วันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.00 น.ที่ลานสังคีตศาลาภายในสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี มีประชาชนทยอยเข้ามารับฟังการปราศรัยของผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชนชุดใหญ่ นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริสส.อุดรธานีเขต 1 พรรคประชาชน นายชัยธวัช ตุลาธน และน.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายให้นายคณิศร ขุริรังชิง นายกอบจ.อุดรธานี ในวัน 24 พฤศจิกายนนี้
การปราศรัยในครั้งนี้เป็นการปราศรัยใหญ่กว่าทุกเวทีที่ผ่านมาหลังจากมีการหาเสียงแบบดาวกระจายไปทุกตำบลในพื้นที่ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ของพรรคประชาชน ที่ทำการบ้านมาอย่างดี เพื่อหวังชัยชนะสนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ที่สำคัญเป็นฐานเสียงของพรรเพื่อไทย หรือพื้นที่ของคนเสื้อแดง ผู้ปราศรัยสลับกันขึ้นเวทีชูนโยบายของพรรค ที่จะแก้ปัญหาให้ชาวอุดรธานี
โดยนายณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคประชาชน ที่ได้ปราศรัยขอบคุณ 3 บุคคลที่พาดพิงถึงตน คือ ขอบคุณนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นแล้วว่าพรรคประชาชนคือพรรคการเมืองเดียวในสภาที่เอาจริงกับการผลักดันเดินหน้านโยบาย,ขอบคุณนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ขึ้นปราศรัยว่าเลือกเบอร์ 1 ที่ไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับรัฐบาลแล้วเดี๋ยวงบประมาณจะไม่พอ และขอบคุณอดีตผู้บริหารนายก อบจ.อุดรธานี ที่บอกว่าหัวหน้าพรรคประชาชนอาจไม่รู้จริงบางอย่าง
ขณะที่นายพิธา เริ่มต้นการปราศรัย ด้วยการทักทายเป็นภาษาท้องถิ่นว่า “ว่าไงชาวอุดรฯ สบายดีบ่ คึดฮอยหลายๆ” และว่า “ได้ข่าวว่า อุดรฯร้อนเป็นไฟ การเมืองร้อนระอุใช่หรือไม่ ผมบินกลับมาจากอเมริกา นั่งอยู่บนเครื่องบินดีๆ ก็จามเอาจามเอา สงสัยมีคนคิดถึงเยอะหรือเปล่า ตอนนี้ผมก็สองจิตสองใจ บอกตรงๆ เจอพี่น้องสายการเมือง เจอเพื่อนๆ นักข่าว แกบอกมาฟาดมาฟาดกลับไม่โกหกนะพิธา อีกสายหนึ่งก็บอกมาฟัง อบจ.อุดรธานี พรรคการเมือง 2 พรรค 2 เบอร์ จะทำอะไรให้อุดรธานีไม่มีเลย พูดแต่เรื่องตัวเอง ผมมาก็สองจิตสองใจว่าจะมาฟาดอย่างเดียว หรือจะมาพูดนโยบายสร้างสรรค์ดี เอาเป็นว่าเราเอาแบบพอประมาณ อะไรฟาดมามีสาระเราค่อยฟาดกลับ อะไรไม่มีสาระเราก็ไม่ฟาดกลับ แล้วเอานโยบายมาใส่ แล้วพลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้พี่น้องชาวอุดรฯ ที่มาฟังได้อะไรกลับไปบ้าง”
ผมก็ไม่ต่างจากคุณทักษิณ ก็มี “อีหล่า” กับเขาเหมือนกัน คุณทักษิณรักคุณอุ๊งอิ๊งค์ยังไง ผมก็รักพิพิมอย่างนั้น พอมีเวลาจากการงานก็มาหาลูกบ้าง จะไปกลัวแพ้อะไร จะไปกลัวแพ้ได้อย่างไร แพ้มาตั้งเยอะแล้ว แต่ชนะมาก็เยอะเหมือนกัน ได้ข่าวว่าอุดรฯ เขต 1 ก็ชนะมา บ้านเกิดคุณทักษิณ ก็ชนะมา บ้านจันทร์ส่องหล้าเขตนั้นผมก็ชนะมา
“คุณทักษิณ โดนยุบพรรคมา 3 พรรค ผมโดนยุบพรรคมา 2 พรรค เป็นรุ่นน้องแก แทนที่จะเข้าอกเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกัน ร่วมมือกันแก้กฎหมายยุบพรรคเราไม่ได้อีก 22 พ.ย.นี้ จะได้ไม่ต้องไปลุ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ไม่เอา”
นายพิธา ยังกล่าวอีกว่า คุณทักษิณ บอกว่าประชาชนยังไม่หายจน เพราะถูกยึดอำนาจไป 2 ครั้ง คุณทักษิณพูดถูก แต่ทำไมไปจับมือกับพรรคจากรัฐประหาร อันนี้ตนเองไม่เข้าใจจริงๆ พี่น้องเข้าใจหรือเปล่า คุณทักษิณ ก็บอกว่ารู้อยู่แล้วปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาความยากจนประชาชนตลอด 18 ปีที่ผ่านมา มาจากการทำรัฐประหาร เสร็จแล้วสละมือกับฝ่ายประชาธิปไตย ไปจับมือกับพรรค 2 ลุง ไปจับทำไม แบบนี้ไม่อยากจะบอกว่า เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” หรือเปล่า
เสียดายที่สุดตอนที่ 312 เสียอยู่ด้วยกัน ประชาชนเข้าแยกกองมาให้แล้ว กองฝั่งเราไม่มีลุง กองฝั่งลุงไม่มีเรา โอกาสเราร่วมมือกันเมื่อไหร่ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม กลับทิ้งโอกาสนั้น แล้วมาบอกว่า “ธนาธรอย่าแก้โครงสร้างมากนัก” ….อยากจะทลายทุนผูกขาย แต่ไม่แก้โครงสร้าง จะแก้ยังไงก็ปะผุกันไปเรื่อยๆ พอพูดแบบนั้นตนเองนึกถึงตอนดีลลับกับ หน.ชลน่านฯ”
นายพิธา ปราศรัยท่ามกลางเสียงโห่ร้องรับเป็นระยะๆ ต่อว่า “มาบอกว่าอยากจะเป็นการเท่าเทียมของโอกาส มาคุยกันที่อุดรธานีเลย วัดกันอย่างนี้เลยไหม ใครเป็นนายก อบจ.อุดรธานีคนต่อไป ทำให้เกิดความเท่าเทียมทางโอกาส ให้กับพี่น้องอยู่ที่นี่ อบจ.อุดรธานี อันแรกที่จะทำคือสาธารณสุข ความเท่าเที่ยมในโอกาสเข้าถึงการสาธารณสุข ไม่มีใครเข้าใจดีกว่าพี่คณิศรฯ เพราะลูกสาวเป็นหมออยู่ที่อุดรธานี ตนเองทำการบ้านมาแล้ว ไม่ได้มากว่าหาสาดโคลนว่ากันไปมา อบจ.อุดรธานีมีงบปีละ 1,200 ล้านบาท มีงบสาธารณสุข 35 ล้านบาท ปัญหามีอยู่ว่าหมดต่อประชากร เตียงต่อประชากร ผู้สูงอายุป่วย 5 โรค อุดรมีหมออยู่ 2.8 คน ต่อ 1,000 คน ต่ำกว่าระดับประเทศมี 3.3 คน นายก อบจ.อุดรฯที่เหมาะสมคือพี่คณิศร ขณะที่งบท่องเที่ยวมีเพียงปีละ 8 ล้าน”
ก่อนจะทิ้งท้ายการปราศรัยใหญ่ว่า “พี่น้องที่ยังไม่รู้จะเลือกใครดี ผมมี 3 เหตุผลจะเลือกใครดี ระหว่างเบอร์ 1 กับ เบอร์ 2 ว่า อาทิตย์ 24 พ.ย.นี้ทำไมต้องเลือกเบอร์ 1 พี่คณิศร 1.คณิศรฯเป็นคนขยัน เดินทุกตำบล จะเดินระดับหมู่บ้าน เป็นนักการเมืองท้องถิ่น เป็นประธานทนาย เป็นรองนายก อบจ. ทำงานได้ทันที , 2.มีทีมคนรุ่นใหม่จำนวนมาก ที่จะมาเปลี่ยนแปลงอุดรธานี ไม่ใช่ทำงานวันแมนโชว์ คนรุ่นใหม่ลูกหลานเราทั้งนั้น และ 3.เราทำงานกันแบบไร้รอยต่อ กับพรรคการเมืองอันดับ 1 ประเทศไทย ถูกยุบไปแล้ว ถูกตัดสิทธิไปแล้ว ก็ยังได้หมายเลข 1 อยู่ดี เบอร์ 1 ต้องมาที่ 1 แน่นอน”
ขณะที่นายชัยธวัช กล่าวปราศรัยว่า วันนี้เราหาเสียงไม่ได้หาเรื่อง ซึ่งเราพิสูจน์มาแล้วเกี่ยวกับความมุ่งมั่นในการทำงานท้องถิ่น และระดับชาติ เพราะตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่จนถึงพรรคประชาชน เราต้องการเปลี่ยนการเมืองทั้งประเทศไม่ใช่แค่การเมืองระดับชาติเท่านั้น
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า เราไม่ได้ต้องการยึดการเมืองท้องถิ่นเพื่อมาเป็นฐานเสียงให้กับการเมืองระดับชาติ เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ซึ่งเราให้ความสำคัญกับการเมืองท้องถิ่น เพราะการเมืองท้องถิ่นเป็นการเมืองที่ใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชน ดังนั้น เราอยากจะพลิกฟื้น และเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของพี่น้องทั่วประเทศตั้งแต่ระดับเล็กๆ ไม่ใช่แค่การเมืองภาพใหญ่ พร้อมกล่าวว่า “วันนี้ยังเป็นนายกฯ ประเทศไม่ได้ ขอเป็นนายกฯ จังหวัดอุดรฯ ก่อน”
ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายชัยธวัช กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีการพาดพิงถึงอดีตพรรคก้าวไกลว่า “วันนี้ตั้งใจมาหาเสียง ไม่อยากจะมาหาเรื่อง แต่ไม่กี่วันก่อนอดีตนายกฯ ให้เกียรติพูดถึงพวกตนหลายเรื่อง ตนจึงขอพูดบ้าง เพราะนายทักษิณ มาหาเสียงแล้วพูดว่าให้พรรคประชาชนไม่ต้องเสนอกฎหมาย แต่ไปยกเลิกกฎหมายเก่าก่อน จนอยากจะบอกว่า กฎหมายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหา การจะยกเลิกกฎหมายเก่าที่มีปัญหา จะต้องมีการออกกฎหมายฉบับใหม่”
“การผลักดันนโยบายที่สำคัญก็จะต้องออกกฎหมาย ดังนั้นแข่งกันออกกฎหมายดีแล้ว ออกกฎหมายยกเลิก แก้กฎหมายที่มีปัญหา ออกกฎหมายที่มีประโยชน์กับพี่น้องประชาชน เป็นสิ่งที่ สส. ต้องทำ ไม่งั้นพี่น้องจะเลือก สส. ไปทำไม เลือกไปนั่งง่อยๆ เหมือน สส. รัฐบาลในสภาฯ หรือไง วันๆ นั่งเป็นฝักถั่ว ถ้าจริงใจอยากจะแก้ปัญหาพี่น้องประชาชนจริงๆ ก็ต้องพิสูจน์จากการปฏิบัติ ไม่ใช่มาโจมตีกันแบบนี้ ไร้สาระที่สุด” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช ยังกล่าวถึงการเสนอกฎหมายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ให้กับรัฐบาลในสมัยของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แต่กลับไม่เซ็นรับรองกฎหมาย รวมถึงกฎหมายขนส่งทางบกพรรครัฐบาลก็โหวตคว่ำ จึงมองว่า ประเด็นพวกนี้ไม่ควรเอามาโจมตีกัน ควรเอาผลประโยชน์ของพี่น้องมาพูดกัน ไม่ใช่พูดเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาให้คนเข้าใจผิด มันไม่สร้างสรรค์
นายชัยธวัช กล่าวทิ้งท้ายว่า สุดท้ายไม่พูดไม่ได้ เพราะฟังนายทักษิณแล้วมันคันหัวใจ ที่บอกว่า “เกลียดพวกพ่อค้ายามาก ถ้าเจอจะเรียกมา” จึงถามว่าเรียกมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ พ่อค้าแป้งยังเป็นรัฐมนตรีได้ นักการเมืองที่อยู่ในพรรคร่วมท่าน ใครที่มีเอี่ยวกับทุนเทา บ่อนพนัน ยาเสพติด จัดการให้หมดเด็ดขาด ทำไมไม่ทำ และยังดูถูกพี่น้องชาวอุดรธานี และน่าสงสัยว่าจะจัดการปัญหายาเสพติด และไว้ใจได้อย่างไรในเมื่อภรรยาของว่าที่ผู้สมัคร อบจ. ยังมีหุ้นกับนายตู้ห่าวอยู่เลย
นอกจากนี้ นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า เราไปหาเสียงว่ามีประสบการณ์อย่างไร แต่ก็ถูกโจมตีว่าเป็นเด็กอ่อน ไม่มีประสบการณ์ ซึ่งยอมรับว่า เป็นเด็กอ่อนหน้าใหม่ พรรคการเมืองใหม่ แต่ทำไมต้องมีการเมืองแบบใหม่ ก็เพราะนักการเมืองแบบเก่าไม่ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ถ้าอยากรู้ว่ามีประสบการณ์หรือไม่ ก็ลองเลือกดู พี่น้องจะไม่ผิดหวัง
Advertisement