จากกรณีเกิดเหตุรถเก๋งชนท้ายรถจักรยานยนต์แล้วหนี บริเวณซอยสุวินทรวงศ์ 28 ทำให้ น.ส.นาดียะห์ เดชะคำภู หรือป่าน อายุ 21 ปี เสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตได้ตั้งท้อง 5 เดือน โดยลูกในท้องเสียชีวิตก่อนแม่จะเสียชีวิตตามในเวลาประมาณ 02.00 น. ในคืนวันที่ 22 มิ.ย.63 ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ล่า 2 ผัวเมียตีนผีซิ่งรถทับสาวท้อง 5 เดือนดับ ผัวปล่อยโฮกอดศพให้อภัยแม้สูญเสีย
ล่าสุดวันที่ 23 มิ.ย.63 ที่สน.มีนบุรี ทางแฟนและญาติของผู้เสียชีวิตได้มาติดตามความคืบหน้าของคดี นางชญานันท์ เลาะพึง อายุ 39 ปี แม่สามีของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ทางน้าชายและลูกชายของตนโทรศัพท์มาบอกว่า ลูกชายและลูกสะใภ้ถูกรถชน โดยที่ลูกสะใภ้ถูกรถทับบริเวณที่ท้อง วินาทีนั้นตนมีความหวังว่าลูกสะใภ้และหลานต้องปลอดภัย คิดเพียงแค่น่าจะบาดเจ็บ
เมื่อตนมาถึงที่โรงพยาบาลแห่งแรก ทางทีมแพทย์ได้ส่งลูกสะใภ้ไปโรงพยาบาลอีกแห่ง เพื่อเอ็กซเรย์ร่างกาย ตนได้ยินแพทย์บอกให้ CPR ลูกสะใภ้ของตนด่วน ทางทีมแพทย็ก็วิ่งเข้าไปในห้อง ตนมึนงง ไม่รู้จะทำอย่างไร ซึ่งเสียงนั้นยังอยู่ในหัว ในขณะนี้ตนยังทำใจไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบีบหัวใจตนมาก
ก่อนหน้านี้ตนมักจะฝันถึงคนตายอยู่เสมอ และล่าสุดก่อนเกิเหตุการณ์ตนได้ฝันว่ามีคนเสียชีวิต ซึ่งเป็นพ่อแม่ลูก โดยเป็นคนที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นญาติกับตน ได้ไปจัดพิธีขุดหลุมฝังในวัด ซึ่งได้ขุดหลุมลึกโดยฝั่งพ่อก่อน ตามมาฝังแม่ และสุดท้ายฝังลูก ตนก็ตกใจตื่น เมื่อตนมาตีความหมายเกี่ยวกับความฝันแล้ว หมายถึง จะต้องเสียของรัก ขณะนั้นตนไม่ได้ว่าจะเกิดเหตุร้าย คิดเพียงว่าเรื่องร้ายจะกลายเป็นดี ตนจึงไม่ได้เตือนคนในครอบครัว
นอกจากนี้ตนยังได้ไปเล่าเรื่องความฝันให้ครอบครัวและเพื่อนร่วมงานฟัง ตนนึกขึ้นได้จึงเล่าให้กับลูกชายฟังอีกครั้ง การฝังศพนั้นก็ทำพิธีตามปกติ ส่วนความเชื่อตายทั้งกลมนั้นตนก็ไม่มีความเชื่อ หลังจากทำพิธีเสร็จทุกอย่างตนก็ไม่ได้ฝันถึงลูกสะใภ้ อาจจะเพราะเหนื่อย อย่างไรก็ตามตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจตามจับคนร้ายมาให้ได้ ขณะนี้ตนยังไม่อยากฝากบอกอะไรกับผู้ก่อเหตุ ต้องรอให้ผู้ก่อเหตุมาอธิบายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สน.มีนบุรี เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบผู้ครอบครองรถ ชื่อเจ้าของรถที่ครอบครองนั้นได้ขายรถไปแล้วตั้งแต่ปี 59 โดยประกาศขายในเว็บไซต์หนึ่ง ก็มีลูกค้ามาซื้อ มีเอกสารหลักฐานในการซื้อขาย และรถคันดังกล่าว พ.ร.บ.ขาดต่ออายุในปี 60 โดยผลการตรวจสอบพบว่ามีการซื้อขายต่อมือเดียว ลักษณะโอนลอย เมื่อตรวจสอบรายชื่อล่าสุดผู้ที่ครอบครองรถ พบว่าได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ภรรยาของผู้ครอบครองคนล่าสุด ระบุว่า เพื่อนของสามีได้ยืมรถไปแล้วไม่นำคืน ซึ่งได้มีการลงบันทึกประจำวันเมื่อเดือน ก.พ.63 ที่สน.ยานนาวา ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ชื่อและนามสกุลมาแล้ว แต่เปรียบเทียบในทะเบียนราษฎร์ยังไม่พบข้อมูล ซึ่งต้องรอการเปรียบเทียบเอกสาร เช่น ใบเสร็จในรถว่าชื่อและสกุลตรงกันหรือไม่อย่างไร โดยขณะนี้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจสอบหาเบาะแส ภายในรถคันดังกล่าวได้มีบิลเติมน้ำมันรถ และบิลซ้อมรถ และได้เก็บรายนิ้วมือ
หลังจากเกิดเหตุการณ์ ตนได้กล้องวงจรปิด พบรถเก๋งดังกล่าว ถูกจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าสถานีดับเพลิงบางชัน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 8 กิโลเมตร โดยคนขับเป็นเพศชาย ได้เดินลงมาจากรถเก๋งคันดังกล่าว ไม่ทราบว่าเมาหรือไม่ แต่ในรถไม่พบสุรา
สำหรับผู้ก่อเหตุได้ขับรถเก๋ง Volvo 740 สีบรอนซ์ดำ ป้ายทะเบียนรถที่หลบหนี กธ 6498 พระนครศรีอยุธยา โดยผู้ก่อเหตุได้ทิ้งรถคันดังกล่าวไว้ที่บริเวณหน้าสถานีดับเพลิงบางชัน ก่อนที่จะขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีไป โดยสภาพรถเก๋งยางล้อหน้าฝั่งซ้ายและหลังฝั่งขวายางแตก ไฟหน้าขวาแตกเสียหาย ส่วนรถจักรยานยนต์ตัวถังรถฝั่งซ้ายเสียหาย และบริเวณส่วนท้ายยุบเข้าไป
คดีที่เกิดขึ้นขณะนี้ถือว่าซับซ้อนมากขึ้น แต่ทางเจ้าหน้าตำรวจขอเวลาในการทำงาน ตนเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงได้เจอตัวผู้ก่อเหตุ และได้แจ้งข้อหา 2 ข้อหา ข้อหาแรกชนแล้วหนี และขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฝากไปถึงคนขับว่า ขอให้มอบตัวอย่าหลบหนี
นอกจากนี้เจ้าของรถคันดังกล่าว ได้เดินทางมาที่ สน.มีนบุรี เพื่อให้ปากคำ โดยนางสาวฟ้าใส (นามสมมติ) เปิดเผยว่า รถดังกล่าวเป็นชื่อของตนจริง แต่ได้ขายไปในเดือน ส.ค.59 ทางเว็บไซต์หนึ่งในราคา 4 หมื่นบาท โดยได้ซื้ออขายแบบโอนลอย
เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนว่าไม่ควรขายรถแบบโอนลอย ไม่อย่างนั้นจะทำให้มีปัญหาตามมาทีหลัง ทั้งนี้ตนได้นำเอาเอกสารการซื้อขายรถเก๋งคันดังกล่าวมายืนยันว่า ตนไม่รู้จักกับผู้ก่อเหตุ
Advertisement