เหยื่อแชร์ลูกโซ่สยามแอฟโร่ ร้องบิ๊กต่าย ถูกหลอกหมดตัวสูญกว่าพันล้าน

เหยื่อแชร์ลูกโซ่สยามแอฟโร่ ร้องบิ๊กต่าย ถูกหลอกหมดตัว สูญกว่าพันล้านบาท แถมแอบอ้างชื่อ บ.แสนสิริ ของ "เศรษฐา ทวีสิน" ทำให้หลงเชื่อ บางรายเครียดจบชีวิต

คอนเทนต์แนะนำ

เปิดใจ น้องเฟิร์น นิสิตคณะเภสัชศาสตร์ ผู้ชนะเลิศออกแบบโลโก้ "หมูเด้ง"

เปิดข้อมูล ทนายตั้ม ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เจ๊อ้อย

"บิ๊กเต่า" ขอเวลา 10 วัน สรุปอีก 3 คดี “กฤษอนงค์-ฟิล์ม รัฐภูมิ”

วันที่ 18 พ.ย.67 นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร เจ้าของเพจเคนโด้ช่วยด้วย พาผู้เสียหายมากกว่า 50 คน เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีแชร์ลูกโซ่ ใน จ.เชียงใหม่หลอกลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มีผู้เสียหายหลงเชื่อกว่า 8,000 คนทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 1 พันล้านบาท

ดีเจเคนโด้ ระบุว่า บริษัทสยามแอฟโร่ ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีการอ้างว่าทำอสังหาริมทรัพย์ และมีการอ้างบริษัทแสนสิริ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าบริษัทใหญ่ที่ถูกอ้างถึงเข้ามาประกอบธุรกิจกับบริษัทนี้ด้วย อยากจะวิงวอน บริษัทแสนสิริ และนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าบริษัทดังกล่าวมีการแอบอ้าง ทำให้ผู้เสียหายมีการลงทุนเงินไปจำนวนมาก ถือว่าเป็นการแอบอ้างทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัทแสนสิริพอสมควร อยากให้ แสนสิริ ออกมาฟ้องดำเนินคดีบริษัทนี้อย่างเด็ดขาด

นอกจากนี้บริษัทดังกล่าว ยังมีแผนการตลาดที่ดึงดูด ชัดเจนว่าลงจำนวนเท่านี้ จะได้ผลตอบแทนเท่านี้ ทำให้หลายคนเกิดความเชื่อถือบริษัท จนมีความเสียหาย

บริษัทนี้ที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือ เปิดช่องทางอ้างว่า ถ้าเอาบ้าน ที่ดินไปขายฝากให้กับเขา เขาจะทำกำไรให้ โดยการเอาไปขายให้อีกทอดหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้จ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย

ขณะที่ นางอาภรณ์ทิพย์ อายุ 74 ปี ชาวสงขลา ที่เดินทางมาจากจังหวัดสงขลา เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า เมื่อปี 2566 มีนายหน้าขายที่ดิน ที่รู้จักมาก่อนแล้ว ได้มาชักชวนให้ร่วมลงทุนกลับบริษัทนี้ โดยอ้างว่าบริษัทให้เงินปันผลตอบแทนสูง ด้วยความที่ป้าเชื่อใจ จึงตัดสินใจลงทุนเป็นเงินสดก้อนแรกไปจำนวน 300,000 บาท เมื่อเดือนมีนาคม 2566 และบริษัทจะโอนเงินปันผลกลับมา 3 ครั้งต่อเดือน เฉลี่ยแล้วเดือนละ 21,000 บาท พอเห็นว่าได้เงินปันผลกลับมาจริงๆ ป้าก็เพิ่มยอดเงินเข้าไปอีก ซึ่งมีทั้งเอาที่ดินไปจำนอง เพื่อไปลงทุน รวมแล้ว 20 ล้านบาท หลังจากนั้น 7 เดือน บริษัทก็ไม่โอนเงินให้ ทำให้ตอนนี้ป้าต้องเสียทรัพย์สินทั้งหมดไปแล้ว ญาติพี่น้องก็ตัดขาดความสัมพันธ์ ตอนนี้ต้องไปอาศัยอยู่กับลูกที่ห้องพักรายเดือน บางวันก็ต้องไปขอข้าวคนอื่นกิน ตนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกแล้ว

"ทีนี้เราก็อด เงินจะกินก็ไม่มี บ้านก็แตก แม่ก็ตัดลูกกับเรา พี่น้องก็ตัดกับเรา เพราะเราเอาทรัพย์สินไปลงทุนตรงนี้หมด เราก็รู้สึกไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้วเหมือนกัน แต่ว่าก็มีเพื่อนที่เขาเสียหายเหมือนกัน เขาก็บอกว่าอย่าคิดสั้น ให้มีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อที่จะได้ไปเตือนคนอื่น ให้รู้ว่าอย่าไปเชื่ออะไรแบบนี้ ก็เลยทำให้เราต้องทนอยู่จนถึงทุกวันนี้ ข้าวก็ไม่มีจะกิน ต้องขอเขากินเหมือนขอทาน"

ด้านผู้เสียหายอีกราย ระบุว่า ที่ออกมาวันนี้เพราะทนไม่ไหวกับพฤติกรรม บริาัทที่ดูถูกข่มเหงพวกเราเกินไป เวลาประชุมในห้อง เขาก็จะปิดไมค์พวกเราไม่ให้มีการตอบโต้ ใครพิมพ์ไปสอบถามในไลน์กลุ่ม ก็จะถูกดีดออก เขาจะพูดแต่ในส่วนของเขาเท่านั้น ไม่เคยพูดในส่วนของผู้เสียหายเลย

โดยแผนการตลาด เขาบอกว่าถ้าลงทุนกับเขาจะได้เงิน กลับมา 12% ทุกวันที่ 10 , 20 และ 30 ดังนั้นทุกคนเห็นมูลค่ามันเยอะ บางคนมีงบน้อยแค่ 25,000 บาท ก็เอามาร่วมลงทุน เพราะเป็นเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต เพื่อความอยู่รอดในอนาคต เขาอ้างว่ามีบริษัทแสนสิริเป็นผู้ร่วมซื้อที่ดิน สมมติว่าเขาซื้อที่เราในราคาวาละ 5,000 บาท เขาบอกว่าเขาเอาไปขายต่อได้วาละ 12,000 บาท มันก็เลยทำให้เราเกิดความหลงเชื่อว่า บริษัทนี้น่าจะทำกำไรให้พวกเรา พวกเราก็เลยเอาเงินมาลงทุน แต่หลังเกิดเรื่องสอบถามไปยังแม่ทีม ก็ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือแม้แต่คนเดียว

ด้านดีเจเคนโด้ ระบุว่า หนึ่งปีที่ผ่านมาแจ้งความลำบากมาก ไม่มีใครรับแจ้งความ โรงพักพยายามจะบอกว่าไม่ใช่คดีใหญ่โตเขาก็เลยไม่รับแจ้งความ วันนี้อยากวิงวอน ท่านผบ.ตร. ให้ลงมาดูเรื่องนี้ด้วย และให้ตำรวจทุกพื้นที่เปิดรับแจ้งความเรื่องนี้ เพราะว่าบริษัทนี้อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ก็จริง แต่ความเสียหายมีทุกภาคเลย มีสมาชิกผู้เสียหายกว่า 8,000 รหัส คิดว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นและสื่อมวลชนนำเสนอจะมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ตบเท้ากันออกมาแจ้งความ เพราะตอนนี้อาจจะโดนข่มขู่ด้วย ทำให้พวกเขาไม่กล้าออกมา

นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายอีกคน บอกว่า เรื่องนี้เคยมีนางสาวกฤษอนงค์ นักร้องเรียนที่ตกเป็นผู้ต้องหา ข้อหากรรโชกทรัพย์ คดีดิไอคอน และเป็นตัวกลางเรียกรับสินบน ที่ล่าสุดถูกส่งตัวฝากขังต่อศาลแล้ว ตอนนั้นนางสาวกฤษอนงค์ ก็ทำทีเหมือนเข้ามาช่วยเหลือผู้เสียหาย บอกว่าจะไปคุยกับบริษัทให้ แต่หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไป คาดว่าอาจจะมีดีลหรือไปเรียกเงินจากบริษัทที่หลอกลวงประชาชน จึงทำให้เรื่องเงียบไปด้วย.