วันที่ 23 พฤศจิกายน 67 ที่วิหารหลวงพ่อพูลวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน ) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ชายสวมหมวกสีแดงกระโดดถีบพระครูปลัดธีรธนัชเมตตฺตธมฺโม หรือพระปีนเสา ที่บริเวณหน้าอาคารสำนักงานบริษัทอาร์เอสจำกัด(มหาชน) หลังจากไปออกรายการที่ และกำลังจะลงมาขึ้นรถแท็กซี่ ที่จอดรอรับ
ต่อมาภาพกล้องวงจรปิดสามารถจับชายที่ก่อเหตุซึ่งได้เดินออกไปจากหน้าอาคาร และรถกระบะสี่ประตูสีบรอนเงินยี่ห้อโตโยต้าทะเบียน1777นครปฐม ซึ่งมีภาพชายคนขับรถทราบชื่อต่อมาคือ เฮียยุทธ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพี่น้ำฝน ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
โดยวันนี้ (23พ.ย.67) หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่มาติดตามความเคลื่อนไหว หลังจากพระปีนเสาได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่สน.บางเขน ท้องที่เกิดเหตุ
หลวงพี่น้ำฝน บอกว่า ชายคนที่ก่อเหตุคืนายแขก เป็นลูกศิษย์จริงซึ่งเคยได้มาบวชพระที่วัดไผ่ล้อม แต่ไม่ได้ทำงานในวัด คนที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของวัดคือเฮียยุทธ คนที่ปรากฏภาพขับรถกระบะดังกล่าวเข้าออกในบริษัทอาร์เอส และอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
โดยหลังจากที่มีภาพข่าวปรากฏและได้ดูข้อมูลเมื่อเมื่อเช้านี้ ได้เรียกเฮียยุทธ เข้ามาสอบถามถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และได้ตักเตือนสั่งการเข้มห้ามเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก เนื่องจากเป็นการกระทำที่ใช้อารมณ์โดยไม่มีเหตุผล
หลวงพี่น้ำฝน ยังบอกอีกว่า เมื่อได้ทราบเรื่องแล้วได้ให้ทนายความประสานไปยังสถานีตำรวจนครบาลบางเขน เพื่อที่จะนัดหมายให้มีการนำตัวนายแขก และเฮียยุทธ เข้าไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบอกว่าลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับผิด เมื่อเขาไปแจ้งความแล้ว ก็ต้องเข้าไปสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งในเหตุการณ์มีเพียงเฮียยุทธคนเดียว ที่ทำงานอยู่ที่วัดไผ่ล้อมส่ วนนายแขก ไม่ได้มาทำงานที่วัดไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่วัดมาก่อน
หลวงพี่น้ำฝน บอกว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นเพราะเฮียยุทธ ได้ออกไปรับงานอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว และทราบว่าอาตมาจะเดินทางไปพบกับพระปีนเสาที่นั่น แต่ปรากฏว่า รอเอกสารจากอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งยังไม่ได้รับ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยที่พระปีนเสาได้ไปออกอากาศจบสิ้น จึงไม่ได้ไป และไม่ได้บอกกับเฮียยุทธเอาไว้ว่ายกเลิกภารกิจ ที่จะเข้าไปแล้ว แต่ระหว่างนั้นเฮียยุทธ ได้ไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ และนั่งดูคลิปรายการสด โดยมีแขกนั่งอยู่ด้วยซึ่งได้ให้ข้อมูลว่าเกิดการบันดาลโทสะ เนื่องจากพระปีนเสาได้พูดพาดพิงถึงอาตมาหลายเรื่อง และได้ก่อเหตุเอง โดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนกระทั่งมีนักข่าวโทรมาถามถึงทะเบียนรถว่า เป็นของอาตมาหรือไม่ ก็แจ้งไปว่าใช่ จึงทราบว่ามีการก่อเหตุกระโดดถีบพระปีนเสา
ตอนนี้อาตมาได้ทำการสั่งสอนทั้งคู่ไปแล้วว่า ทำอะไรไม่ควรใช้โทสะเป็นที่ตั้ง ซึ่งอาตมาเองก็เคยได้พูดกับพระปีนเสาหลายรอบ จะรู้ว่าเวลาท่านพูดอะไรมักจะทำให้คนที่รับฟังเกิดอารมณ์ ซึ่งอาตมาเข้าใจและรู้ว่าจะต้องระงับความโกรธได้อย่างไร ส่วนลูกศิษย์เมื่อได้ฟังบ่อยๆเข้า ก็เกิดมีอารมณ์ แต่ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะเวลาท่านพูดท่านจะกวนอยู่ตลอดเวลาทำให้เราเกิดอารมณ์ได้
“กรณีนี้อาตมาได้สอนลูกศิษย์และเจ้าหน้าที่ภายในวัดทุกคนหลังเกิดเหตุว่าเวลาทำอะไรอย่าใช้อารมณ์ มุมหนึ่งก็เข้าใจว่าลูกศิษย์ลูกหาที่รักเราพอฟังแล้วก็เกิดอารมณ์แต่พอเกิดปัญหาขึ้นแล้วก็ได้อธิบายว่าผลจะเป็นอย่างไรและเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นการรุมทำร้ายซึ่งมีบางสำนักเขียนข่าวว่าเป็นชาย 3 คนบุกเข้าไปทำร้ายร่างกายพระปีนเสา แต่ภาพที่ทุกคนได้เห็นคือมีนายแขก คนเดียวที่เข้าไปกระโดดถีบหลังพระปีนเสา ซึ่งเรื่องนี้ได้ตักเตือนอย่างหนัก และกำชับให้ชัดเจนว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกและต้องขอโทษทางสถานีช่อง 8 ด้วยที่ลูกศิษย์ของอาตมาไปก่อเหตุไม่สมควรแบบนั้น"หลวงพี่น้ำฝนกล่าว
ส่วนในกรณีของพระปีนเสาที่ยังไม่ยุตติพฤติกรรมแปลกแปลกหลวงพี่น้ำฝนมองว่า มีคนถามว่าประเด็นนี้พระปีนเสาจะมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ในส่วนตัวของอาตมาคิดว่าไม่น่าจะมีใคร เขาน่าจะคิดเองคนเดียว ซึ่งหากใครที่คิดจะเข้าไปสนับสนุน หรืออยู่เบื้องหลัง ก็ควรจะต้องไปเช็กสมองด้วย ที่สำคัญที่สุดอาตมามองว่า ตัวท่านเองไปก้าวล่วงกับศาสนาอื่น ซึ่งเป็นเหตุไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นการไม่เหมาะสมกฎของสงฆ์ก็มีอยู่แล้ว เรามาทำศาสนาของเราให้ดีที่สุดก่อนดีกว่า
และที่สำคัญเหมือนกับคุณกันจอมพลัง ได้พูดไว้คือปัญหาที่เกิดขึ้นก็เกิดจากปากของท่านเอง ซึ่งยิ่งท่านพูดไปปัญหาอื่นก็ยิ่งเกิดขึ้น เราเป็นพระสงฆ์ ก็ควรอยู่ในกฎระเบียบและกติกาของคณะสงฆ์ เรามีพระสังฆธิการในการปกครองดูแลตามลำดับชั้น และท่านเรียกแขกมาด้วยปากของท่านเอง แล้วก็เกิดอารมณ์ และคนฟังเขาฟังแล้วก็เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของแต่ละคน
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พยายามขอประสานไปยังเฮียยุทธ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของวัดไผ่ล้อม ปรากฏว่าไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ บอกเพียงสั้นๆว่า เกิดความเครียดที่ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น ซึ่งตอนนี้หลวงพี่น้ำฝนได้มีการสั่งการให้พักงานโดยไม่มีกำหนด และให้ไปสะสางปัญหาของตัวเองให้จบเสียก่อน และจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะให้ทำงานในตำแหน่งใดหรือได้ทำงานอีกหรือไม่ในวัดไผ่ล้อม โดยก็ไม่คาดคิดว่านายแขก ที่เดินอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วยกัน จะตรงดิ่งไปกระทำแบบนั้น
ส่วนนายแขก คนก่อเหตุผู้สื่อข่าวยังไม่สามารถพบตัวหรือหาเบอร์ติดต่อได้
Advertisement