กรณีเหตุการณ์สาวร้อยเอ็ด จะโดดตึกฆ่าตัวตายที่วิทยาลัยเทคนิคแพร่ หลังแอบขึ้นไปอาคารเรียนชั้น 4 คณะครูจึงช่วยกันพูดเกลี้ยกล่อม และได้รีบแจ้งเจ้าหน้าตำรวจ สภ.เมืองแพร่ และหน่วยกู้ภัยแพร่ มายังพื้นที่เกิดเหตุในทันที
จากนั้นทางวิทยาลัยเทคนิคแพร่ ได้ช่วยกับรวบรวมเงิน ประมาณ 3,000 บาท มอบเงินเป็นค่ารถให้กับสาวที่จะโดดตึก และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พาไปส่งขึ้นรถที่สถานีขนส่ง และพยายามปลอบไม่ให้คิดสั้น คิดถึงลูกที่รออยู่ทางบ้าน ซึ่งสาวรายนี้ก็รับปากจะไม่คิดสั้นอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อตำรวจตรวจสอบข้อมูลในเวลาต่อมา พบว่าสาวร้อยเอ็ดที่พยายามจะโดดตึกครั้งนี้ มีประวัติเคยอ้างเหตุในลักษณะแบบนี้มาหลายครั้งและหลายจังหวัดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.52 อ้างว่าน้อยใจแม่ ขู่กระโดตึก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถัดมาวันที่ 18 ก.ค.62 ปีนตึก 3 ชั้น ขู่จะกระโดดฆ่าตัวตาย จ.กระบี่ และในวันที่ 13 ส.ค.62 ขู่จะกระโดดสะพานลอย จ.ลำพูน ส่วนปลายปีช่วงเดือน ก.ย.62 ก็ยังไม่เลิกขู่ว่าจะกระโดดสะพานลอยเช่นเดิม
นอกจากนี้ ยังพบว่าได้ก่อเหตุแบบเดียวกันนี้ในอีกหลายจังหวัด ตั้งแต่ต้นปี 63 ขู่ว่าจะกระโดดสะพานลอย ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนวันที่ 9 มิ.ย.63 แกล้งเป็นลมด่าน จ.เชียงใหม่ ถัดมาวันที่ 12 เดือนเดียวกัน ปีนอาคารมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กระทั่งมาก่อเหตุที่วิทยาลัยเทคนิคแพร่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- แฉ! สาวลวงโลกใช้สารพัดมุกแสร้งคิดสั้นขอเงิน อึ้งคดีโฉดอื้อ ผอ.อุตส่าห์ช่วย ลั่นแจ้งจับฉ้อโกง
ทางด้านคณะครูวิทยาลัยเทคนิคแพร่ ได้รวมตัวกันเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ เพื่อให้ดำเนินคดีกับทางด้านน.ส.อรสา ไพรพฤกษ์ จะได้ไม่ไปทำแบบนี้กับใครอีก
ล่าสุดวันที่ 17 มิ.ย.63 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านของ น.ส.อรสา ในพื้นที่ ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
พบกับ นางเลี้ยง ปัจจุโส อายุ 76 ปี ยายของ น.ส.อรสา บอกว่า พ่อกับแม่ของ น.ส.อรสา เลิกกันตั้งแต่หลานยังเด็ก ๆ ยังเดินไม่ได้ จากนั้นตนเลี้ยงหลานคนนี้มาตลอด โดยพ่อของ น.ส.อรสา มีอาชีพรับราชการ ส่วนแม่ทำงานรับจ้างทั่วไป แต่ก็ส่งเงินมาให้ทุกเดือน ครั้งละ 1 หมื่นบาท ฐานะที่บ้านไม่ได้ยากจน และตนเลี้ยงดูหลานอย่างดีมาตลอด
ทั้งนี้ตนก็งงว่าทำไมหลานเป็นแบบนี้ ดื้อตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยเชื่อฟังตน และมีนิสัยชอบลักทรัพย์มาตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนแรกคิดว่าเป็นโรคทางประสาท แต่เมื่อพาไปพบแพทย์ ให้ตรวจก็ไม่พบความผิดปกติ หนีออกจากบ้านตั้งแต่ ป.4 ไปก่อเหตุลักเล็ก ขโมยน้อย แล้วก็กลับมาที่บ้าน และเมื่อเรียนจบ ป.6 ก็ไม่ยอมเรียนต่อ
ส่วนวีรกรรมที่ก่อเหตุที่บ้าน เคยนำข้าวในยุ้งไปขายจนหมด ขโมยรถจักรยานในบ้านไปขายทั้งหมด 5 คัน เมื่อ 3 ปี ที่แล้ว มาขโมยวัวไปขาย 1 ตัว โดยทำทีจะไปเอาน้ำให้วัว แต่สุดท้ายก็ขโมยไปขาย ได้เงิน 18,000 บาท ก่อนจะหนีไปขึ้นรถที่ บขส. แต่ยายตามไปจับตัวได้ก่อน และตามไปเอาวัวคืน และคืนเงินให้คนซื้อวัว นอกจากนี้หลานสาวยังติดยาเสพติด ทำให้มีอาการคล้ายคนประสาทมากขึ้น หลังจากนั้นก็มาขอเงินอยู่ตลอด เมื่อไม่ได้ก็ทำร้าย ตบตียาย และขู่จะฆ่า
นอกจากนี้ในปี 54 ยังมีคดียาเสพติด และในปี 55 คดีลักทรัพทย์ จ.อุบลราชธานี ถัดมาปี 56 ขโมยรถจักรยานยนต์ ในพื้นที่ จ.กาฬสินธ์ุ และมีคดียักยอกทรัพย์ จ.อึดรธานี ขณะที่ในปี 59 มีคดีหลอกกู้ภัย จ.เชียงราย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหลานจะไป ๆ มา ๆ ที่บ้าน บางครั้งอยู่บ้านได้ 1-2 เดือน แล้วก็ออกจากบ้านไป ครั้งสุดท้ายที่เจอคือช่วงก่อนโควิด-19 จากนั้นหลานก็ออกจากบ้านไป ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย และพอมาเห็นข่าวหลานตอนนี้ตนอยากจะให้ตำรวจจับและขังหลานไว้ตลอดชีวิต เพราะว่าถ้ากลับมาก็มาก่อเหตุขโมยของคนอื่นอีก และกลัวว่าจะมาทำร้ายตน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกลัวมาก
Advertisement