ผู้การแต้มอ่านเกม "ทนายตั้ม" วางแผนร้ายฮุบมรดกมาดามอ้อย เชื่อว่า ขบวนการนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการเหลืออีกเยอะ
จากกรณีที่มาดามอ้อยออกมาเปิดเผยถึงเรื่องที่ทนายตั้มทำพินัยกรรมสอดไส้ ให้ตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก รวมทั้งแอบส่องGPS ชวนเที่ยวภูเขา และเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี แต่โชคดีที่พี่อ้อยไม่ได้เดินทางไปตามคำชวน ซึ่งทั้งหมดก็ไม่รู้ว่าทนายตั้มมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ จึงได้ชวนพี่อ้อยไปตามสถานที่เหล่านี้ หลังจากที่มีการตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดกของพี่อ้อย
ทีมข่าวอมรินทร์จึงได้เดินทางไปคุยกับพลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า กรณีเหล่านี้ทั้งการแอบติด GPS โดยจะอ้างว่าเป็นการดูแล ซึ่งฟังยังไงก็ฟังไม่ขึ้น เพราะสามัญสำนึกของคนมันสามารถพิสูจน์ได้ว่าปกติคุณดูแลทุกคนเท่าเทียมกันหรือไม่ ตนก็อยากถามว่าหากทนายตั้มเป็นห่วงเขา ทำไมต้องมีการรื้อระบบ GPS แล้วติดตั้งใหม่ แบบนี้คือส่อเจตนาไม่ดีตั้งแต่แรก
ส่วนกรณีที่มีการชักชวนให้มาดามอ้อยไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน หลังตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก ตนจะไม่กล่าวหาว่าทนายตั้มวางแผนพามาดามอ้อยไปสถานที่แห่งนั้น และทำให้เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุทางน้ำ แล้วฮุบมรดกหรือไม่ เหมือนเช่นคดีเสี่ยชูวงศ์ หรือแท้จริงแล้วเขาอาจจะอยากพาพี่อ้อยไปท่องเที่ยวก็เป็นได้
แต่สิ่งที่เราจะเปรียบเทียบได้ คือ เราต้องดูพฤติกรรมของเขา ว่า ก่อนหน้านี้เขามีพฤติกรรมอย่างไรกับพี่อ้อย เช่น ก่อนหน้านี้คุณไปโกงเขา 71 ล้าน ถูกกล่าวหาว่าโกง 39 ล้าน รวมทั้งส่วนค่าชื้อรถเบนซ์ ค่าออกแบบ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มันบ่งบอกถึงพฤติกรรมที่ซื่อสัตย์สุจริต บ่งบอกถึงความคิดในการละโมบหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเชื่อมโยงกับที่เขาตั้งข้อสงสัยกันหรือเปล่า เพราะสิ่งที่เขาทำมาตั้งแต่ต้นมันทำให้น่าคิดว่าเขามีเจตนาแอบแฝงหรือวางแผนอะไรหรือไม่
แต่หากเขากล้าทำแบบนั้นจริงๆ ตนมองว่าสิ่งที่ทำให้เขากล้าทำ อาจเพราะว่าเขาเป็นทนายชื่อดัง มีสื่ออยู่ในมือ และมีคนที่คอยหนุนหลังอยู่ จึงทำให้เขาผยองใจได้ว่าสิ่งที่ถ้าทำเขา ทำให้เขาเชื่อว่าหากเขาทำแบบนั้น จะไม่มีใครสามารถเอาผิดเขาได้หรือไม่
ผู้การแต้ม บอกอีกว่า นอกจากแนวทางการสืบสวนของตำรวจที่จะสืบสวนในที่เกิดเหตุ ต้องมีการชันสูตรพลิกศพ และหาสาเหตุการตาย และดูมูลเหตุแรงจูงใจในการฆ่า ขณะเดียวกันทางตำรวจก็จะต้องมีการสืบและวิเคราะห์ ไปจนถึงภูมิหลังของคนๆนั้น ว่าเติบโตมาอย่างไร ผ่านความทุกข์ยากลำบากมาตั้งแต่เด็กหรือไม่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ทางตำรวจรู้ถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุได้
นอกจากนี้ผู้การแต้ม ยังบอกอีกว่า หากจะให้วิเคราะห์พฤติการณ์ของทนายตั้ม ก่อนที่จะถูกจับกุมทางทนายได้ออกมาแถลงที่กองปราบ ตนมองไว้ 3 ประเด็น คือ 1. วันนั้นทางทนายตั้มอาจจะรู้ว่าเขาจะถูกออกหมายจับ จึงทำให้เขาชิงมาพบพนักงานสอบสวนก่อน เพื่อที่จะแสดงเจตนาบริสุทธิ์ 2. หากวันนั้นมีการออกหมายจับ ก็จะทำให้เขาสามารถที่จะชิงประกันตัวออกมาได้ทัน 3. เขาออกมาพูดเพื่อให้เป็นกระแสให้สังคมรู้ว่าเขากล้ามาที่กองปราบ
ขณะเดียวกันทางผู้การแต้มยังเชื่อว่า ขบวนการนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการเหลืออีกเยอะ ที่จะต้องมีการเชิญมาสอบปากคำ เพราะตนเชื่อว่าไม่ได้มีเพียงแค่รายชื่อที่ปรากฏเท่านั้น ซึ่งตนเชื่อว่ายังเหลือคนใกล้ชิดทนายตั้มอีกไม่น้อย ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องก็เป็นได้ ซึ่งตำรวจจะต้องหาให้เจอ ส่วนคนใกล้ชิดที่เหลืออีกไม่นานตำรวจก็จะมีการเชิญตัวมาสอบปากคำแน่นอน
Advertisement