วันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา 01.00 น.พันตำรวจโท กรวิก สุปะทัศ สว.สอบสวน สน.บางขุนเทียน รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนบริเวณใกล้เคียงปากซอย วุฒากาศ 33 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยดาวคะนอง และ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมทั้งอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยหลายหน่วยงานเร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุพบแสงเพลิงและกลุ่มควันเป็นจำนวนมากเกิดขึ้นที่บ้านเลขที่ 11 ซอย วุฒากาศ 33 ถนน วุฒากาศ แขวง บางค้อ เขต จอมทอง กรุงเทพมหานคร เป็นลักษณะอาคารพาณิชย์สูงสามชั้นปลูกติดกันสองคูหา ซึ่งแสงเพลิงและกลุ่มควันเป็นจำนวนมากเกิดขึ้นบริเวณชั้นล่างของตัวอาคารดังกล่าวแล้วลุกลามมอย่างรวดเร็วขึ้นสู่ชั้นที่สองและสามจนเต็มบริเวณพื้นที่
เจ้าหน้าที่อาสาสมัครพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง จึงเร่งรัดจัดวางหัวดับเพลิงและเร่งทำการระงับเหตุอย่างเร่งด่วนทันที แต่จากการที่แสงเพลิงลุกลามเร็วและมีแสงเพลิงที่รุนแรงจึงมีเสียงระเบิดจากด้านในอาคารเป็นระยะๆ และต่อมาจึงทราบว่าอาคารดังกล่าวเป็นโชว์รูมรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อดังหลายยี่ห้อ ด้านในอาคารมีรถจักรยานยนต์ มือ 1 หลายสิบคันอยู่ ส่วนโชว์รูมร้านจักรยานยนต์ดังกล่าวชื่อร้าน เอ็มไดร์ฟ สาขาวุฒากาศ ซึ่งถือว่าเป็นร้านที่ขายรถจักรยานยนต์มือ 1 หลายรุ่นหลายยี่ห้ออยู่ภายในร้านดังกล่าวอีกด้วย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้
และเมื่อแสงเพลิงหมดไปจึงเร่งทำการระบายกลุ่มควันออกจากตัวอาคารอย่างเร่งด่วนทันที และเมื่อทุกอย่างสงบลง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงตรวจสอบพื้นที่ภายในตัวอาคาร แล้วได้พบกับผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย อายุ 63 ปี เป็นภรรยาของเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว อยู่ภายในห้องนอนบริเวณชั้นที่สามของตัวอาคารดังกล่าว ในสภาพที่น่าสลดหดหู่ใจเป็นอย่างมากคือร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในลักษณะท่านั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงนอน โดยที่มือทั้งสองข้างเกาะอยู่บนที่นอน แล้วบริเวณศีรษะอยู่บนที่นอน และใกล้กันยังพบกับโทรศัพย์มือถือ 1 เครื่อง ตอนที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงขึ้นไปพบร่างผู้เสียชีวิต โทรศัพท์มือถือยังส่งเสียงดังอยู่ เหมือนมีคนในครอบครัวพยายามโทรศัพท์หา โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าของโทรศัพท์ได้เสียชีวิตลงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราชให้มาตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิต
และจากการสอบถามพนักงาน บอกเล่าว่า ตนกำลังออกไปหาอะไรกินที่ตลาดพลูกัน เพราะบ้านตนอยู่แถวนี้ แล้วผู้จัดการร้านโทรมาบอกว่า ที่ร้านไฟไหม้ วิ่งมาดูหน่อย ตนเลยขี่รถมาดู ก็พบว่าเกิดไฟไหม้แล้ว ตนทำงานอยู่กันแค่ชั้นล่างชั้นเดียว ข้างบนไม่เคยรู้และไม่เคยขึ้นไปเลย
ด้าน นาง เกตุแก้ว อายุ 51 ปี อยู่ฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุ บอกเล่าว่า นอนหลับอยู่แล้วได้ยินเสียงดังมาก 2-3 ครั้ง เลยตื่นลุกออกมาดู เปิดมาก็เห็นควันไฟ มันพุ่งออกมาจากชั้นล่างด้านข้างก่อน เลยเรียกลูกชายให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ สักพักก็ได้ยินเสียงคล้ายมันระเบิด มีเจ้าหน้าที่มาถึงแล้วเขาบอกให้ออกห่างๆ กลัวมันระเบิด ร้านนี้เขาเปิดเป็นร้านขายรถมอเตอร์ไซค์ ตอนเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ เจ้าของตึกอยู่ด้านหลัง เขาให้เช่า เหตุเกิดประมาณเที่ยงคืน
ส่วนทางด้าน นาย สุรยุทธ์ ยุทธศรีมาลา อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จุด สน.ตลาดพลู รหัส ตลาดพลู 012 กล่าวว่า ครั้งแรกที่ได้รับแจ้งตนและอาสาสมัครก็ได้เดินทางมาตรวจสอบสิ่งแรกที่ตนเห็นคือแสงเพลิงและกลุ่มควันจำนวนมากเกิดขึ้นบริเวณด้านหลังของตัวอาคาร และก็ได้ยินเสียงแก๊สระเบิด หลังจากนั้นก็มีรถดับเพลิงมา แล้วแสงเพลิงก็ลุกโหมอย่างรุนแรง แต่ตอนที่ตนมาถึงแสงเพลิงก็แรงถึงระดับสองและสามแล้ว แต่ตนมาถึงก็ทำอะไรไม่ได้ต้องรอเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาสมทบอีกที
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแพทย์นิติเวชได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างของผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช ส่วนสาเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นยังสรุปสาเหตุไม่ได้ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนความเสียหายนั้นเป็นรถจักรยานยนต์หลายสิบคันที่อยู่ภายในอาคารดังกล่าว รวมทั้งทรัพย์สินภายในบ้านก็ได้รับความเสียหายทั้งหมดเช่นกัน.
Advertisement