กรณีที่ญาติพา ด.ญ.วัย 12 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ว่าถูกกลุ่มเครือญาติ 7 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 คน และเยาวชน 2 คน รุมข่มขืนมานาน 2 ปี กระทั่งด.ญ.วัย 12 ปี เริ่มมีอาการผิดปกติ ปวดท้องอย่างหนัก ต่อมาตำรวจได้ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับและเข้าจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นผู้ใหญ่ 5 คน ส่วนเยาวชนอีก 2 คน ผู้ปกครองพาเข้ามอบตัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สลดเด็ก ป.6 ถูกญาติ 7 คนขืนใจน้อง 10 ขวบร่วมด้วย ผู้ต้องหาโต้ถูกใส่ร้าย
- แก๊งหื่นขยี้กามเด็ก 12 โต้แค่ใช้นิ้ว-อมนกเขา ลูกสาวหวั่นพ่อโดนจับสู้หน้าสังคมยาก
- ลุงโจ๋หื่นขืนใจเด็ก 12 โชว์พระสาบานลั่นไม่คุกคาม พี่เหยื่อผวาออกคุกมาแก้แค้น
ล่าสุดวันที่ 17 มิ.ย.63 พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ให้สัมภาษณ์หลังมีข้อสงสัยในการให้การประกันตัวผู้ต้องหานั้น ตนยืนยันว่าทางตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวแต่แรกแล้ว และได้นำส่งศาล ซึ่งญาติได้ไปประกันตัวในชั้นศาล ในส่วนเรื่องของการปล่อยตัวผู้ต้องหาหรือการให้ประกันตัวอยู่ในดุลยพินิจของศาล ซึ่งมีหลักเกณฑ์ของศาลในการให้ประกันตัว ซึ่งศาลเป็นคนออกหมายจับและศาลก็เป็นผู้ใช้ดุลยพินิจอยู่แล้ว
ส่วนทางด้านการดำเนินคดีนั้น ตนเชื่อมั่นว่าหลักฐานที่ทางตำรวจมี ไม่มีผิดพลาดอยู่แล้ว เนื่องจากมีผลการพิสูจน์ทางการแพทย์อยู่แล้ว แต่ตำรวจก็ยังคงต้องหาหลักฐานที่จะมัดตัวผู้ต้องหาไม่ให้ปฏิเสธได้ จะต้องทำเพิ่มเติมไปด้วย แต่ไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ เนื่องจากจะมีผลต่อรูปคดี และได้ให้พนักงานสอบสวนหาหลักฐานเพิ่ม พร้อมกับตนจะได้จัดตั้งชุดสอบสวนของทางภูธรจังหวัด มาช่วยดูให้รัดกุมยิ่งขึ้น
พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่ผู้ต้องหาอ้างว่า เด็กสติไม่ดี ในส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่ เพราะจากคำให้การของเหยื่อให้รู้ว่าใครเป็นอะไร และทำอะไรบ้าง โดยตนคิดว่าเด็กต้องสติดีอย่างแน่นอน ซึ่งตนรู้สึกเป็นห่วงในเรื่องคดีที่เกิดขึ้น เนื่องจากอยู่ในสภาพสังคมที่แออัด ต่อไปจึงจะต้องคอยดูบุตรหลานอยู่เป็นชุมชนแบบนี้อันตรายมาก ตนเป็นห่วงที่สุด เพราะผู้ก่อเหตุอายุน้อยสุด 10 ขวบ และผู้ถูกกระทำ อายุ 12 ขวบ
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้ ยังไม่พบว่ามีการรุมโทรม แต่ทั้งหมดเป็นญาติ ๆ กัน คิดว่ามาทำกับเด็กแล้วไม่น่าจะมีปัญหา เด็กจะกลัว มีการข่มขู่ และบางคนมีอาวุธโชว์ด้วย ซึ่งหลังจากที่ผู้ต้องหาบางคนได้ประกันตัวออกมา ทางตำรวจยังไม่ได้รับการร้องขอในการคุ้มครองพยาน แต่ตนได้สั่งการให้สายตรวจหมั่นคอยเข้าไปดูแล เพราะก็ได้รับทราบว่าสร้างความไม่พอใจให้กับทางญาติผู้ต้องหา ซึ่งไม่ต้องห่วง ตำรวจจะดูแลให้อย่างเต็มที่แน่นอน
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องขัง และผู้เสียหาย ตั้งรวมกันหลายหลัง
โดยทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านพักพี่สาวของผู้เสียหาย ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากบ้านของผู้ต้องหา ประมาณ 20 เมตร ภายในบ้านจะมีห้องนอนทั้งหมด 2 ห้อง ซึ่งน.ส.อารีย์ พี่สาวของผู้เสียหาย เล่าว่า บริเวณห้องน้ำจะอยู่ติดกับประตูหน้าบ้าน มีหลังคาสังกะสีปิด และบริเวณผนังห้องน้ำจะมีรูเล็กทั้งหมด 5 รู เป็นรูที่พี่สาวของผู้เสียหายอ้างว่า กลุ่มผู้ต้องหามาเจอะรูเพิ่ม เพื่อแอบดูคนในบ้านอาบน้ำ และบริเวณฝั่งชักโครก กับประตูห้องน้ำจะมีช่องขนาดใหญ่ หากปีนขึ้นมามองก็สามารถมองเห็นภายในห้องน้ำได้
ทีมข่าวได้ทดลองด้วยการยืนห่างจากด้านนอกห้องน้ำ ประมาณ 5 เมตร และทดสอบด้วยการส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จากด้านในห้องน้ำพบว่า หากยืนอยู่ใกล้ ๆ กับห้องน้ำจะได้ยินเสียงอย่างชัดเจน แต่หากอยู่ห่างจากห้องน้ำ ประมาณ 10 เมตร เสียงจะเบาลง และหากอยู่ห่างออกไปมากกว่านั้น ก็จะไม่ได้ยินเสียงเลย
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาจะก่อเหตุในช่วงที่ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน ซึ่งช่วงกลางวันทุกคนจะออกไปทำงานหมด และจะกลับมาในช่วงเย็น โดยจุดที่เกิดเหตุบ่อยอีกจุดหนึ่ง คือ บริเวณห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องขนาด 4 เหลี่ยม ไม่มีหน้าต่างกับประตู แต่จะใช้ผ้าม่านคลุมไว้ ทำให้เข้ามาในห้องได้อย่างง่ายดาย
น.ส.อารีย์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ตนจะทำอะไรไม่ได้มาก และปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการ เพื่อรวบรวมหลักฐานก่อน โดยหนึ่งในผู้ต้องหา คือ นายสุรัตน์ เคยมาทำไม่ดีไม่ร้ายกับตน แต่โชคดีที่ตนหนีรอดออกมาได้ ด้วยเหตุนี้ตนจึงทราบว่ามีพฤติกรรมแบบไหน แต่ไม่คิดว่าจะมาเกิดกับหลานของตัวเอง
นอกจากนี้ผู้ต้องหายังเคยแอบดู ในขณะที่ตนอาบน้ำ เนื่องจากห้องน้ำที่บ้านของตน มีช่องโหว่เยอะ ไม่ค่อยมิดชิด ทำให้แอบมองได้ง่าย หลังจากเกิดเรื่องไม่มีใครมาข่มขู่ แต่บางคนไม่ทราบสาเหตุ จึงเข้ามาด่าลอย ๆ และสาบแช่งเหมือนไม่ใช่หลาน เช่น "ตายไม่ต้องไปเผาผี ขอให้ไม่ตายดี คนเนรคุณ นกสองหัว ไอเหี้ย ไอสัตว์" ด้วยเหตุนี้ เมื่อตนได้ยินก็รู้สึแย่ และรู้สึกเสียใจมาก
อีกทั้งยังกล่าวหาว่า ตนสร้างเรื่องขึ้นมา เพราะก่อนหน้านี้ตนไม่ค่อยได้คุยกับญาติ ๆ และตนเคยไปยุ่งกับสิ่งที่ไม่ดีมาก่อน ทุกคนจึงกล่าวหาว่า ตนไปมีความสัมพันธ์กับญาติ ๆ กลุ่มผู้ต้องหา ทั้งนี้ตนขอไม่ใช่เรื่องจริง ขณะนี้ผู้เสียหายอาการดีขึ้นแล้ว และพูดคุยร่าเริงดี ส่วนตนยังทำใจไม่ได้ และหลังจากนี้ตนจะไปพักฟื้นที่อื่นก่อน
อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะบอกกับทุกคนว่า ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เกิดแบบนี้ และตนเห็นในทุกฝ่าย แต่ตนต้องการความถูกต้อง และความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายมากกว่า ทั้งนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ตนอยากให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่ต่อต้าน เพื่อปกป้องไม่ให้คนของตัวเองผิด
ระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่ ได้พูดคุยกับ แม่ของน้องฟิล์ม เยาวชนหนึ่งในผู้ต้องหา ซึ่งพาทีมข่าวเข้าไปในบ้านพัก และเป็นบ้านที่เด็กผู้เสียหายพักอาศัยอยู่ อีกทั้งยังเป็นจุดที่ถูกกล่าวอ้างว่า เป็นจุดเกิดเหตุ
โดยบ้านหลังนี้มีทั้งหมด 3 ห้อง แต่อีกห้องหนึ่งถูกปิดตายไว้ และอาศัยอยู่รวมกันทั้งหมด 6 คน ได้แก่ ผู้เสียหาย ภรรยาของนายอนันต์ และลูกสาว 2 คนของนายอนันต์ ซึ่งจะนอนอยู่ที่ห้องกลางบ้าน และข้าง ๆ กันจะมีตู้เสื้อผ้ากั้นห้องไว้เป็นห้องของนายสุรัตน์ กับภรรยาของนายสุรัตน์
น.ส.เป็ด (นามสมมติ) อายุ 40 ปี แม่ของน้องฟิล์ม อายุ 11 ปี เปิดใจว่า หลังจากเกิดเหตุตนได้ถามลูกชายว่า “ถ้าทำจริงให้บอกแม่” แต่ลูกชายของตนยืนยันว่าไม่ได้ทำ ส่วนตนก็ทำงานไม่มีเวลาดูแลลูก ตนมั่นใจว่าลูกไม่ได้ทำ เพราะเวลาลูกชายมีอะไรจะเล่าให้ฟังตลอด และก่อนที่จะเกิดเรื่อง มีท่าทางร่าเริงดี หัวเราะสดใส
นอกจากนี้ลูกชายไม่ค่อยได้อยู่บ้าน และลูกชายติดเพื่อนมาก จึงชอบออกไปขี่จักรยานยนต์เที่ยวเล่นกับกลุ่มเพื่อน หากตนไม่อยู่บ้านก็จะออกไปข้างนอกบ้านทันที ส่วนตัวยอมรับว่าลูกชายมีนิสัยดื้อรั้นจริง แต่ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมาก่อน เพราะยังเด็กอายุเพียง 11 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายของตน กับผู้เสียหาย คือ ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน และสนิทสนมกัน แต่พอเริ่มโตก็เริ่มห่างเหินกันตามประสาเด็ก ทั้งนี้ตนไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงกล่าวหาว่า ลูกชายของตนก่อเหตุ และตนไม่ทราบว่าพี่สาวของผู้เสียหาย รู้สึกแค้นเคืองหนึ่งในผู้ต้องหาหรือไม่
ทั้งนี้บ้านที่เกิดเหตุจะมีคนอยู่ตลอด และหากไม่มีใครอยู่จะนำกุญแจบ้านมาล็อกไว้ อีกทั้งหากเปิดประตูไว้ เป็นไปไม่ได้ว่าจะไม่มีใครเห็น เพราะลักษณะบ้านค่อนข้างเล็ก สามารถมองมาจากข้างนอกได้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้สภาพจิตใจของตนย่ำแย่มาก ออกไปข้างนอกไม่ได้ มองหน้าใครไม่ติด เพราะมีแต่คนถามว่า “ทำไมไม่ดูแลลูกให้ดี” “เด็ก อายุ 11 ปี ทำได้ถึงขนาดนี้” แม้แต่ตอนที่ตนไปซื้อของที่ร้านชำ แม่ค้ายังไม่อยากให้เข้าไปซื้อของ นอกจากนี้ตนยังรู้สึกเครียดแทนลูกชาย แต่ลูกชายของตนยังคงร่าเริงตามปกติ และตนรู้สึกกลัวมาก เพราะตนไม่ได้อยู่กับลูกขายตลอด แต่หากผลออกมาว่าลูกขายไม่ผิด ตนก็จะต่อสู้เพื่อลูกชายอย่างเต็มที่
Advertisement