จากกรณีมีคลิปวิดีโอของกลุ่มญาติโยมจำนวนหนึ่ง ขณะกำลังนั่งปรบมือร้องเพลง ภายในสำนักปฏิบัติธรรมพุทธพัฒนา ในพื้นที่บ้านฝั่งคลอง หมู่ 25 ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติธรรมเพื่อทำให้จิตมีความสงบมากยิ่งขึ้น
และพบว่ายังมีการฝึกจิตด้วยท่าแปลกประหลาด โดยญาติโยมคนใดเกิดปีนักษัตย์อะไร ก็จะให้ร้องหรือแสดงท่าทางเหมือนกับนักษัตย์นั้น ๆ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความสงสัยว่าเป็นสำนักปฏิบัติธรรมหรือลัทธิอะไรกันแน่ พร้อมทั้งเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้เร่งตรวจสอบ นั้น
วันที่ 7 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ เดินทางไปยังสำนักปฏิบัติธรรมพุทธพัฒนา ในพื้นที่บ้านฝั่งคลอง หมู่ 25 ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว โดยภายในสำนักปฏิบัติธรรมมีประชาชนกว่า 20 คน ร่วมทำการนั่งสวดมนต์ภาวนา
หลังจากที่มีการสวดมนต์เสร็จ ก็จะเป็นการทำพิธีกำหนดจิต โดยพบว่าขณะกำหนดลมหายใจจะมีลักษณะ หายใจแรง ฟึดฟัด โยกตัวไปมา คล้ายกับคนจะถูกผีเข้า
น.ส.โชติมา อายุ 34 ปี ผู้เข้าร่วมปฎิบัติธรรม บอกว่า เดินทางมาจากกทม.เพื่อร่วมปฏบัติธรรม โดยเป็นการกำหนดลมหายใจ เสมือนเป็นการออกกำลังกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรง เป็นการฝึกจิตให้แข็งแกร็ง ทำให้เหงือออก ส่วนที่ผู้ทำจะมีลักษณะเหมือนถูกผีเข้า เพราะมาจากการขยับร่างกาย เพื่อที่จะได้มีภูมิคุ้มกันต่อต้านจากโรคร้ายต่าง ๆ ไม่ใช่เป็นพิธีกรรมงมงาย หรือทำกิจกรรมประหลาดอย่างที่ชาวบ้านคิด ทั้งนี้เคยมาแล้วหลายครั้ง ทำแล้วก็รู้สึกสบายใจเลยกลับมาอีกไม่ว่าจะเป็นเด็กคนสูงอายุก็ทำได้
ด้าน พระอัครรินทร์ กิตติโก รักษาการเจ้าสำนักสงฆ์วัดป่าพุทธอุทยาน บอกว่า หลังจากสร้างสำนักสงฆ์ดังกล่าวเสร็จ ได้ปล่อยให้บริหารจัดการกันเองโดยได้มอบหมายให้พระสงฆ์ที่อยู่ที่วัดในขณะนั้นดูแล แต่มาทราบทีหลังว่าพระที่ถูกมอบหมายให้ดูแลไม่ได้อยู่ที่วัดแล้ว โดยปัจจุบันเป็นพระชุดใหม่ที่เข้าไปอยู่แทน ซึ่งคงต้องเทำความเข้าใจกับทางวัดต่อไป ทั้งเรื่องที่มีการเก็บเงินค่าใช้จ่ายสามแสนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ส่วนที่ว่าญาติโยมที่เข้ามานั่งสมาธิฝึกฟอกลมหายใจแล้วมีการเห่าหอนตามปีนักษัตร อาจจะเป็นอุปทานของคนคนนั้น หลังฝึกไปได้ระยะหนึ่งก็เหมือนกับว่าจะรำลึกได้ว่าตัวเองเคยทำบาป หรือไปฆ่าสัตว์มา ซึ่งเป็นอุปทานไม่เกี่ยวกับการฝึกฟอกลมหายใจ เช่นอาตมาเกิดปีจอเวลานั่งฝึกฟอกลมหายใจก็ไม่เคยเห่าหอนเหมือนสุนัข
ขณะที่ นายวัชพงษ์ สงวนดีกุล ลูกศิษย์วัด บอกว่า สถานที่แห่งนี้ผู้บุกเบิกคือ พระสุวัฒน์ สุวัฑฒโน หรือ หลวงพ่อดี เจ้าสำนักสงฆ์วัดป่าพุทธอุทยาน ตำบลห้วยใหญ่ ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ด้วยการอดน้ำ อดอาหาร และดื่มฉี่ตัวเองมาตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อขจัดปัดเป่าโรคร้ายโควิด-19 ให้หมดไปจากโลกนี้ โดยจะมีพระธรรมจักร สีรวังโร เป็นพระเจ้าสำนักดูแลแทน แต่ขณะนี้เจ้าสำนักไม่อยู่ เนื่องจากหลังจากมีกระแสข่าวถูกเผยแพร่ออกไปทำให้ เจ้าคณะจังหวัด-อำเภอ มีคำสั่งย้าย พระธรรมจักร สีรวังโร เป็นพระเจ้าสำนักดูแลแทน ไปอยู่ที่วัดถ้ำเขาฉกรรจ์ เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่าทางพระเจ้าสำนักจะทำการรวมประชาชนเพื่อก่อม็อบ ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริง
ในฐานะลูกศิษย์ ตนเองคิดว่าการที่มีผู้คนเข้ามาสวดมนต์ภาวนาภายในสำนักปฎิบัตธรรมไม่ได้เป็นการผิดกฎของทางมหาเถรสมาคม แต่อย่างใด เนื่องจากคิดว่าการสวดมนต์ภาวนาก็เป็นการปฏิบัติตามหลักของศาสนาพุทธ เพราะผู้ที่ปฎิบัติธรรมต้องมีการสวดมนต์ เวียนเทียน หรือทำวัดเช้า-เย็น ส่วนที่มีกระแสข่าวออกไปว่าภายในสำนักปฏิบัติธรรม มีจัดกิจกรรมแปลกประหลาดให้กับญาติโยม หากใครเกิดปีนักษัตย์อะไรจะให้ร้องหรือแสดงท่าทางเหมือนกับนักษัตย์นั้น ๆ อันนี้ไม่เป็นความจริง แต่ที่ทางสำนักปฎิบัติธรรมให้ร่วมกิจกรรม คือการเดินอาณาปาณสติหรือการปฎิบัติที่ใช้การกำหนดลมหายใจเร็วแรงผ่านทางจิต จึงส่งผลให้ร่างกายของบุคคล ๆ นั้น ส่งเสียงร้องโหยหวนแตกต่างกันไปแต่ละบุคคลตามกรรมที่บุคคลนั้น ๆ เคยทำมา ส่วนเรื่องเรื่องค่าใช้จ่ายเงินจำนวน 3 แสนยืนยันไม่เป็นความจริง เนื่องจากทางสำนักปฎิบัติธรรมไม่เคยเรียกเก็บเงินแน่นอน
นอกจากนี้ พระครูศรีรัตนสรกิจ เจ้าคณะอำเภอเขาฉกรรจ์ พร้อมเจ้าคณะตำบลเขาฉกรรจ์ทั้ง 2 เขต นายปราณสุรีย์ อาวอร่ามรัศมิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสระแก้ว ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบและสอบถามถึงวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมแปลกประหลาด ภายในศูนย์ปฏิบัติธรรมพุทธพัฒนา ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านฝั่งคลอง หมู่ 25 ตำบลหนองหว้า อำเภอเขาฉกรรจ์
เจ้าคณะอำเภอเขาฉกรรจ์ บอกว่า การกระทำดังกล่าว คือวิปัสสนูกิเลส เหมือนกับเป็นการหลงในคำสอนพระพุทธศาสนา ซึ่งทางคณะสงฆ์อำเภอเขาฉกรรจ์ จึงลงมติให้ พระธรรมจักร เจ้าสำนักศูนย์ปฏิบัติธรรมพุทธพัฒนา กลับต้นสังกัดเดิมภายในเย็นวันนี้ทันที โดยพระธรรมจักร จะต้องเข้ารายงานตัวกับพระครูบรรพตพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาฉกรรจ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระธรรมจักร ส่วนญาติโยมจำนวนกว่า 10 คน ทางฝ่ายปกครองจะต้องให้ออกจากศูนย์ปฎิบัติธรรมแห่งนี้ และห้ามจัดกิจกรรมทุกประเภท
Advertisement