตามที่มีการไลฟ์สดขาย และลักษณะทองก็ค่อนข้างดูแปลก ซึ่งตนเองได้มีการทำคลิปคอนเทนต์และปล่อยลงไปในติ๊กต็อกส่วนตัว หลังจากนั้นตนเองได้นำทองดังกล่าวไปให้ที่ร้านทองซึ่งเป็นคนรู้จักดู เพราะใจว่าจะทำคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องของมูลค่าทองในส่วนของการซื้อขายออนไลน์และนำไปขายที่หน้าร้าน
คุณบิ๊ก กล่าวว่า เมื่อไปถึงร้านทองปรากฏว่า ทางเจ้าของร้านทองกลับตีมูลค่าหลักหมื่น ซึ่งเป็นการตีราคาค่อนข้างสูงในมุมของคนรู้จักกัน แต่มันก็ยังน้อยในส่วนของมูลค่าที่ตนซื้อมา ซ้ำจะมีสร้อยข้อมืออยู่เส้นหนึ่ง ที่ทางเจ้าของร้านทองพบว่า มีคราบคล้ายว่าเป็นสร้อยทองมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว เนื่องจากมีคราบไคล ตนเองก็มีมีการถ่ายคลิปเพื่อลงติ๊กต็อก ก่อนที่จะมีการเข้าเข้ามาคอมเมนต์จากฝั่งเจ้าของร้านทองลักษณะคล้ายว่า ตนเข้าไปโจมตีเขา หลังจากนั้นตัวเองได้มีการถ่ายคอนเทนต์ลักษณะว่า เตือนภัยเกี่ยวกับการซื้อทองออนไลน์ ตนได้มีการโพสต์ลงไปภายในติ๊กต็อกอีก หลังจากนั้นไม่นานปรากฏว่า ทางฝั่งแม่ค้าออนไลน์คนดังกล่าวได้นำคลิปของตนไปเปิดลักษณะคล้ายประจานในไลฟ์สด
และกล่าวหาว่า ตนไม่พอใจที่ไม่ได้ของแถมซึ่งเป็นรถยนต์ และมองว่าตนจะดิสเครดิตเขา ทั้งที่ความจริงตนแค่เตือนภัย เพราะตอนนั้นหลังจากที่ตนโพสต์ไป ก็มีคนที่โดนเหมือนตนมากกว่าหลักพัน รวมกลุ้มกันออกมาเรียกร้อง สุดท้ายทางร้านก็ได้เรียกตนรวมไปถึงผู้เสียหายรายอื่นที่อยู่ภายในกลุ่มเข้ามาพูดคุยและเจรจา ก่อนที่ทางแม่ค้าออนไลน์จะขอติดต่อซื้อทองคืนในมูลค่าตามเดิม คล้ายเหตุการณ์ในครั้งนี้
ซึ่งตอนนั้นการนำทองไปขายคืนปรากฏว่า ทางแม่ค้าออนไลน์ทั้งสามีและภรรยากลับไม่ยอมพูดและชี้แจงความจริง พยายามบ่ายเบี่ยงและส่วนพูดคุยในเรื่องประเด็นอื่น รวมไปถึงมีการให้เซ็นสัญญาลักษณะคล้ายตามที่ปรากฏในสื่อตอนนี้ แต่ตอนที่ตนเองเข้าไปกลับมีการบังคับไม่ให้ถ่ายคลิป และให้ลบโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับร้าน ควรไปถึงออกจากกลุ่มไลน์ที่มีการเรียกร้องความเสียหายต่อหน้าเขา ถึงจะให้เงินพร้อมกับเอกสารไม่ขอดำเนินคดีและไม่ออกมาปลุกปั่น เหตุการณ์ในตอนนั้นคล้ายกับตอนนี้ แต่ตนมองว่าผู้เสียหายในตอนที่ตนเองโดนเมื่อ 3 ปีก่อน น่าจะมีเยอะมากกว่าครั้งนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นเลยทำให้ตัวเองมองว่า การกระทำของแม่ค้าออนไลน์เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นการเอาเปรียบลูกค้าหรือผู้บริโภค พูดไม่จริงไม่เป็นไปตามที่บอก สิ่งที่ตนพยายามเตือนและเรียกร้องมานานกว่า 2 ปี วันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าความจริงคืออะไร ที่ผ่านมาเค้าเองใช้โฟรไฟล์ความเป็นคนใจบุญ เป็นคนช่วยเหลือสังคม ให้โอกาสสังคม มาเป็นตัวเรียกกระแสและสร้างศรัทธาให้กับลูกค้า แต่กลับนำความเชื่อใจของคนมาหลอกขายของหวังแค่กำไรและเงิน
ตนอยากจะเตือนในมุมที่เคยได้รับผลกระทบ แม้ว่าตอนนี้เขาเองจะออกมาเยียวยาในส่วนของกลุ่มคนที่อยากจะคืนสินค้าแลกกับการไม่ดำเนินคดี แต่อย่าลืมว่ายังมีกลุ่มคนตาสีตาสาที่อยู่ต่างจังหวัด และคนที่ไม่รู้เรื่องอยู่ในพื้นที่ไกล กลุ่มคนนี้เขาเองไม่ทราบข้อมูลและอาจจะถูกเอารัดเอาเปรียบได้หรือไม่ เพราะตอนที่ตนเองโดนเมื่อ 2 ปีก่อน ปรากฏว่ามีเหยื่อผู้เสียหายบางรายที่เป็นคนแก่และอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด เคยทักไปหาเพื่อขอนำสินค้าไปคืน แต่ทางแม่ค้าออนไลน์รายดังกล่าว ขู่ว่าจะมีการจ้างทนายจำนวน 200 คน มาดำเนินคดีในข้อหาทำให้ร้านเสื่อมเสีย ลักษณะคล้ายของขู่จนทำให้ทางผู้เสียหายไม่กล้าที่จะนำสินค้ามาขายคืนและไม่กล้าที่จะนำไปร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งตนอยากให้มองในฐานลูกค้ากลุ่มนี้เป็นหลัก
Advertisement